เทียบสเปค ของรถยนต์ในเซกเมนต์รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีขนาดคอมแพกต์ หรือ C-SUV ที่ต้องเรียกแบบนี้เพื่อความเข้าใจที่ง่ายและถูกต้องตรงกัน แม้ว่าปัจจุบันรถในหมวดนี้จะมีขนาดตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่พอๆ กับรถซีดานระดับกลางแล้วด้วยการขยายตัวถังที่เพิ่มขึ้นในการพัฒนาแต่ละเจเนอเรชัน รวมถึงระดับราคาที่ขยับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
ที่สำคัญรถในหมวดนี้ถือว่าได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานและเป็นการนำเสนอต่อเนื่องจากการเปรียบเทียบรถในหมวด B-SUV เพื่อช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนคันไหนเป็นอย่างไรและจะมีน้องใหม่คันใดเข้าสู่ตลาดเพิ่มเติมบ้าง ทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ขอนำเสนอ
ไล่เรียงสำรวจตลาดพบรถในเซกเมนต์นี้มีอยู่ด้วยกัน 5 แบรนด์ ระดับราคาใกล้เคียงกันตั้งแต่ 1.3-1.7 ล้านบาท ได้แก่ ฮอนด้า ซีอาร์-วี, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5, นิสสัน เอ็กซ์เทรล, ซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ และ เอ็มจี เอชเอส ที่ถือว่าเป็นน้องใหม่ล่าสุด โดยการเปรียบเทียบครั้งนี้จะทำประหนึ่งผู้เขียนกำลังหารถให้กับครอบครัว โดยมีงบล้านกลางๆ ภายใต้แนวทางหลักคือ คุ้มค่า
แน่นอนว่าหากตั้งธงแบบนี้ หลายท่านจะสามารถเดาได้ว่า ผลลัพธ์จะไปออกที่ เอ็มจี เอชเอส อย่างไม่ต้องสงสัยด้วยราคาค่าตัวที่ย่อมเยากว่าคู่แข่งรายอื่นๆ แต่เราลองมาดูรายละเอียดกันหน่อยว่าแต่ละแบรนด์เป็นอย่างไรกันบ้าง
ก่อนอื่นรถที่นำมาเปรียบเทียบสเปคกันขอหยิบมาเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเป็นหลัก เพื่อความกระชับของข้อมูลและมีครบทุกแบรนด์ ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลนั้น มีเพียง 2 ยี่ห้อคือ ฮอนด้า ซีอาร์-วี และมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เท่านั้นที่มีจำหน่าย ส่วนนิสสัน เอ็กซ์เทรล ถือว่าเป็นเพียงหนึ่งเดียวในเซกเมนต์นี้ที่มีทางเลือกเป็นรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งจะมีกล่าวถึงในบทความนี้ด้วยเช่นกัน
เริ่มกันที่ขนาดมิติตัวถัง ทุกคันถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย (ดูตารางประกอบ) โดยภาพรวมนิสสัน เอ็กซ์เทรลจะมีขนาดใหญ่ส่งผลให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันมากอยู่ที่ระดับ 12 กม./ลิตร จากเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ที่จับคู่กับเกียร์ซีวีที ถือว่าเป็นจุดที่ผู้บริโภคชาวไทยไม่ชอบลักษณะของเกียร์ระบบนี้จากนิสสัน
ด้านพละกำลังเรียกว่า แทบไม่แตกต่างกัน ไม่น่าจะนำมาเป็นสาระสำคัญในการเลือกได้เลยเพราะตัวเลขนั้นสูสีกันอย่างยิ่ง ทั้งแรงม้าและแรงบิด ดังนั้นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดในส่วนนี้คือ ระบบส่งกำลังหรือเกียร์นั่นเอง โดยจากที่เราทดลองขับมาทุกรุ่น คันที่ขับแล้วให้การตอบสนองทันใจสุด น่าจะเป็น มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ขณะที่ ฮอนด้า ซีอาร์-วี จะเป็นรถที่กระฉับกระเฉงและมีความนุ่มนวลลงตัว ส่วนเอ็มจี เอชเอส แม้โดยตัวระบบเกียร์จะเป็นเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมสุด (ลักษณะการทำงานเดียวกับ DSG และ PDK ) แต่ด้วยความที่ฉลาดมากเกินไปทำให้บางช่วงของการขับยังไม่เนียนเท่ากับคู่แข่ง
ทั้งนี้หากมองไปที่เทคโนโลยีของเครื่องยนต์นาทีนี้ต้องยกให้กับ เอ็มจี เอชเอส มากับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 เทอร์โบ ได้ทั้งความแรงและความประหยัด เทียบกับคู่แข่งส่วนใหญ่จะใช้เครื่องขนาด 2.0-2.5 ลิตรเลยทีเดียว โดยเอ็มจี เอชเอส ยังเป็นรถที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากในคลาสนี้ ที่สำคัญทำตัวเลขการบริโภคน้ำมันน้อยกว่าระบบไฮบริดของนิสสันอีกด้วย
ขณะที่ออปชันเด่นๆ ของแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อนั้น ส่วนใหญ่จะมีคล้ายๆ กัน หากมองเทียบไปในรุ่นท็อปสุดของแต่ละยี่ห้อ ค่ายที่ให้ออปชันมามากคือ เอ็มจี เอชเอส ทั้งหลังคากระจกใหญ่เต็มบาน, ระบบ ไอ-สมาร์ท เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ฟรี และระบบความปลอดภัยที่มีมาให้เหมือนกับทุกยี่ห้อและมีมากกว่าด้วยเช่น ระบบช่วยให้รถอยู่ในเลน LKA เป็นต้น
ถึงจุดนี้ แม้จะยังไม่พูดเรื่องของราคา เอ็มจี เอชเอส ดูแล้วน่าสนใจที่สุดในคลาส และยิ่งเมื่อมามองด้านราคาประกอบจะเห็นส่วนต่างที่ถูกกว่ากันราว 300,000 บาท เมื่อเทียบกับรุ่นท็อปด้วยกัน ถ้ามองด้านความคุ้มค่าเป็นหัวใจหลัก คำตอบคือ เอ็มจี เอชเอส แบบไม่ต้องลังเล
อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อรถยังมีส่วนที่ต้องคำนึงถึงและให้น้ำหนักไม่น้อยกว่าความคุ้มค่า นั่นคือเรื่องของ ภาพลักษณ์และความชื่นชอบในแบรนด์ ที่ล้วนเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล ที่คงไม่อาจจะไปตัดสินใจแทนได้ รวมถึงการบริหารหลังการขาย เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น ประกอบกับทำเลที่ตั้งสะดวกสบายใกล้บ้านท่าน ซึ่งส่วนนี้ เอ็มจี กำลังเร่งทำ เช่นเดียวกับ มาสด้า โดยเราจะเห็นได้จากการรับประกันที่ยาวนานกว่าคู่แข่ง นับเป็นการสร้างความมั่นใจต่อตัวสินค้าให้แก่ผู้บริโภคทุกคน
น้องใหม่จากพี่ใหญ่พร้อมรบ
สำหรับตลาดนี้จะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาจากพี่ใหญ่อย่าง “โตโยต้า" ที่คาดหมายว่าจะเป็นรุ่น "ราฟ4" ซึ่งเคยทำตลาดมาแล้วในยุค 90 และถือว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงของฮอนด้า ซีอาร์-วี แต่การกลับมาครั้งนี้จะทำตลาดในชื่อ ราฟ4 หรือไม่ หรือ จะเป็นรุ่นใหม่ที่ไม่เคยทำตลาดที่ใดมาก่อนในโลกคงต้องติดตามดูกันอีกที แต่ที่แน่นอนคือ จะเป็นรถในพิกัด C SUV เซกเมนท์นี้100% ขณะที่หัวใจได้รับการคาดหมายว่าจะมากับเครื่องยนต์แบบไฮบริดเช่นเดียวกับโตโยต้า ซี-เอชอาร์ และโคโรลล่า ซึ่งอยู่ภายใต้แผนงานที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท
เมื่อมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามา ในส่วนของผู้เล่นเดิมในตลาดจะอยู่นิ่งๆ คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ในปีนี้เราน่าจะได้เห็นการขยับของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ในต่างประเทศมีการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ เรียบร้อยแล้ว ส่วนเมืองไทยคาดว่าจะมีคิวในปีนี้ แต่การเปิดตัวคงต้องขึ้นกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยเช่นเดียวกันว่าจะคลี่คลายเมื่อใด
ส่วนมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ในปีที่แล้วมีการเพิ่มรุ่น 2.5 เทอร์โบเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ ราคาค่อนข้างกระโดดไปพอสมควร ฉะนั้นในปีนี้จะถึงคิวของการขยับแบบไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ หลังจากที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 โดยจะมีการอัปเกรดเพิ่มระบบความปลอดภัยอย่างแน่นอน แต่จะมีการขยับเปลี่ยนเครื่องยนต์ด้วยหรือไม่คงต้องรอลุ้นอีกครั้ง
สำหรับนิสสัน เอ็กซ์เทรลนั้น ผ่านครึ่งทางของอายุโมเดลแล้ว มีการขยับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ไปแล้วเมื่อต้นปี 2019 ดังนั้นปีนี้คงมีการขยับเพียงเล็กน้อยเพิ่มออปชันหรือรุ่นตกแต่งพิเศษ ขณะที่ซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ เพิ่งจะเปิดตัวแบบโมเดลเชนจ์ไปเมื่อปีก่อนดังนั้นคงยังไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก แต่น่าจะมีรุ่นพิเศษออกมากระตุ้นตลาดเหมือนที่ทำอยู่เช่น GT edition เป็นต้น
บทสรุปของ C-SUV เซกเมนต์นี้กำลังจะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเป็นตัวเลือก ดังนั้นหากยังไม่รีบร้อนแนะนำให้ทุกท่านอดใจรอชม “โตโยต้า ราฟ4” แล้วจึงค่อยตัดสินใจ ไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียเวลาสักเท่าใดนัก แต่ถ้ารอไม่ไหว ทางเลือกของคำว่า คุ้มค่าเรามองไปที่ เอ็มจี เอชเอส