ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี งานมหกรรมยานยนต์ หรือ “มอเตอร์เอ็กซ์โป” ที่ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 33 ยังขออาสาทำหน้าที่ปลุกตลาดรถยนต์ให้คึกคัก อัดสอดคล้องกับแผนแนะนำโปรดักต์ใหม่ของบรรดาค่ายรถยนต์ พร้อมแคมเปญแบบจัดหนักหวังปั้นยอดขายให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2016” ยึดชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี เป็นสถานที่จัดงานเหมือนเดิม โดยเริ่มตั้งแต่ 1-12 ธันวาคมนี้ ใครตั้งใจจะถอยรถยนต์คันใหม่หรือนิยมเดินเก็บบรรยากาศเพื่อผ่อนคลายก็เชิญตามสะดวก ทว่า“ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ขอพาสำรวจรถยนต์ไฮไลต์ในงานปีนี้กันก่อน
รถหรูมีเชิดชูทุกค่าย
ประเดิมด้วยรถยนต์ระดับหรูที่ค่ายหลักๆต่างมีทีเด็ดเอาไว้ยั่วเงินในกระเป๋า นำโดย “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ขนรถยนต์รุ่นใหม่สดซิงมาเปิดตัวในงานนี้ถึง 4 รุ่น บวกกับรุ่นประกอบในประเทศอีก 1 รุ่น ไล่ตั้งแต่ ซี-คลาส เปิดประทุน (C-Class Cabriolet) เด่นที่หลังคาผ้าใบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าสามารถกางออกหรือพับเก็บได้ในเวลา 21วินาที หรือสั่งงานได้ในขณะรถวิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.
โดยรุ่นที่ทำตลาดคือ C 300 Cabriolet AMG Dynamic วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 245 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์เน้นโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาอย่างอลูมินัมอัลลอยในการประกอบทั้งสปอยเลอร์ ฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงหลังของตัวรถ รวมถึงหลังคาผ้าใบ มีส่วนช่วยให้ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 ทำได้น่าประทับใจที่ 6.4 วินาที
ส่วนใครไม่อยากเปิดหน้าท้าฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็จัดความโฉบเฉี่ยวแบบหลังคาแข็งในรุ่นคูเป้เอาไว้ให้ ที่สำคัญยังเป็นรุ่นประกอบในประเทศเสียด้วยกับ “ซี-คลาส คูเป้” (เปิดตัวรุ่นนำเข้าทั้งคันไปเมื่อต้นปี) ซึ่งแว่วมาว่าราคาตัวเริ่มต้นไม่น่าจะถึง 3 ล้านบาท โดยรุ่นประกอบในประเทศมีให้เลือกสองรุ่นคือ C 250 Coupe Sport และ C 250 Coupe AMG Dynamic กับเครื่องยนต์เป็นเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 211 แรงม้า
นอกจาก “ซี-คลาส”สองตัวถังที่เน้นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างแล้ว ซีดาน 4 ประตูสไตล์คูเป้ “ซีแอลเอ-คลาส” ก็ยังมีเป็นทางเลือกในระดับเริ่มต้น โดยเป็นรุ่นใหม่นี้เป็นโฉมแบบ“เฟสลิฟท์” แบ่งเป็นรุ่นCLA 200 Urban มาพร้อมกับกระจังหน้า diamond grille สีดำ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วแบบทูโทน ส่วน CLA 250 AMG Dynamic กระจังหน้า diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 18 นิ้ว, ชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง), ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
CLA 200 Urban ยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบ 156 แรงม้า ส่วนรุ่น CLA 250 AMG Dynamic ใช้เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 211 แรงม้า ส่งกำลังลงสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
ขยับความหรูขึ้นมาอีกนิด คราวนี้เป็นคิวของ “อี-คลาส ตัวถังสเตชันแวกอน” (E-Class Estate) โดยเจ้าพ่อรถหรูเปิดตัวพิมพ์นิยมตัวถังซีดานไปเมื่อต้นปีและยังไม่ขยับรุ่นประกอบในประเทศ แต่เพื่อตอบสนองกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ที่รักครอบครัว จึงนำเข้า อี-คลาส เอสเตส
E 220 d เครื่องยนต์เทอร์โบ ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 194 แรงม้า มาเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016
โดยการออกแบบมากับเส้นสายหลังคาลาดเอียงเสริมลุคที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยว พร้อมชุดแต่งรอบคันแบบ AMG Bodystyling ห้องโดยสารภายใน ตกแต่งด้วยเบาะหนัง Nappa พร้อมด้วยระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารด้วยเทคโนโลยี Full LED ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 64 สี ระบบเครื่องเสียง Burmester® ติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทางแบบ DSP Amplifier พร้อมลำโพง 13 ตัว หลังคาแบบพาโนรามิคซันรูฟ ทั้งยังออกแบบให้มีพื้นที่บรรจุสัมภาระกว้างขวางระดับ 670 ลิตร หรือถ้าพับเบาะนั่งแถวสองลงจะเพิ่มพื้นที่ตรงนี้ได้เป็น 1,820 ลิตร
ส่วนใครเป็นพ่อบ้านเท้าหนักคือนิยมเอสยูวีแต่ยังติดใจในความแรงต้องยกให้คันนี้ Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe ที่พกเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 367 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดมหาศาล 520 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.7 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ข้ามมาที่คู่แข่งร่วมชาติ “บีเอ็มดับเบิลยู” สร้างความฮือฮาเมื่อนำเข้าตัวแรง M4 GTS ที่ผลิตเพียง 700 คันทั่วโลก และเมืองไทยได้โควต้าเพียง 2 คัน ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ บล็อกเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู M3 และ M4 เดิม แต่เสริมสมรรถนะอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีระบบหัวฉีดน้ำ (water injection) ให้กำลังระดับ 500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม. สนราคา 13.999 บาท
สำหรับ M4 GTS ถือเป็นตัวที่ค่ายใบพัดสีฟ้านำมาสร้างภาพลักษณ์ แต่รุ่นที่เน้นทำยอดขายก็มีให้เห็นในงานนี้เช่นกัน ทั้ง “ซีรีย์3 ปลั๊ก-อิน ไฮบริด” 330e รุ่นประกอบในประเทศ ราคาเริ่มต้น 2.599 ล้านบาท และ X5 xDRIVE40e รุ่นประกอบในประเทศ ที่ราคาลดลง 7 แสนบาทเมื่อเทียบกับรุ่นนำเข้าเป็น 4.699 ล้านบาท
ส่วนวอลโว่ แบรนด์หรูจากสวีเดนเริ่มเห็นทิศทางสดใสจากโปรดักต์ใหม่ที่ดูดีมีอนาคต หลังแนะนำเอสยูวีรุ่นธง “เอ็กซ์ซี90” รุ่นประกอบจากโรงงานประเทศมาเลเซีย ครบทั่งรุ่น “ปลั๊ก-อิน ไฮบริด” และเครื่องยนต์ดีเซล D5 พร้อมทำราคาได้น่าสนใจ ล่าสุดเตรียมส่งซีดานรุ่นใหญ่(ที่สุดของค่าย) “เอส90” มาลุยตลาดแล้ว โดยเบื้องต้นยังเป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคันจากโรงงานประเทศสวีเดน รุ่นD5 เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบคาดราคาขายอยู่ประมาณ 4 ล้านบาท
ฝั่งจากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ที่ได้ดิสทริบิวเตอร์รายใหม่ “อินช์เคป” ซึ่งในส่วนของจากัวร์ได้จังหวะการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ “เอฟ-เพซ” (F-PACE) เอสยูวีรุ่นแรกของค่ายพอดี โดยรุ่นที่ทำตลาดในเมืองไทยวางเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 180 แรงม้า พัฒนาบนโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ความยาว 4,731 มม.ฐานล้อ 2,874 มม. พร้อมช่วงล่างด้านด้านปีกนกสองชั้น หลังแบบอินทริกรัลลิงค์
ขณะที่ฟังก์ชันอย่าง ระบบอินโฟเทนเมนต์ในรถยนต์เพื่อเชื่อมต่อทุกการสื่อสารได้ตลอดเวลา พร้อมสัมผัสแบบแท็บเล็ตขนาด 10.2 นิ้ว Wi-Fi hotspot ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารได้สูงสุดถึง 8 ตัว แผงคอนโซลพร้อมจอแสดงผลความละเอียดสูง 12.3 นิ้ว พร้อมธีมให้เลือก 4 แบบ และระบบนำทาง 3 มิติแบบเต็มหน้าจอ และกุญแจแบบ Activity Key ครั้งแรกของโลก ในรูปแบบสายรัดข้อมือที่มีคุณสมบัติกันน้ำ แบ่งขาย 3 รุ่นย่อย ราคา 4.699-5.999 ล้านบาท
อีกหนึ่งแบรนด์หรูที่เป็นหน้าตาของชาวเอเชีย “เลกซัส” ในเครือโตโยต้า งานนี้ได้ฤกษ์เปิดตัว “ไอเอส ไมเนอร์เชนจ์” โดยเจเนอเรชันที่ 3 ของ “ไอเอส”เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2013 และเผยโฉมรุ่นไมเนอร์เชนจ์ที่อเมริกาตั้งแต่ปีที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยทั้งรายละเอียดไฟหน้า กระจังหน้า ล้ออัลลอยด์ลายใหม่ ส่วนรุ่นที่ทำตลาดในไทยยังเป็นเครื่องยนต์เป็นเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 200t และอีกหนึ่งทางเลือกกับรุ่นไฮบริด 300h
ด้านค่ายรถยนต์ฝรั่งเศส เปอโยต์ ที่ดูแลตลาดในไทยโดย “ยนตรกิจ ออโตโมบิลล์” เตรียมเปิดตัว 308 เอสดับเบิลยู เป็นรถแบบสเตชั่นวากอน 5 ประตู ขนาดกะทัดรัด ซึ่งอาศัยโครงสร้างจากรุ่นซีดาน รูปร่างภายนอกมาพร้อมกับไฟหน้าขนาดใหญ่แบบ FULL-LED เพิ่มความสว่าง ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบ I-COCKPIT พร้อมจอแสดงผลและควบคุมแบบสัมผัส พวงมาลัยออกแบบใหม่มีขนาดเล็กลงง่ายต่อการควบคุม ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร (BLUE HDI) ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ไอเสียผ่านมาตรฐานยูโร 6
เก๋งคอมแพกต์-เอสยูวีพอถูไถ
ในส่วนของรถบ้าน “โตโยต้า” ที่ปกติงานมอเตอร์เอ็กซ์โป จะเน้นเป็นเวทีปล่อยของของดีลเลอร์เต็มๆ สอดคล้องกับโปรดักต์ใหม่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าทั้ง เซียนต้า และ อินโนวา ที่ได้การตอบรับจากตลาดีพอสมควร
อย่างไรก็ตามในงานนี้ไฮไลต์ของโตโยต้าต้องยกให้การไมเนอร์เชนจ์ของ “โคโรลลา อัลติส” ที่ปรับการออกแบบทั้งภายนอกคือไฟหน้า กระจังหน้า ภายในแผงคอนโซล ช่องแอร์ และเพิ่มช่อง USB และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งมาเป็นมาตรฐาน ขณะเดียวกันยังเพิ่มรุ่นย่อย ESPORT OPTION ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคันและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สำหรับราคาปรับขึ้นตั้งแต่ 15,000 - 25,000 บาทแล้วแต่รุ่น (บางรุ่นก็เท่าเดิม)
นอกจากนี้ โตโยต้ายังสร้างสีสันกับ “ยาริส รุ่นแต่งพิเศษ TRD Sportivo ตัวถังสีเหลืองใหม่เอาใจวัยรุ่น ภายในตกแต่งใช้โทนสีดำสลับเหลือง พร้อมฟังก์ชั่นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ขายในราคา 6.49 แสนบาท
ขณะที่ “มาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์” อีกหนึ่งบิ๊กทรีในตลาดเก๋งคอมแพกต์(อัลติส ซีวิค มาสด้า3) ที่เดิมมีกำหนดเปิดตัวปลายปีนี้ ข่าวล่าสุดมีแนวโน้มเลื่อนการเปิดตัวออกไปก่อน
ด้านกลุ่มเอสยูวีที่ตลาดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และตีกินยอดขายรถยนต์ในกลุ่มคอมแพกต์งานนี้เจ้าตลาดยังไม่มีอะไรเด็ดดวง รวมถึง “ฮอนด้า ซีอาร์-วี โฉมใหม่” น่าจะมาต้นปีหน้า ดังนั้นไฮไลต์ในงานจึงอยู่ที่ “ฮุนได ทูซอน โฉมใหม่” ที่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี
โดย “ทูซอน โมเดลเชนจ์” ถูกพัฒนาบนแพลทฟอร์มใหม่ เพิ่มมิติและพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างมากขึ้น พร้อมออปชันอำนวยความสะดวก-ปลอดภัย ใต้ฝากระโปรงหน้าวางเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 185 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยอัตโนมัติ 6 จังหวะ
ส่วนเอสยูวีในระดับเดียวกันอย่าง “นิสสัน เอ็กซ์เทรล” กระตุ้นความสดด้วย ชุดแต่งพิเศษ “เอ็กซ์ตรีมเมอร์” (X-TREMER) นำเข้าจากญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยชุดแอร์โรพาร์ทรอบคัน 5 รายการ ส่วน “เอ็มจี” เพิ่มทางเลือกให้ “จีเอส” ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ไดเรกอินเจกชันเทอร์โบ ทำราคาลดลงมาจากรุ่น 2.0 ลิตร หรืออาจะเริ่มต้นประมาณ 9 แสนบาท
รถจีนตบเท้าลุยตลาด
กล่าวถึง “เอ็มจี” รถยนต์แบรนด์อังกฤษเจ้าของทุนจีนแล้ว ปัจจุบันรถยนต์จากประเทศหลังม่านไม้ไผ่ต่างตบเท้าเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยมากขึ้น และส่วนมากจะเน้นเป็นรถเพื่อการพาณิชย์
ล่าสุด “โฟตอน” บริษัทแม่ประเทศจีน พร้อมลุยตลาดไทยอย่างเป็นทางการเตรียมเปิดตัวปิกอัพ 1 ตันรุ่นใหม่ “ทูนแลนด์” ที่มีให้เลือกทั้งตัวถังตอนเดียวและดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู ราคาเริ่มต้นกว่า 5 แสนบาท ไปจนถึง 8 แสนบาท
สำหรับ“ทูนแลนด์” ใช้เครื่องยนต์ Cummins ISF ของสหรัฐอเมริกา ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ที่1,800-3,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีดของเก็ทแร็ก (Getrag) ประเทศเยอรมนี ซึ่ง โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ตั้งเป้ายอดขาย 1,500 คัน ภายในปีหน้า
อีกค่ายคือ “ฉางอัน” ที่มากับมินิทรัคพื้นกระบะเรียบ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร 53 แรงม้า และ 1.3 ลิตร 84 แรงม้า ประกบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro4
…ทั้งหมดเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016 หลายคันสดใหม่แบบยังไม่เคยเผยโฉมก่อนเข้างาน และหลายคันก็เป็นรุ่นแต่งหน้าทาปาก หรือเพิ่มรุ่นย่อย ทว่าทุกรุ่นมีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องปิดยอดขายให้ได้!!!
แจกบัตร มอเตอร์ เอ็กซ์โป ท่านละ 2 ใบ ติดต่อรับได้ที่โอปอเรเตอร์ บ้านพระอาทิตย์ โทร.02-629-4488 ในเวลาทำการ 8.30-18.00 น.
***บัตรเข้างานใช้ได้วันที่ 2-12 ธค. 2559 ***
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
รถหรูมีเชิดชูทุกค่าย
ประเดิมด้วยรถยนต์ระดับหรูที่ค่ายหลักๆต่างมีทีเด็ดเอาไว้ยั่วเงินในกระเป๋า นำโดย “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ขนรถยนต์รุ่นใหม่สดซิงมาเปิดตัวในงานนี้ถึง 4 รุ่น บวกกับรุ่นประกอบในประเทศอีก 1 รุ่น ไล่ตั้งแต่ ซี-คลาส เปิดประทุน (C-Class Cabriolet) เด่นที่หลังคาผ้าใบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าสามารถกางออกหรือพับเก็บได้ในเวลา 21วินาที หรือสั่งงานได้ในขณะรถวิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.
โดยรุ่นที่ทำตลาดคือ C 300 Cabriolet AMG Dynamic วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 245 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์เน้นโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาอย่างอลูมินัมอัลลอยในการประกอบทั้งสปอยเลอร์ ฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงหลังของตัวรถ รวมถึงหลังคาผ้าใบ มีส่วนช่วยให้ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 ทำได้น่าประทับใจที่ 6.4 วินาที
ส่วนใครไม่อยากเปิดหน้าท้าฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็จัดความโฉบเฉี่ยวแบบหลังคาแข็งในรุ่นคูเป้เอาไว้ให้ ที่สำคัญยังเป็นรุ่นประกอบในประเทศเสียด้วยกับ “ซี-คลาส คูเป้” (เปิดตัวรุ่นนำเข้าทั้งคันไปเมื่อต้นปี) ซึ่งแว่วมาว่าราคาตัวเริ่มต้นไม่น่าจะถึง 3 ล้านบาท โดยรุ่นประกอบในประเทศมีให้เลือกสองรุ่นคือ C 250 Coupe Sport และ C 250 Coupe AMG Dynamic กับเครื่องยนต์เป็นเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 211 แรงม้า
นอกจาก “ซี-คลาส”สองตัวถังที่เน้นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างแล้ว ซีดาน 4 ประตูสไตล์คูเป้ “ซีแอลเอ-คลาส” ก็ยังมีเป็นทางเลือกในระดับเริ่มต้น โดยเป็นรุ่นใหม่นี้เป็นโฉมแบบ“เฟสลิฟท์” แบ่งเป็นรุ่นCLA 200 Urban มาพร้อมกับกระจังหน้า diamond grille สีดำ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วแบบทูโทน ส่วน CLA 250 AMG Dynamic กระจังหน้า diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 18 นิ้ว, ชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง), ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
CLA 200 Urban ยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบ 156 แรงม้า ส่วนรุ่น CLA 250 AMG Dynamic ใช้เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 211 แรงม้า ส่งกำลังลงสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
ขยับความหรูขึ้นมาอีกนิด คราวนี้เป็นคิวของ “อี-คลาส ตัวถังสเตชันแวกอน” (E-Class Estate) โดยเจ้าพ่อรถหรูเปิดตัวพิมพ์นิยมตัวถังซีดานไปเมื่อต้นปีและยังไม่ขยับรุ่นประกอบในประเทศ แต่เพื่อตอบสนองกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ที่รักครอบครัว จึงนำเข้า อี-คลาส เอสเตส
E 220 d เครื่องยนต์เทอร์โบ ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 194 แรงม้า มาเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016
โดยการออกแบบมากับเส้นสายหลังคาลาดเอียงเสริมลุคที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยว พร้อมชุดแต่งรอบคันแบบ AMG Bodystyling ห้องโดยสารภายใน ตกแต่งด้วยเบาะหนัง Nappa พร้อมด้วยระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารด้วยเทคโนโลยี Full LED ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 64 สี ระบบเครื่องเสียง Burmester® ติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทางแบบ DSP Amplifier พร้อมลำโพง 13 ตัว หลังคาแบบพาโนรามิคซันรูฟ ทั้งยังออกแบบให้มีพื้นที่บรรจุสัมภาระกว้างขวางระดับ 670 ลิตร หรือถ้าพับเบาะนั่งแถวสองลงจะเพิ่มพื้นที่ตรงนี้ได้เป็น 1,820 ลิตร
ส่วนใครเป็นพ่อบ้านเท้าหนักคือนิยมเอสยูวีแต่ยังติดใจในความแรงต้องยกให้คันนี้ Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe ที่พกเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 367 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดมหาศาล 520 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.7 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ข้ามมาที่คู่แข่งร่วมชาติ “บีเอ็มดับเบิลยู” สร้างความฮือฮาเมื่อนำเข้าตัวแรง M4 GTS ที่ผลิตเพียง 700 คันทั่วโลก และเมืองไทยได้โควต้าเพียง 2 คัน ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ บล็อกเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู M3 และ M4 เดิม แต่เสริมสมรรถนะอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีระบบหัวฉีดน้ำ (water injection) ให้กำลังระดับ 500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม. สนราคา 13.999 บาท
สำหรับ M4 GTS ถือเป็นตัวที่ค่ายใบพัดสีฟ้านำมาสร้างภาพลักษณ์ แต่รุ่นที่เน้นทำยอดขายก็มีให้เห็นในงานนี้เช่นกัน ทั้ง “ซีรีย์3 ปลั๊ก-อิน ไฮบริด” 330e รุ่นประกอบในประเทศ ราคาเริ่มต้น 2.599 ล้านบาท และ X5 xDRIVE40e รุ่นประกอบในประเทศ ที่ราคาลดลง 7 แสนบาทเมื่อเทียบกับรุ่นนำเข้าเป็น 4.699 ล้านบาท
ส่วนวอลโว่ แบรนด์หรูจากสวีเดนเริ่มเห็นทิศทางสดใสจากโปรดักต์ใหม่ที่ดูดีมีอนาคต หลังแนะนำเอสยูวีรุ่นธง “เอ็กซ์ซี90” รุ่นประกอบจากโรงงานประเทศมาเลเซีย ครบทั่งรุ่น “ปลั๊ก-อิน ไฮบริด” และเครื่องยนต์ดีเซล D5 พร้อมทำราคาได้น่าสนใจ ล่าสุดเตรียมส่งซีดานรุ่นใหญ่(ที่สุดของค่าย) “เอส90” มาลุยตลาดแล้ว โดยเบื้องต้นยังเป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคันจากโรงงานประเทศสวีเดน รุ่นD5 เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบคาดราคาขายอยู่ประมาณ 4 ล้านบาท
ฝั่งจากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ที่ได้ดิสทริบิวเตอร์รายใหม่ “อินช์เคป” ซึ่งในส่วนของจากัวร์ได้จังหวะการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ “เอฟ-เพซ” (F-PACE) เอสยูวีรุ่นแรกของค่ายพอดี โดยรุ่นที่ทำตลาดในเมืองไทยวางเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 180 แรงม้า พัฒนาบนโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ความยาว 4,731 มม.ฐานล้อ 2,874 มม. พร้อมช่วงล่างด้านด้านปีกนกสองชั้น หลังแบบอินทริกรัลลิงค์
ขณะที่ฟังก์ชันอย่าง ระบบอินโฟเทนเมนต์ในรถยนต์เพื่อเชื่อมต่อทุกการสื่อสารได้ตลอดเวลา พร้อมสัมผัสแบบแท็บเล็ตขนาด 10.2 นิ้ว Wi-Fi hotspot ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารได้สูงสุดถึง 8 ตัว แผงคอนโซลพร้อมจอแสดงผลความละเอียดสูง 12.3 นิ้ว พร้อมธีมให้เลือก 4 แบบ และระบบนำทาง 3 มิติแบบเต็มหน้าจอ และกุญแจแบบ Activity Key ครั้งแรกของโลก ในรูปแบบสายรัดข้อมือที่มีคุณสมบัติกันน้ำ แบ่งขาย 3 รุ่นย่อย ราคา 4.699-5.999 ล้านบาท
อีกหนึ่งแบรนด์หรูที่เป็นหน้าตาของชาวเอเชีย “เลกซัส” ในเครือโตโยต้า งานนี้ได้ฤกษ์เปิดตัว “ไอเอส ไมเนอร์เชนจ์” โดยเจเนอเรชันที่ 3 ของ “ไอเอส”เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2013 และเผยโฉมรุ่นไมเนอร์เชนจ์ที่อเมริกาตั้งแต่ปีที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยทั้งรายละเอียดไฟหน้า กระจังหน้า ล้ออัลลอยด์ลายใหม่ ส่วนรุ่นที่ทำตลาดในไทยยังเป็นเครื่องยนต์เป็นเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 200t และอีกหนึ่งทางเลือกกับรุ่นไฮบริด 300h
ด้านค่ายรถยนต์ฝรั่งเศส เปอโยต์ ที่ดูแลตลาดในไทยโดย “ยนตรกิจ ออโตโมบิลล์” เตรียมเปิดตัว 308 เอสดับเบิลยู เป็นรถแบบสเตชั่นวากอน 5 ประตู ขนาดกะทัดรัด ซึ่งอาศัยโครงสร้างจากรุ่นซีดาน รูปร่างภายนอกมาพร้อมกับไฟหน้าขนาดใหญ่แบบ FULL-LED เพิ่มความสว่าง ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบ I-COCKPIT พร้อมจอแสดงผลและควบคุมแบบสัมผัส พวงมาลัยออกแบบใหม่มีขนาดเล็กลงง่ายต่อการควบคุม ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร (BLUE HDI) ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ไอเสียผ่านมาตรฐานยูโร 6
เก๋งคอมแพกต์-เอสยูวีพอถูไถ
ในส่วนของรถบ้าน “โตโยต้า” ที่ปกติงานมอเตอร์เอ็กซ์โป จะเน้นเป็นเวทีปล่อยของของดีลเลอร์เต็มๆ สอดคล้องกับโปรดักต์ใหม่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าทั้ง เซียนต้า และ อินโนวา ที่ได้การตอบรับจากตลาดีพอสมควร
อย่างไรก็ตามในงานนี้ไฮไลต์ของโตโยต้าต้องยกให้การไมเนอร์เชนจ์ของ “โคโรลลา อัลติส” ที่ปรับการออกแบบทั้งภายนอกคือไฟหน้า กระจังหน้า ภายในแผงคอนโซล ช่องแอร์ และเพิ่มช่อง USB และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งมาเป็นมาตรฐาน ขณะเดียวกันยังเพิ่มรุ่นย่อย ESPORT OPTION ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคันและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สำหรับราคาปรับขึ้นตั้งแต่ 15,000 - 25,000 บาทแล้วแต่รุ่น (บางรุ่นก็เท่าเดิม)
นอกจากนี้ โตโยต้ายังสร้างสีสันกับ “ยาริส รุ่นแต่งพิเศษ TRD Sportivo ตัวถังสีเหลืองใหม่เอาใจวัยรุ่น ภายในตกแต่งใช้โทนสีดำสลับเหลือง พร้อมฟังก์ชั่นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ขายในราคา 6.49 แสนบาท
ขณะที่ “มาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์” อีกหนึ่งบิ๊กทรีในตลาดเก๋งคอมแพกต์(อัลติส ซีวิค มาสด้า3) ที่เดิมมีกำหนดเปิดตัวปลายปีนี้ ข่าวล่าสุดมีแนวโน้มเลื่อนการเปิดตัวออกไปก่อน
ด้านกลุ่มเอสยูวีที่ตลาดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และตีกินยอดขายรถยนต์ในกลุ่มคอมแพกต์งานนี้เจ้าตลาดยังไม่มีอะไรเด็ดดวง รวมถึง “ฮอนด้า ซีอาร์-วี โฉมใหม่” น่าจะมาต้นปีหน้า ดังนั้นไฮไลต์ในงานจึงอยู่ที่ “ฮุนได ทูซอน โฉมใหม่” ที่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี
โดย “ทูซอน โมเดลเชนจ์” ถูกพัฒนาบนแพลทฟอร์มใหม่ เพิ่มมิติและพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างมากขึ้น พร้อมออปชันอำนวยความสะดวก-ปลอดภัย ใต้ฝากระโปรงหน้าวางเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 185 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยอัตโนมัติ 6 จังหวะ
ส่วนเอสยูวีในระดับเดียวกันอย่าง “นิสสัน เอ็กซ์เทรล” กระตุ้นความสดด้วย ชุดแต่งพิเศษ “เอ็กซ์ตรีมเมอร์” (X-TREMER) นำเข้าจากญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยชุดแอร์โรพาร์ทรอบคัน 5 รายการ ส่วน “เอ็มจี” เพิ่มทางเลือกให้ “จีเอส” ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ไดเรกอินเจกชันเทอร์โบ ทำราคาลดลงมาจากรุ่น 2.0 ลิตร หรืออาจะเริ่มต้นประมาณ 9 แสนบาท
รถจีนตบเท้าลุยตลาด
กล่าวถึง “เอ็มจี” รถยนต์แบรนด์อังกฤษเจ้าของทุนจีนแล้ว ปัจจุบันรถยนต์จากประเทศหลังม่านไม้ไผ่ต่างตบเท้าเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยมากขึ้น และส่วนมากจะเน้นเป็นรถเพื่อการพาณิชย์
ล่าสุด “โฟตอน” บริษัทแม่ประเทศจีน พร้อมลุยตลาดไทยอย่างเป็นทางการเตรียมเปิดตัวปิกอัพ 1 ตันรุ่นใหม่ “ทูนแลนด์” ที่มีให้เลือกทั้งตัวถังตอนเดียวและดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู ราคาเริ่มต้นกว่า 5 แสนบาท ไปจนถึง 8 แสนบาท
สำหรับ“ทูนแลนด์” ใช้เครื่องยนต์ Cummins ISF ของสหรัฐอเมริกา ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ที่1,800-3,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีดของเก็ทแร็ก (Getrag) ประเทศเยอรมนี ซึ่ง โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ตั้งเป้ายอดขาย 1,500 คัน ภายในปีหน้า
อีกค่ายคือ “ฉางอัน” ที่มากับมินิทรัคพื้นกระบะเรียบ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร 53 แรงม้า และ 1.3 ลิตร 84 แรงม้า ประกบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro4
…ทั้งหมดเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016 หลายคันสดใหม่แบบยังไม่เคยเผยโฉมก่อนเข้างาน และหลายคันก็เป็นรุ่นแต่งหน้าทาปาก หรือเพิ่มรุ่นย่อย ทว่าทุกรุ่นมีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องปิดยอดขายให้ได้!!!
แจกบัตร มอเตอร์ เอ็กซ์โป ท่านละ 2 ใบ ติดต่อรับได้ที่โอปอเรเตอร์ บ้านพระอาทิตย์ โทร.02-629-4488 ในเวลาทำการ 8.30-18.00 น.
***บัตรเข้างานใช้ได้วันที่ 2-12 ธค. 2559 ***
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring