Audi เปิดตัว A8 ซีดานหรูเจเนอเรชั่น 4 ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและสถานะ “รถอัตโนมัติระดับ 3” รุ่นแรกของโลก เป้าหมายที่พร้อมพุ่งชนคือคู่แข่งชาติเดียวกัน ทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู
หลังปล่อยให้ค่ายรถหรูขาใหญ่ทั้งสองแห่งทำยอดขายแซงหน้าไปเมื่อปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ได้เวลาที่ Audi จะทวงส่วนแบ่งตลาดคืนด้วย A8 โฉมใหม่ที่ชูจุดขายที่เทคโนโลยีล้ำสมัย
วันอังคารที่ผ่านมา (11) Audi จัดแถลงข่าวเปิดตัว A8 รุ่นปี 2018 ในงาน Audi Summit ที่บาร์เซโลนา ซีดานตัวธงใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมการทำงานด้วยระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่ทำให้รถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองที่ความเร็ว 60 กม./ชม. และเข้าจอดได้โดยไม่ต้องพึ่งคนขับ บริษัทรถหรูจากเมืองเบียร์แห่งนี้อวดว่า A8 เป็นรถที่ผลิตออกขายรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3
เทคโนโลยี AI ใน A8 เป็นกลไกสำคัญของระบบ traffic jam pilot ที่คนขับเพียงกดปุ่มบนคอนโซลกลาง หลังจากนั้นระบบจะเริ่มทำงานโดยการที่เซ็นเซอร์และระบบนำทางด้วยดาวเทียมตรวจสอบว่า เงื่อนไขทั้งหมดเหมาะสม ก่อนสตาร์ทรถและเริ่มการควบคุมทั้งหมดทั้งเร่งเครื่อง เลี้ยว เบรก เคลื่อนตัวช้าๆ และจอด โดยระบบนี้จะทำงานเฉพาะบนทางหลวงที่มีเกาะกลางกั้นระหว่างรถที่วิ่งสวนกัน และจำกัดความเร็วไว้ที่ 60 กม./ชม.เท่านั้น เมื่อถึงระดับความเร็วนี้ ระบบแจ้งเตือนด้วยภาพและเสียงจะแจ้งให้คนขับกลับมาบังคับรถต่อ
แต่ในระหว่างที่รถทำงานด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ คนขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยและละสายตาจากถนน เพื่อหันไปสนใจกับกิจกรรมอื่นๆ เช่น ดูทีวีได้โดยไม่ต้องกังวล
ระบบ traffic jam pilot ใช้เรดาร์ที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ชนิดใช้คลื่นเสียงอัลตราโซนิก รวมถึงกล้องด้านหน้า เพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวรอบตัวรถ นอกจากนั้น Audi ยังอวดว่า A8 เป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เลเซอร์สแกนเนอร์เพื่อตรวจสอบสภาพถนนและการจราจรรอบข้างและส่งข้อมูลให้ระบบควบคุมการขับขี่ส่วนกลางที่ชื่อว่า zFAS
อย่างไรก็ดี ระบบ traffic jam pilot จะยังไม่พร้อมใช้งานเมื่อรถออกจำหน่ายซึ่งจะประเดิมที่เยอรมนีเป็นตลาดแรกช่วงปลายปีนี้ โดยบริษัทจะติดตั้งเทคโนโลยีพร้อมออปชั่นระบบขับขี่อัตโนมัติเมื่อลูกค้าสั่งซื้อรถ และหลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับเทคโนโลยีรถไร้คนขับแล้ว บริษัทจะติดต่อให้ลูกค้านำรถกลับไปที่โชว์รูมเพื่อเปิดใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติ
นอกจากระบบขับขี่อัตโนมัติ A8 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีแห่งอนาคตมากมาย อาทิ หน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 10.1 นิ้ว ซึ่งจะมาแทนปุ่มหมุน และยังมีหน้าจอทัชสกรีนจอที่ 2 ด้านล่างเพื่อควบคุมการทำงานของทุกสิ่งตั้งแต่ระบบอินโฟเทนเมนต์จนถึงระบบควบคุมอุณหภูมิและข้อมูลการจราจร
ระบบนำทางในรถเป็นโปรแกรมแบบเรียนรู้อัตโนมัติ และจะปรับการทำงานโดยอิงกับประวัติการขับขี่และการค้นหาสถานที่
ผู้โดยสารด้านหลังสามารถควบคุมอุณหภูมิ, ฟังก์ชันความบันเทิง, เบาะหลังปรับเอนได้, มีจอทีวี 2 จอ, ไฟ HD Matrix สำหรับอ่านหนังสือ และจอ OLED ขนาดเท่าสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมฟีเจอร์เหล่านี้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องรบกวนสมาธิหรือกวนใจคนขับ แถมด้วยที่วางเท้าสำหรับนวดฝ่าเท้าที่ที่นั่งด้านขวา
เพื่อตอกย้ำความไฮเทค AUDI ยังติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวทั้ง 4 ล้อเพื่อลดรัศมีการเลี้ยวและเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการทรงตัว โดยใช้ทั้งแบบล้อหลังเลี้ยวในทิศทางเดียวและสวนทิศทางกับล้อหน้า ขึ้นอยู่กับความเร็วของรถและสภาพการขับขี่
ขณะเดียวกัน ระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟที่ติดตั้งหัวขับไฟฟ้าไว้ที่ทั้งสี่ล้อช่วยให้สามารถปรับล้อแต่ละล้อขึ้น-ลงอิสระแยกจากกันตามสภาพถนน เพื่อลดแนวโน้มความเสียหายของรถคู่กรณีทุกฝ่ายที่เฉี่ยวชนกัน อาทิ ปรับล้อขึ้นเมื่อตรวจพบแนวโน้มการชนด้านข้าง
หัวขับไฟฟ้าดังกล่าวได้รับพลังงานจากระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ ที่ยังเป็นแหล่งพลังงานสำหรับระบบไมด์ ไฮบริดที่เน้นการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก และเป็นหนึ่งในออปชั่นเครื่องยนต์ของ A8
Audi A8 ยังมีระบบช่วยจอดอัตโนมัติจากระยะไกลที่ช่วยให้รถเข้าและออกจากช่องจอดหรือโรงรถได้ด้วยตัวเอง โดยที่คนขับอาจอยู่ในรถหรืออยู่นอกรถและสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน myAudi บนสมาร์ทโฟน
ในส่วนรูปลักษณ์ของ A8 จะค่อนไปทางคูเป้ 4 ประตูมากกว่าซีดาน สำหรับเครื่องยนต์นั้นเป็นเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 330 แรงม้า และเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร กำลังสูงสุดเกือบ 450 แรงม้า นอกจากนั้นในอนาคตจะมีเวอร์ชันไมด์ ไฮบริด และปลั๊ก-อิน ไฮบริดให้เลือกเพิ่ม
ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 90,600 ยูโร (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) A8 จึงไม่ใช่รถสำหรับตลาดมวลชน แต่ถ้าเทคโนโลยีการขับขี่ที่ติดตั้งไว้ดีสมกับที่ Audi ร่ำลือ A8 อาจเป็นความคืบหน้าสำคัญอันจะนำไปสู่การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบในอนาคต