ข่าวในประเทศ - เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นปลื้มยอดขาย 5 เดือน โต 42% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ พร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เดือนหน้าเตรียปล่อยรถในเซกเมนท์คอมแพคต์คาร์ ระบุรถยนต์ไฟฟ้ารอเวลาเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี มั่นใจขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งตลาดรถหรูแบบปลั้กอิน-ไฮบริดได้ พร้อมปล่อย GLC Coupe รุ่นประกอบในประเทศ ลงราคา 5 แสนแถมออพชันเพิ่ม
นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้สามารถทำได้ 5,599 คัน เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 42% เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์หรู เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
ปัจจัยสำคัญมาจากการที่บริษัทฯ เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยรถของเมอร์เซเดส-เบนซ์แต่ละรุ่นที่เปิดตัวมา ตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค กระแสตอบรับที่ดีจึงย้อนกลับกลายมาเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
“โดยรวมถือว่า พอใจ แต่เราจะยังไม่หยุดการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทุกครั้งที่เปิดรถรุ่นใหม่ เรามีเป้าหมายการขายเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ทำได้ตามแผนที่วางเอาไว้ ทั้งนี้เดือนหน้าได้เตรียมการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีกหนึ่งรุ่น ในตลาดรถยนต์ขนาดคอมแพคต์คาร์ ซึ่งเรามีแผนจะเปิดรถรุ่นใหม่ทุกเดือน” นายไมเคิลกล่าว
สำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า มีสัญญาณทางบวก แนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ดำเนินงานควบคู่ไปกับนโยบายของรัฐบาลอยู่ตลอด บริษัทฯ มีความพร้อม โดยมั่นใจว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะกลายเป็นผู้นำอันดับ 1 ในรถยนต์ไฟฟ้าปลั้กอินของตลาดรถยนต์หรู
“ช่วงเวลานี้คือ ระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งจะกินเวลายาวนานอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่านานเท่าไหร่ เพราะขึ้นอยู่กับ นโยบายของรัฐบาลและการรับรู้ของผู้บริโภคด้วยว่า จะยอมรับและปรับเปลี่ยนได้เร็วขนาดไหน” นายไมเคิลกล่าว
ด้านนายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีรถยนต์ประกอบในเทศจำหน่ายถึง 9 รุ่นหลัก 21 รุ่นย่อย และรถยนต์นำเข้า 14 รุ่น โดยมีสัดส่วนการขาย 85% และ 15% ตามลำดับ
“ล่าสุดบริษัทเปิดตัวรุ่น GLC Coupe โฉมประกอบในประเทศ ซึ่งมีราคาลดลงสูงสุดถึง 5 แสนบาทเมื่อเทียบกับรุ่นนำเข้า และยังมีออพชันที่เพิ่มขึ้น เช่น ซันรูฟ,เครื่องเสียงบูมเมสเตอร์และHUD เป็นต้น ทำให้เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นเดิม โดยมี 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น ไดนามิค และรุ่นพลัส ที่แตกต่างกันในเรื่องของเบาะและพวงมาลัย มีราคาขายเท่ากันที่ 3.99 ล้านบาท พร้อมทางเลือกสำหรับคนที่ขอบความแรงพิเศษแบบ AMG ในรุ่น GLC 43 ราคา 5.79 ล้านบาท” นายฟรังค์ กล่าว
นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้สามารถทำได้ 5,599 คัน เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 42% เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์หรู เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
ปัจจัยสำคัญมาจากการที่บริษัทฯ เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยรถของเมอร์เซเดส-เบนซ์แต่ละรุ่นที่เปิดตัวมา ตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค กระแสตอบรับที่ดีจึงย้อนกลับกลายมาเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
“โดยรวมถือว่า พอใจ แต่เราจะยังไม่หยุดการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทุกครั้งที่เปิดรถรุ่นใหม่ เรามีเป้าหมายการขายเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ทำได้ตามแผนที่วางเอาไว้ ทั้งนี้เดือนหน้าได้เตรียมการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีกหนึ่งรุ่น ในตลาดรถยนต์ขนาดคอมแพคต์คาร์ ซึ่งเรามีแผนจะเปิดรถรุ่นใหม่ทุกเดือน” นายไมเคิลกล่าว
สำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า มีสัญญาณทางบวก แนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ดำเนินงานควบคู่ไปกับนโยบายของรัฐบาลอยู่ตลอด บริษัทฯ มีความพร้อม โดยมั่นใจว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะกลายเป็นผู้นำอันดับ 1 ในรถยนต์ไฟฟ้าปลั้กอินของตลาดรถยนต์หรู
“ช่วงเวลานี้คือ ระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งจะกินเวลายาวนานอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่านานเท่าไหร่ เพราะขึ้นอยู่กับ นโยบายของรัฐบาลและการรับรู้ของผู้บริโภคด้วยว่า จะยอมรับและปรับเปลี่ยนได้เร็วขนาดไหน” นายไมเคิลกล่าว
ด้านนายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีรถยนต์ประกอบในเทศจำหน่ายถึง 9 รุ่นหลัก 21 รุ่นย่อย และรถยนต์นำเข้า 14 รุ่น โดยมีสัดส่วนการขาย 85% และ 15% ตามลำดับ
“ล่าสุดบริษัทเปิดตัวรุ่น GLC Coupe โฉมประกอบในประเทศ ซึ่งมีราคาลดลงสูงสุดถึง 5 แสนบาทเมื่อเทียบกับรุ่นนำเข้า และยังมีออพชันที่เพิ่มขึ้น เช่น ซันรูฟ,เครื่องเสียงบูมเมสเตอร์และHUD เป็นต้น ทำให้เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นเดิม โดยมี 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น ไดนามิค และรุ่นพลัส ที่แตกต่างกันในเรื่องของเบาะและพวงมาลัย มีราคาขายเท่ากันที่ 3.99 ล้านบาท พร้อมทางเลือกสำหรับคนที่ขอบความแรงพิเศษแบบ AMG ในรุ่น GLC 43 ราคา 5.79 ล้านบาท” นายฟรังค์ กล่าว