xs
xsm
sm
md
lg

ฝูงสกายแอคทีฟ ตะลุยสุดขั้วโลก ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เส้นทางที่เราจะวิ่งกันไปจากจุดเริ่มต้นจนจบทริป ทั้ง 2 กลุ่ม
“ไม่มีอะไร...หยุดยั้งเราได้ ” Only the sky is the limit คำนิยมของคาราวานที่ชื่อว่า “เปิดประสบการณ์สุดขั้วโลก มาสด้า สกายแอคทีฟ ครอสโอเวอร์ ” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลย เพราะเส้นทางที่มาสด้า มอเตอร์ ประเทศไทย กำหนดให้สื่อมวลชนทดสอบฝูงสกายแอคทีฟ มาสด้า CX-3และมาสด้า CX-5 จากประเทศมองโกเลียข้ามสู่ดินแดนไซบีเรียมุ่งหน้าสู่ประเทศรัสเซีย เป็นเส้นทางที่ไม่ได้ไปกันง่าย ๆ ถึงมีเงินก็คงไม่มีใครคิดจะเอารถมาตะลุยแบบนี้ แต่..มาสด้า จัดให้.. เพราะมันเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า รถมาสด้า ไปที่ไหนในโลกก็ได้
วันแรกก็เจอหิมะกันเลยทีเดียว
การเดินทางครั้งนี้เป็นการต่อยอดของผู้เขียนหลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับเชิญจากมาสด้า มอเตอร์ ประเทศไทย ให้ร่วมคาราวานพิสูจน์ความแกร่งของ “มาสด้า บีที-50 โปรใหม่” บนเส้นทางที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร คือขับจากกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนมุ่งหน้าสู่ อูลานบาตอร์ เมืองหลวงประเทศมองโกเลีย รวมระทางกว่า 20,000 กิโลเมตร ถือเป็นทริปที่สร้างความประทับใจทั้งรถ ทั้งวิว สถานที่ เส้นทางที่รถวิ่ง มันเหมือนฝัน

ทริปล่าสุดที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจก็สร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืมเช่นกัน เพราะเส้นทางทดสอบเป็นดินแดนที่ยังไม่มีใครย่างกรายเข้าไป ดินแดนที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ดินแดนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ความลึบลับ และประวัติศาสตร์มากมาย ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวสุดขั้วกันเลยทีเดียว เพราะ 7 วันที่อยู่อุณหภูมิติดลบถึง9 องศา
เส้นทางบางวันเจอต้นไม้ผลัดใบ สวยงาม
การเดินทางเริ่มต้นที่เมืองอูลานบาตอร์ มุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย รวมระยะทาง 6,500 กิโลเมตร แต่จะให้หวดกันยาวขนาดนั้นคงไม่ไหว ภารกิจแต่ละคนเยอะ และใช้เวลาหลายวันสำหรับนักข่าว ทางมาสด้าจึงจัดเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกขับจากอูลานบาตอร์ไปจบที่เมืองโนโวซีบีร์ส เมืองชายแดนระหว่างไซบีเรียกับรัสเซีย รวมระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตร และหลังจากนั้นนักข่าวกลุ่มสองมารับช่วงต่อมุ่งหน้ามอสโก รวมระยะทาง 3,500 กิโลเมตร

สำหรับผู้เขียนอยู่กลุ่มแรก พร้อมสมาชิกในรถ 3 คนเดิมจากทริปมองโกเลียคือน้องแน็ท จากไทยโพสต์ ,น้องกิ๊บ ช่างภาพประจำทริปเรา จากหนังสือ ออโต้วิชั่น 3 สาว 3 สไตล์ พร้อมลุยกับพาหนะคู่กาย ทริปนี้ คือ มาสด้า CX-3 รถอเนกประสงค์ที่พกเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ -จี ขนาด 2.0 ลิตร ที่จะพาเราไปสู่จุดหมายปลายทาง พร้อมผู้นำทางกลุ่มเดิมที่คุ้นเคยกันดี บริษัท ทรานเอเชีย รูท จำกัด นำทัพโดยกิตติ นิลถนอม
โฉมหน้าผู้ร่วมชะตากรรม กลุ่มแรก
หลังเท้าแตะพื้นสนามบินเมืองอูลานบาตอร์สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บสุดขั้วตามชื่อทริปจริง ๆ นักข่าวทั้งหมดต้องเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบอุปกรณ์กันหนาวทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ เสื้อกันหนาวแบบหนา มาใส่กันเลยทีเดียว และมุ่งหน้าไปที่มีฝูงมาสด้า สกายแอคทีฟ จอดอยู่ณลานสนามบิน แบ่งเป็น CX-3 6 คัน และ CX-5 2 คัน บวกกับรถนำและทีมเซอร์วิส บีที-50 โปร อีก 2 คัน รวมเป็น 10 คัน

เมื่อเดินมาถึงรถเห็นหิมะปกคลุมรถเต็มไปหมด เลยไม่แปลกใจทำไมอากาศมันหนาวจับจิตจับใจขนาดนี้ และอดไม่ได้เลยเช็กอุณหภูมิสักหน่อย ห้าห้า ลบ 6 องศา แม้เวลาตอนนั้นจะ 11 โมงเองก็ตาม แล้วตอนกลางคืนจะขนาดไหนเนี่ย ..ไม่อยากคิด ..
วันแรกยังอยู่ในมองโกเลีย กระโจมสัญญาลักษณ์ของประเทศนี้
หลังทุกคนทราบเบอร์รถ สมาชิกที่ร่วมเดินทางด้วยกันของแต่ละคัน พวกเราเกือบ 30 ชีวิตก็สตาร์ทเครื่องไปเติมกำลังกันก่อน โดยผู้นำทางแจ้งผ่านวิทยุภายในรถว่าไม่ไกล ..แต่ระยะทางจริงที่ต้องขับไปจบที่เมืองซุกบาทาร์ (Sukhbatar ) 330 กิโลเมตร ... สิ่งแรกที่เราทุกคนต้องเรียนรู้กันก่อนและจำให้แม่นคือ รถที่ขับที่นี่เป็นพวงมาลัยซ้าย แต่รถเราเป็นพวงมาลัยขวา ฉะนั้นทุกคันต้องขับชิดขวา คนขับจะลำบากหน่อยเวลาเร่งแซงต้องให้คนนั่งข้างช่วยบอกทางให้ เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นทางได้ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพราะ 3 สาวผ่านกันมาหลายทริปแล้ว

เส้นทางวันแรกก็สร้างความตื่นเต้นให้แก่สมาชิกทุกคน เพราะสองข้างทางที่เราขับผ่านเต็มไปด้วยหิมะ ขาวไปหมด และจุดแรกที่แวะทานข้าวเป็นกระโจมสไตล์มองโกเลียอยู่ท่ามกลางหิมะ งานนี้ข้าวปลาไม่ค่อยสนใจ รีบ ๆ กิน ออกมาถ่ายรูปกับหิมะกันเป็นว่าเล่น สนุกสนานหลังจากนั้นทุกคนก็หวดกันจนถึงโรงแรม 3 ทุ่มกว่า และอุณหภูมิเมืองนี้ ติดลบ 3 องศา บรื้ออออ
จอดรถเพื่อทานข้าวมื้อแรก
ต้องบอกว่าระยะเวลาการเดินทางของทริปนี้เราต้องขับรถ 7 วันรวด ระยะทางของแต่วันไม่เท่ากัน บางวัน 300- 400 - 500 กิโลเมตร บางวัน วิ่งยาว 700 กว่ากิโลเมตร มีวิ่งสั้นสุดวันสุดท้าย 270 กิโลเมตร ที่ถึงก่อนตะวันตกดิน นอกนั้นเข้าโรงแรมค่ำเกือบทุกวัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการเดินทางโดยคาราวาน เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในแต่ละวันจะเจออะไรบ้าง

เช้าของการเดินทางวันที่สอง คาราวานเราเริ่มออกเดินทาง จากซุกบาคาร์ไปอูราอูเด แค่ 330 กิโลเมตร แต่เราติดอยู่ด่านมองโกเลียเพื่อข้ามไปรัสเซีย จากด่านรัสเซียออกไป รวมเบร็ดเสร็จ 9 ชั่วโมงรถคันสุดท้ายคือคันของเราหลุดจากด่านตอน 6 โมงเย็น ดังนั้นระยะทางที่เหลือ 250 กิโลเมตร ก็ต้องหวดกันละค่าบบ แต่ก่อนจะออกเดินทางทุกคนหิวมาก ณ เวลานั้น มาม่า คะ เวิร์ดสุด ส่วนอาหารกลางวันเรากินกันในรถค่ะ ระหว่างรอการตรวจเช็คเอกสาร ค้นรถ โดยทีมงานเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหมือนจะรู้ว่าเราต้องติดอยู่ในด่านทั้งวัน
กระโจม เด่นเลย
แต่อย่างไรการขับรถในเส้นทางไซบีเรีย ต้องระมัดระวังที่นี่มีจำกัดความเร็วเหมือนกัน เต็มที่วิ่งประมาณ 110-ไม่เกิน 120 และในเมืองความเร็วต้องลดลงมา 60-50-40 กิโลเมตร ตามป้ายบอก และที่สำคัญถ้ามีคนข้ามทางม้าลายต้องหยุดทันที ให้คนข้ามไปก่อน ทุกอย่างต้องทำตามกฎจราจรของประเทศเขา เพราะค่าปรับแพงอยู่

สำหรับเส้นทางที่เราวิ่งมาส่วนใหญ่เป็น 2 เลนสวน และ 4 เลนบ้างแต่น้อย และถนนช่วงแรกในมองโกเลียจะขรุขระ มีหลุมบ่อเยอะหน่อย แต่ไม่มีปัญหาอะไรในการขับมาสด้า CX-3 เพราะเราขับเป็นขบวนตาม ๆ กันไป วิวสองข้างทางในมองโกเลีย ยังเป็นทุ่งหญ้า ภูเขา วัว ม้า อยู่ริมถนนให้ตื่นเต้นตลอด จนขบวนขับผ่านมาเข้ามาเส้นทางสายไซบีเรีย ถนนหนทางเป็นลาดยางค่อนข้างดีขึ้นมาหน่อย แต่ส่วนใหญ่เป็น 2 เลนสวน แถมมีรถบรรทุกวิ่งเยอะมาก และขับเร็วเหมือนกัน บางช่วงจะมีซ่อมทาง แต่ก็มีการจัดจราจรให้สลับกันวิ่ง ขณะที่วิวก็เป็นต้นส้น ใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี สวยงามมาก มีหิมะตกตลอดทริป บางวันเราวิ่งเลียบขนานไปกับทางรถไฟสายไซบีเรีย อีกวันวิ่งตีคู่กับไปทะเลสาบไบคาล ซึ่งทั้ง 2 จุดถือเป็นไฮไลต์ของกลุ่มแรก และพวกเราก็โชคดีมากที่เห็นและมาสัมผัสด้วยตัวเอง
คนท้องถิ่นในมองโกเลีย  ยังใช้ม้าเป็นพาหนะในการเดินทางอยู่
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรีย เป็นเส้นรถไฟที่ยาวที่สุดโนโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1891 ตามแนวคิดของเซอร์เกย์ วิตเต รมว. กระทรวงการคลังในสมัยนั้นเป็นการเชื่อมรัสเซียฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออก เข้าด้วยกัน รวมระยะทางทั้งสิ้น 9,288 กิโลเมตร ใช้เวลาแค่ 149 ชั่วโมงหรือ 6 คืน 7 วัน ในการเดินทางจากต้นทางไปอีกปลายทาง ดังนั้นการได้วิ่งข้ามทางรถไฟ ดูขบวนรถไฟผ่านหน้าเรา วิ่งขนาบไปกับทางรถไฟสายตำนานเส้นนี้ถือว่า ฟิน สุด สุด

ที่สำคัญ ไซบีเรีย มาจากคำในภาษามองโกเลียว่า “Sibir” หมายถึงดินแดนที่หลับใหล มีพื้นที่ประมาณ 24.1 % ของประเทศรัสเซีย และที่นี่ยังเป็นที่คุมขังนักโทษ นักการเมือง ที่ถูกเนรเทศตลอดช่วงเวลาของศตวรรษที่ 20 เหนืออื่นใดมีหลายเมืองในไซบีเรียได้รับการบันทึกว่าหนาวติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก คือติดลบถึง 71.2 องศา หนาวขนาดน้ำในแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง อย่างทะเลสาบไบคาลที่เราได้แวะเที่ยว ในหน้าหนาวน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด และยังเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลกด้วย จุดที่ลึกมีความลึกกว่า 1,640 เมตร มีความยาว 650 กิโลเมตร กว้างโดยเฉลี่ย 50 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 23,000 ตารางกิโลเมตร และยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งแต่ ค.ศ. 1996 เป็นต้นมา
ผู้เขียนกะพี่อ้น คันแรก 00 นำทางเราไปตลอดทริปนี้
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเส้นทางที่เราวิ่งจะมีหิมะโปรยปรายตั้งแต่เบายันหนักกันเลยทีเดียวยิ่งในวันสุดท้ายเจอเป็นพายุหิมะกันเลย ทุกคนในขบวนจึงเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ เพื่อความปลอดภัย เหตุเพราะถนนลื่น บวกกับยางรถเราไม่ได้เหมาะแก่การวิ่งบนหิมะ และอากาศที่หนาวเหน็บติดลบทุกคืน หนาวสุดที่เราเจอ ลบ 9 องศา ยิ่งในคืนที่พักแถวริมทะเลสาบลงจากรถไม่สามารถยืนอยู่ได้นานเกิน 5 นาที ต้องวิ่งเข้าข้างในเพื่อหาความอบอุ่นจากฮีตเตอร์แล้วค่อยวิ่งมาขนกระเป๋าเข้าห้องอีกที ... มันหนาวจนเกินบรรยายจริง จริง

อย่างไรก็ตามบางเส้นทางไซบีเรีย แห่งนี้ นอกจากหิมะแล้ว เรายังได้สัมผัสวิวสองข้างทางที่เป็นใบไม้เปลี่ยนสีจากเขียวเป็น ส้ม เหลือง สวยสดงดงามชมกันเพลินเลยสองข้างทาง และบ้านแบบดั้งเดิมในเขตไซบีเรีย ที่มีให้เห็นอยู่ริมทางเดินเมื่อเราขับผ่านเมืองเล็ก ๆ ในแต่ละวัน น่ารักไปอีกแบบหนึ่ง
เส้นทางที่เราวิ่งกันไป
มีวันหนึ่งทีมงานหาสถานทีถ่ายรูปรถ เพื่อให้นักข่าวหาภาพสวย ๆ ระหว่างรถกับวิว เลยลองขับเข้าไปในหมู่บ้านแถวนั้น ได้มีโอกาสชมบ้านเก่าของคนแถบนี้อย่างใกล้ชิด ทุกคนสนุกสนานหามุมถ่ายรูปรถ ถ่ายตัวเองกัน

วันสุดท้ายก่อนจะจบทริปพวกเราพักที่เมืองเคเมโรโว ปรากฏว่าหิมะตกตลอดคืน ..ตื่นเช้าจะเอากระเป๋ามาใส่รถเห็นหิมะเต็มรถไปหมดเลย บวกกับอากาศหนาวมาก น่าจะติดลบอยู่ และในวันนี้เราต้องมุ่งหน้าเมืองโนโวซีบริค เพื่อเจอกับกลุ่ม 2 ที่จะมาขับต่อไปยังกรุงมอสโก ดังนั้นทุกคนตื่นเช้าเพื่อให้ถึงจุดหมายก่อนค่ำ แต่ระหว่างทางเจอหิมะตกหนักเป็นระยะ การขับขี่เลยต้องใช้ความระมัดระวัง แต่ทุกคนก็ตื่นเต้นกับการขับฝ่าพายุหิมะ เพราะบ้านเราไม่มี 555
เส้นทางแต่ละวัน
สำหรับการควบ มาสด้า CX-3 ในเส้นทางสายไซบีเรีย ไปได้อย่างชิล ชิล ตามขบวนคาราวาน จะมีบางช่วงถนนว่างวิ่งยาวก็ลองใช้ความเร็วสูง ๆ แอบเหยียบ 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็พุ่งตามเท้ากันเลยทีเดียว ขณะที่ในเมืองขับคล่องตัว อัตราเร่งดี ทันใจ พวงมาลัยแม่นยำ คม ไม่หนัก-เบา พอดีมือ และมีช่วงหนึ่งวิ่งเลียบทะเลสาบ มีไต่ความสูงเล็กน้อย มีโค้งให้เล่นนิดหน่อย ได้มีโอกาสลองประสิทธิภาพของช่วงล่าง ถือว่าเกาะหนึบ ได้อารมณ์สปอร์ตดี โดยเฉพาะช่วงเจอหิมะตก ก็มีดิ้น ๆ บ้างเพราะถนนมันลื่น แต่ไม่ได้ขับด้วยความเร็วสูงสักเท่าไร เลยผ่านมาได้สบาย สบาย ส่วนภายในรถคันเรานั่ง 3 คน เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นั่งกันเหลือ ๆ เลยไม่มีปัญหา บวกกับสัมภาระที่แบกกันมีทั้งเล็กทั้งใหญ่ที่เก็บด้านท้ายเลยพอดี
ก่อนพระอาทิตย์ตก เก็บภาพสักนิด
การเดินทางบนดินแดนหลังม่านเหล็กเส้นทางสายไซบีเรีย ที่ขึ้นชื่อความหนาวเหน็บกับฝูงรถสกายแอคทีฟ ทั้ง 2 รุ่น CX-3 และ CX-5 จบลงอย่างสวยงาม ไม่มีบุบสลาย หลังกลุ่มสองขับมาสิ้นสุดที่มอสโก 6,000 กว่ากิโลเมตรเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ..กับเส้นทางประวัติศาสตร์อีกเส้นหนึ่งที่ท้าทายทั้งคน และรถ ด้วยเส้นทางที่ผ่านหลากหลายอุปสรรคทั้งสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ที่แตกต่างจากบ้านเรา ...และเชื่อว่า ความประทับใจการเดินทางในครั้งนี้จะถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของผู้เขียนอีกหนึ่งทริป ที่ลืมไม่ลงกันเลย.....กาลครั้งหนึ่งใน “ดินแดนหลับใหล” กับฝูงสกายแอคทีฟ แบรนด์ “มาสด้า”
ขับกันไปเรื่อย ๆ ท่ามกางอากาศที่หนาวเหน็บ
มาสด้า CX-3 สกายแอคทีฟ -จี มากับ ค่าตัวที่เริ่มต้นที่ 835,000 บาท ไปถึง 1,045-000 บาท โดยมีรุ่นท็อปดีเซลให้เลือกในราคา 1,155,000 บาท น่าสนใจมาก
อนุสาวรีย์รูปปั้นศรีษะเลนิน
รวมพลถ่ายรูปเล่นก่อนเดินทาง
วิวระหว่างทาง
รถไฟสายทรานไซบีเรีย
เส้นทางรถไฟ
ทะเลสาปไบคาล
หมู่บ้านที่เราเข้าไปถ่ายรูปกัน
บ้านบนเส้นทางไซบีเรีย
เส้นทางที่เราวิ่งมา หิมะตกตลอดทาง
 2  ข้างทางเต็มไปด้วยหิมะ ตลอด
หิมะตก  ตื่นเต้นกันทั้งขบวน
ออกจากหมู่บ้าน
หลัวคาบ้านปกคลุมด้วยหิมะ
ราคาน้ำมันที่นั้น
เช้า ๆ เวลาสตาร์ทเครื่องควันออกมาอย่างที่เห็นเลย
มีอยู่วันหนึ่งเจออุบัติเหตุ ก็ต้องจอดรอกันนานหน่อย
สภาพรถที่เจอตอนเช้า
คันเรามีแต่  สาว สาว สาว  ขับไปเรื่อย ตามขบวน
วิวหิมะ สลับกับต้นไม่สีส้ม
ถนนเต็มไปด้วยหิมะ
เฮฮาข้างทาง
วิวสวย เลยเอารถลงไปในดงหิมะ หามุมถ่ายรูปหน่อย
คนท้องถิ่นแต่งเต็มยศ หนาวจริงไรจริง
รถเมล์ที่นี้

ไม่มีอะไร  หยุดยั้งเราได้ ตามเสื้อเลยค่ะ
3 สาว ลุยด้วยกันมาหลายทริป มองโกเลีย เวียดนาม และรัสเซีย  ..สบาย สบาย

กำลังโหลดความคิดเห็น