เปิดบทสัมภาษณ์ “ราเมช นาราสิมัน” ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ถึงทิศทางและแนวโน้มของตลาดรถยนต์ไทยนับจากนี้ หลังโควิด-19 กระทบหนักทำตลาดทรุดดิ่งเหว คาดตลาดรวมแย่สุด 600,000 คัน เร่งปรับกลยุทธ์ใหม่ให้สอดคล้องพร้อมรับมือ มั่นใจ อี-พาวเวอร์ ลูกค้าชาวไทยตอบรับดี
ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทย
นับว่าอยู่ในช่วงที่ยากลำบากและท้าทายที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดว่าตลาดรวมน่าจะหดตัวลงราว 35% หรือ มาอยู่ที่ระดับประมาณ 600,000-610,000 คัน ในปีนี้ เนื่องจากยอดขายรถของทุกค่ายลดลง ไม่ใช่เป็นแต่เฉพาะค่ายใดค่ายหนึ่งเท่านั้น แต่คาดหวังว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้น ยอดขายจะค่อยๆ กลับมาได้
โรงงานและการปรับตัว
หลังจากที่มีการประกาศปิดโรงงานไปนั้น ปัจจุบัน (25 พฤษภาคม 2563) มีการกลับมาผลิตเป็นปกติสำหรับไลน์การประกอบรถยนต์ที่หนึ่ง ส่วนไลน์ที่สองนั้นอยู่ระหว่างการประเมิน ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเริ่มผลิตเมื่อใด เนื่องจากต้องรอความพร้อมของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ป้อนให้กับโรงงานด้วย
แผนการลงทุนในไทย
ทุกอย่างยังคงยืนยันตามแผนเดิมที่เคยประกาศว่าจะลงทุน 10,000 ล้านบาทในประเทศไทย ส่วนการปรับโครงสร้างของนิสสัน มอเตอร์ ที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่สามารถบอกได้ในมุมของ นิสสัน ประเทศไทย คือ โรงงานของนิสสันในไทยนั้นเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของนิสสัน อีกทั้งยังเป็นฐานการส่งออกรถนิสสันไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ดังจะเห็นจากการที่ไทยเป็นประเทศแรกต่อจากญี่ปุ่นที่ได้รับอนุญาตให้เป็นฐานการผลิตเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์
กลยุทธ์เน้นดิจิตอล
นิสสัน ยืนยันมาตลอดในเรื่องของกลยุทธ์ด้านราคา จะไม่มีการลดราคาเพื่อสร้างยอดขาย แต่ที่ผ่านมานั้นเป็นแคมเปญพิเศษสำหรับบุคคลากรทางการแพทย์ที่จำกัดจำนวนการขายเพียง 1,000 คันเท่านั้น โดยนิสสันคำนึงถึงสถาการณ์ที่ยากลำบากในเวลานี้และอยากจะตอบแทนบุคคลากรที่ได้ชื่อว่าเป็น แถวหน้า ในการจัดการกับวิกฤตการณ์ดังกล่าว จึงมั่นใจว่านิสสัน ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อตอบแทนสังคม
ส่วนแผนการตลาดต่างๆจะเน้นการรุกไปที่ดิจิตอลมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงการให้บริการในเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญ Care for you ที่นำรถไปให้ลูกค้าได้ทดลองถึงที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องมาที่โชว์รูม เพื่อลดความเสี่ยงของลูกค้า เป็นต้น
นิสสัน คิกส์เป็นอย่างไร
นิสสัน คิกส์ และ อี-พาวเวอร์ นั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของตลาดไทย ซึ่งนิสสันต้องเร่งให้ความรู้แก่ผู้บริโภค และยืนยันว่า นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก ไม่ใช่รถไฮบริด เนื่องจาก คุณสมบัติในการขับขี่ อัตราเร่ง และความนุ่มนวล เป็นแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า อยากให้ลูกค้าได้มาทดลองขับแล้วจะทราบถึงความแตกต่าง
ทั้งนี้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ของนิสสัน เพราะนิสสัน ขายรถที่ใช้ระบบอี-พาวเวอร์ในการขับเคลื่อนมานานกว่า 3 ปี จำนวนกว่า 100,000 คัน ที่ประเทศญี่ปุ่น (ในรุ่นโน๊ต และ เซเรน่า) ดังนั้นลูกค้าจึงไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องค่าบำรุงดูแล ในระยะเวลา 5 ปี จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 บาท ซึ่งไม่แตกต่างจากค่าใช้จ่ายของรถในระดับ บี เซกเมนท์
ขณะที่การรับประกันตัวรถทั้งหมดคือ 3 ปี หรือ 100,000 กม. ส่วนระบบอี-พาวเวอร์ รับประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กม. และแบตเตอรี่ รับประกัน 10 ปี หรือ 200,000 กม.
คาดหวังอย่างไร
จากผลสำรวจล่าสุดโดย UGOV จากกลุ่มตัวอย่างราว 2,000 คน ระบุว่า 9 ใน 10 คน มีความสนใจที่จะซื้อรถยนต์ใหม่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้นจึงมั่นใจว่า คิกส์ อี-พาวเวอร์ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยไม่สามารถระบุเป็นจำนวนคันได้ แต่เชื่อว่าจะยอดขายของคิกส์จะช่วยให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของนิสสันเพิ่มขึ้นมาได้ โดยตั้งเป้าไว้ที่ ส่วนแบ่งการตลาดรวม 7%
อยากให้รัฐช่วยอย่างไร
สถานการณ์ตอนนี้ยินดีรับทุกความช่วยเหลือจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ถือว่าดีทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้รัฐสั่งซื้อ นิสสัน คิกส์ หลายพันคัน จะดีที่สุด
