สื่อแดนปลาดิบประโคมข่าวโตโยต้ากำลังเตรียมตัวเพื่อเริ่มต้นการผลิตและขายรถไฟฟ้าแบบมวลชนในจีนอย่างเร็วที่สุดในปี 2019 เพื่อรับมือกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมของจีนที่เข้มงวดขึ้น รวมทั้งเพื่อความอยู่รอดในตลาดรถแดนมังกรที่มีการแข่งขันดุเดือด
จีนเป็นตลาดสำคัญสำหรับความอยู่รอดของค่ายรถจากทุกมุมโลก เนื่องจากถือเป็นตลาดรถใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยยอดขายเกือบ 28 ล้านคันในปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้น 13.7% จากปี 2015 เทียบกับยอดขายในอเมริกาปีที่แล้วที่มีเพียง 17.55 ล้านคัน และสำหรับปีนี้มีแนวโน้มว่า ตลาดรถจีนจะโตได้อีก 5-7%
หลังจากพยายามรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้มลพิษทางอากาศ ด้วยการออกมาตรการจูงใจในการซื้อรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ต้นปีหน้าเป็นต้นไป จีนจะเริ่มบังคับใช้โควตาการขายรถพลังงานใหม่ซึ่งกำหนดให้บริษัทรถทุกแห่งต้องมียอดขายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ รถเซลล์เชื้อเพลิง และรถปลั๊ก-อิน ไฮบริดในสัดส่วนอย่างน้อย 20% ของยอดขายทั้งหมดภายในจีนตั้งแต่ต้นปีหน้า จากขณะนี้ ที่รถไฟฟ้ามีสัดส่วนไม่ถึง 2% ของยอดขายทั้งหมด
กฎระเบียบนี้ทำให้ผู้ผลิตรถจากทั่วทุกมุมโลกที่เข้าไปแข่งขันในจีนต้องเพิ่มความพยายามในการพัฒนารถปลอดไอเสีย
สำหรับโตโยต้า มอเตอร์นั้น รายงานระบุว่า ถูกเรียกร้องให้เข้าร่วมโครงการรถพลังงานใหม่ของจีนภายในปี 2020
ด้วยกรอบเวลาที่กระชั้นชิด พี่ใหญ่แห่งแดนปลาดิบจึงเตรียมการจัดตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้าแบบมวลชนในจีน ซึ่งหนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า น่าจะเริ่มเดินเครื่องได้ในปี 2019 แต่ก่อนหน้านั้น บริษัทมีแผนขายรถปลั๊ก-อิน ไฮบริดในจีนตั้งแต่ปีหน้า และเริ่มเปิดตัวรถไฟฟ้าในปีต่อๆ ไป
โตโยต้ายังหวังว่า แผนการเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงในจีน และโรงงานในจีนยังถูกคาดหมายให้เป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้าแบบมวลชนแห่งแรกของบริษัท
สำนักข่าวจิจิ เพรสรายงานว่า แม้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะผลิตรถไฟฟ้าในจีนออกมามากน้อยแค่ไหน แต่มีแนวโน้มว่า รถไฟฟ้าที่โตโยต้าจะขึ้นสายการผลิตจะเป็น SUV ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากพี่น้องแดนมังกร อีกทั้งยังสามารถดัดแปลงเพื่อติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
ทางด้านอาซาฮี ชิมบุงระบุว่า SUV ไฟฟ้าที่โตโยต้าจะประเดิมในโรงงานในจีนน่าจะอิงจากรุ่น C-HR ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และพัฒนาแบตเตอรี่และมอเตอร์โดยอิงกับเทคโนโลยีที่ใช้ในรถไฮบริดเบนซิน-ไฟฟ้า โดย SUV ไฟฟ้ารุ่นนี้จะผลิตเพื่อจำหน่ายในจีนเท่านั้น ส่วนปริมาณการผลิตเริ่มต้นน่าจะมากกว่าหลายพันคันต่อปี
ริโอ ซากาอิ โฆษกของโตโยต้าแบ่งรับแบ่งสู้เกี่ยวกับข่าวนี้ว่า ภายใน 2-3 ปี บริษัทจะเปิดตัวรถไฟฟ้าในจีน แต่ตอนนี้ เขายังไม่อยากพูดถึงแผนการผลิตในอนาคต
ข่าวคราวความเคลื่อนไหวล่าสุดของโตโยต้ามีขึ้นหลังจากที่เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม วอลโว่กลายเป็นบริษัทรถกระแสหลักรายใหญ่แห่งแรกของโลกที่ออกมาประกาศว่า นับจากปี 2019 เป็นต้นไป บริษัทจะผลิตแต่รถไฟฟ้าหรือรถไฮบริดเท่านั้น และจะเริ่มผลิตรถไฟฟ้าเต็มตัวรุ่นแรกในจีนโดยอิงกับแพล็ตฟอร์มรถเล็ก กำหนดลงตลาดคือปี 2019 และจะส่งออกไปขายทั่วโลก
สำหรับโตโยต้านั้น ปลายปีที่แล้วได้ก่อตั้งสตาร์ทอัพพัฒนารถไฟฟ้า และบริษัทกำลังเร่งรัดโครงการนี้โดยร่วมมือกับวิศวกรจากบริษัทในเครือทั้งเดนโสะ, โตโยต้า อินดัสทรีส์, ไอซิน เซกิ
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน โตโยต้าเคยผลิตรถไฟฟ้ามาแล้วคือ ราฟ4 อีวี โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจากเทสลา บริษัทรถไฟฟ้าชื่อดังของอเมริกา แต่ขายได้เพียง 2,500 คันเท่านั้น และบริษัทตัดสินใจยกเลิกการผลิตในที่สุด
นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนยังมีข่าวว่า โตโยต้ายุติการร่วมมือกับเทสลาในการพัฒนารถไฟฟ้าที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งค่ายรถยักษ์ใหญ่แดนอาทิตย์อุทัยตกลงซื้อหุ้นเทสลา 3.15% เป็นเงิน 50 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เมื่อปลายปีที่แล้ว โตโยต้าขายหุ้นเทสลาทั้งหมดโดยชี้แจงว่า เป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนเป้าหมายการลงทุน
