ในงานเปิดตัว “วอลโว่ เอส90” (Volvo S90) รุ่นฐานล้อยาว ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์จากประเทศสวีเดนที่ปัจจุบันเจ้าของคือ “จีลี่” (Geely) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ของจีน ประกาศชัดย้ำทิศทางหนักแน่นในการดำเนินธุรกิจพร้อมอนาคตที่สดใส หรือยืนยันได้จากยอดขายรวมในตลาดโลกที่เติบโตต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีหลัง
โดยสถานการณ์ในปีที่แล้ว วอลโว่สามารถขายรถยนต์ได้ทั่วโลก 5 แสนคัน เติบโต 8% เมื่อเทียบกับปีค.ศ. 2014 ส่วนปีนี้หลังผ่านมาสามไตรมาสมีตัวเลขเติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งในยุคที่เศรษฐกิจทั่วโลกผันผวน ต้องถือว่าไม่ธรรมดา ทั้งนี้วอลโว่ยังตั้งเป้าหมายในปี 2020 จะต้องเพิ่มยอดขายทั่วโลกให้ถึง 8 แสนคัน
...แน่นอนว่าความมั่นใจ และขั้นตอนที่เจริญก้าวหน้าเหล่านี้เกิดขึ้นหลังการเข้ามาซื้อกิจการของ “จีลี่” ในปี 2010
“ก่อนหน้านี้ในยุคเจ้าของเก่า(ฟอร์ด) เราไม่มีอิสระในการพัฒนาธุรกิจมากนัก แต่ปัจจุบันเรามีอิสระมากขึ้น โดยวอลโว่สามารถเข้ามารับผิดชอบได้เต็มตัวในการค้นคว้า-วิจัย และทำโปรดักต์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่มาของการกำหนดแนวทางเทคโนโลยีที่ชัดเจน เช่น แพลตฟอร์ม SPA และระบบขับเคลื่อน Drive-E ที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์วอลโว่ในปัจจุบันและอนาคต” ลาร์ส เดนิลสัน รองประธานบริหารอาวุโส ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก วอลโว่ คาร์ กล่าวและว่า
“เห็นได้ชัดว่า 2 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ของวอลโว่ดีขึ้นพร้อมภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเรายังต้องพยายามทำงานกันอย่างหนัก เพื่อสร้างฐานธุรกิจให้มั่นคง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
...ภาพลักษณ์ของวอลโว่ที่คนไทยและคนทั่วโลก ยอมรับและรับรู้มานานหลาย 10 ปี ต้องยกให้มาตรฐานความปลอดภัย ทั้งในส่วนของโครงสร้างและระบบความปลอดภัยอัจฉริยะที่ตัดสินใจด้วยสมองกลไฟฟ้า(ทั้งก่อนและหลังการชน) ซึ่งประเด็นนี้วอลโว่กำหนดเป็นวิสัยทัศน์ของบริษัทมานานแล้วว่า ภายในปี 2020 จะต้องไม่มีคนที่ใช้รถยนต์วอลโว่แล้วเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และถัดจากนั้นอีกหนึ่งปีก็เตรียมเปิดตัวรถแบบขับขี่ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบเป็นรายแรกของโลกอีกด้วย ขณะเดียวกัน นโยบายในการผลิตรถยนต์ของวอลโว่ถูกปรับให้สอดคล้องตาม ซึ่งยุทธศาสตร์ที่กำลังถูกพัฒนาให้เป็นฐานการผลิตใหญ่และสำคัญที่สุดของวอลโว่ก็หนีไม่พ้นประเทศจีน
สำหรับประเทศจีนถือเป็นตลาดรถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก และยอดขายต่อปีตอนนี้ก็แซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปเรียบอย (ประมาณ 20 ล้านคันต่อปี) ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนของรถยนต์หรูประมาณ 2 ล้านคัน
ล่าสุดในงานเปิดตัว เอส90 รุ่นฐานล้อยาว วอลโว่ประกาศเป็นครั้งแรกว่าจะย้ายฐานการผลิตรถยนต์รุ่นนี้มายังโรงงานเมืองต้าชิง(Daqing)ประเทศจีน แทนที่โรงงานทอร์สลานด้า ในประเทศสวีเดน
โดยเอส90 รุ่นฐานล้อยาวจะเริ่มผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศจีนได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป และจากนั้นมีแผนส่งออกกลับไปยังยุโรปและอเมริกา ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีกำลังผลิต 80,000 คันต่อปี
ขณะเดียวกันวอลโว่ยังมีโรงงานที่เมืองเฉิงตู (Chengdu)เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ตระกูล 60 (กำลังผลิต 120,000 คันต่อปี) รวมถึงโรงงานที่เมืองลูเฉียว (Luqiao)ที่ห่างจากเซี่ยงไฮ้ลงมาทางใต้ 350 กิโลเมตร ซึ่งจะทำหน้าที่ผลิตรถยนต์รุ่นเล็กตระกูล 40 หรือแพลตฟอร์ม CMA (Compact Modular Architecture) พร้อมจะเปิดไลน์ผลิตในอีก 2-3 ปีข้างหน้า (กำลังผลิต 150,000 คันต่อปี)
นายใหญ่ของวอลโว่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า วอลโว่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้ ซึ่งต่อไปยอดผลิตและยอดขายจะต้องเป็น 1 ใน 3 ของรถยนต์วอลโว่ทั่วโลก และยืนยันว่ารถยนต์วอลโว่ไม่ว่าจะผลิตที่ไหนคุณภาพต้องได้มาตรฐานเหมือนกันหมด
“เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่า วอลโว่ผลิตที่โรงงานไหนในโลกคุณภาพต้องไม่ต่างกัน เพราะสิ่งที่เหมือนกันคือ มาตรฐานโครงสร้างทางวิศวกรรม วิธีการผลิต อุปกรณ์แบบเดียวกัน และสุดท้ายประสบการณ์การใช้รถที่ส่งต่อมาถึงลูกค้าต้องเหมือนกัน”
สำหรับประเทศไทย (รุ่น CKD) ยังต้องนำเข้ารถยนต์มาจากโรงงาน ประเทศมาเลเซียอยู่ เนื่องจากได้สิทธิพิเศษทางด้านภาษี แต่ต่อไปในอนาตเมื่อฐานการผลิตที่จีนแข็งแกร่ง หรือนโยบายต่างๆเปลี่ยนไปก็มีโอกาสนำเข้ารถยนต์วอลโว่บางรุ่นมาจากประเทศจีนเช่นกัน...นายเดนิลสัน กล่าว
….น่าสนใจกับวอลโว่ในยุคฟ้าหลังฝน เมื่อผู้นำด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยของโลกได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของใหม่ชาวจีนอย่างเต็มที่ ด้วยสรรพกำลังครบทุกด้าน ศักยภาพแฝงมากมาย พร้อมก้าวสู่จุดหมายที่ชัดเจน กล่าวได้ว่าศักราชใหม่แห่งความสำเร็จของวอลโว่กำลังเริ่มต้นขึ้น
********************************************************************************************
S90 LWB Excellence หรูแนวใหม่
วอลโว่จัดงานเปิดตัว “เอส90 รุ่นฐานล้อยาว” (S90 Long Wheelbase) ครั้งแรกในโลกที่เมืองจีน ซึ่งถือเป็นตัวถังยอดนิยมของคนประเทศนี้ นอกจากมิติตัวถังและระยะฐานล้อยาวกว่ารุ่นปกติ 120 มม.แล้ว ค่ายรถยนต์แบรนด์สวีเดนก็ไม่ทิ้งพื้นที่ให้เสียเปล่า ด้วยการสรรหาความหรูใหม่ๆมาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้านายที่นั่งด้านหลังในฟังก์ชันที่ต่างออกไป
โดย เอส90 ฐานล้อยาว รุ่น Excellence จะถอดเบาะนั่งด้านหน้า(ข้างคนขับออกไป) แล้วแทนที่ด้วยแท่นวางขา มีช่องเก็บรองเท้าด้านล่าง พร้อมชุดแขนกางหน้าจอสีทัชสกรีนขนาดใหญ่
แยกชุดกับโต๊ะทำงานที่สามารถกางออก-พับเก็บแบบฝังได้อย่างเรียบร้อยตรงคอนโซลกลาง ซึ่งวอลโว่เรียกทั้งชุดนี้ว่า Lounge Console
...เรียกว่า สามารถนั่งยืดขาไปได้ยาวๆ หรือจะดึงจอขึ้นมาทำงาน กางโต๊ะ มีแป้นพิมพ์ ตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ได้ ถ้าคอแห้งวอลโว่ก็มีตู้เก็บแชมเปญและแก้ว ซ่อนอยู่ตรงกลางเบาะนั่งด้านหลังเช่นกัน
ส่วนเครื่องยนต์มีทั้ง เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ รุ่น T4 190 แรงม้า และ T5 254 แรงม้า รวมถึงรุ่น “ปลั๊ก-อินไฮบริด” T8 Twin Engine ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบและซูเปอร์ชาร์จ มีมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังรวม 407 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
สำหรับประเทศไทยเตรียมเปิดตัวรุ่นฐานล้อปกติ เครื่องยนต์ดีเซล D5 ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016 เดือนธันวาคมนี้ ช่วงแรกยังเป็นการนำเข้าทั้งคันจากโรงงานทอร์สลานด้า เมืองโกเตนเบิร์ก ประเทศสวีเดน คาดราคาขายประมาณ 4 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
โดยสถานการณ์ในปีที่แล้ว วอลโว่สามารถขายรถยนต์ได้ทั่วโลก 5 แสนคัน เติบโต 8% เมื่อเทียบกับปีค.ศ. 2014 ส่วนปีนี้หลังผ่านมาสามไตรมาสมีตัวเลขเติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งในยุคที่เศรษฐกิจทั่วโลกผันผวน ต้องถือว่าไม่ธรรมดา ทั้งนี้วอลโว่ยังตั้งเป้าหมายในปี 2020 จะต้องเพิ่มยอดขายทั่วโลกให้ถึง 8 แสนคัน
...แน่นอนว่าความมั่นใจ และขั้นตอนที่เจริญก้าวหน้าเหล่านี้เกิดขึ้นหลังการเข้ามาซื้อกิจการของ “จีลี่” ในปี 2010
“ก่อนหน้านี้ในยุคเจ้าของเก่า(ฟอร์ด) เราไม่มีอิสระในการพัฒนาธุรกิจมากนัก แต่ปัจจุบันเรามีอิสระมากขึ้น โดยวอลโว่สามารถเข้ามารับผิดชอบได้เต็มตัวในการค้นคว้า-วิจัย และทำโปรดักต์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่มาของการกำหนดแนวทางเทคโนโลยีที่ชัดเจน เช่น แพลตฟอร์ม SPA และระบบขับเคลื่อน Drive-E ที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์วอลโว่ในปัจจุบันและอนาคต” ลาร์ส เดนิลสัน รองประธานบริหารอาวุโส ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก วอลโว่ คาร์ กล่าวและว่า
“เห็นได้ชัดว่า 2 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ของวอลโว่ดีขึ้นพร้อมภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเรายังต้องพยายามทำงานกันอย่างหนัก เพื่อสร้างฐานธุรกิจให้มั่นคง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
...ภาพลักษณ์ของวอลโว่ที่คนไทยและคนทั่วโลก ยอมรับและรับรู้มานานหลาย 10 ปี ต้องยกให้มาตรฐานความปลอดภัย ทั้งในส่วนของโครงสร้างและระบบความปลอดภัยอัจฉริยะที่ตัดสินใจด้วยสมองกลไฟฟ้า(ทั้งก่อนและหลังการชน) ซึ่งประเด็นนี้วอลโว่กำหนดเป็นวิสัยทัศน์ของบริษัทมานานแล้วว่า ภายในปี 2020 จะต้องไม่มีคนที่ใช้รถยนต์วอลโว่แล้วเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และถัดจากนั้นอีกหนึ่งปีก็เตรียมเปิดตัวรถแบบขับขี่ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบเป็นรายแรกของโลกอีกด้วย ขณะเดียวกัน นโยบายในการผลิตรถยนต์ของวอลโว่ถูกปรับให้สอดคล้องตาม ซึ่งยุทธศาสตร์ที่กำลังถูกพัฒนาให้เป็นฐานการผลิตใหญ่และสำคัญที่สุดของวอลโว่ก็หนีไม่พ้นประเทศจีน
สำหรับประเทศจีนถือเป็นตลาดรถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก และยอดขายต่อปีตอนนี้ก็แซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปเรียบอย (ประมาณ 20 ล้านคันต่อปี) ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนของรถยนต์หรูประมาณ 2 ล้านคัน
ล่าสุดในงานเปิดตัว เอส90 รุ่นฐานล้อยาว วอลโว่ประกาศเป็นครั้งแรกว่าจะย้ายฐานการผลิตรถยนต์รุ่นนี้มายังโรงงานเมืองต้าชิง(Daqing)ประเทศจีน แทนที่โรงงานทอร์สลานด้า ในประเทศสวีเดน
โดยเอส90 รุ่นฐานล้อยาวจะเริ่มผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศจีนได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป และจากนั้นมีแผนส่งออกกลับไปยังยุโรปและอเมริกา ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีกำลังผลิต 80,000 คันต่อปี
ขณะเดียวกันวอลโว่ยังมีโรงงานที่เมืองเฉิงตู (Chengdu)เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ตระกูล 60 (กำลังผลิต 120,000 คันต่อปี) รวมถึงโรงงานที่เมืองลูเฉียว (Luqiao)ที่ห่างจากเซี่ยงไฮ้ลงมาทางใต้ 350 กิโลเมตร ซึ่งจะทำหน้าที่ผลิตรถยนต์รุ่นเล็กตระกูล 40 หรือแพลตฟอร์ม CMA (Compact Modular Architecture) พร้อมจะเปิดไลน์ผลิตในอีก 2-3 ปีข้างหน้า (กำลังผลิต 150,000 คันต่อปี)
นายใหญ่ของวอลโว่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า วอลโว่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้ ซึ่งต่อไปยอดผลิตและยอดขายจะต้องเป็น 1 ใน 3 ของรถยนต์วอลโว่ทั่วโลก และยืนยันว่ารถยนต์วอลโว่ไม่ว่าจะผลิตที่ไหนคุณภาพต้องได้มาตรฐานเหมือนกันหมด
“เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่า วอลโว่ผลิตที่โรงงานไหนในโลกคุณภาพต้องไม่ต่างกัน เพราะสิ่งที่เหมือนกันคือ มาตรฐานโครงสร้างทางวิศวกรรม วิธีการผลิต อุปกรณ์แบบเดียวกัน และสุดท้ายประสบการณ์การใช้รถที่ส่งต่อมาถึงลูกค้าต้องเหมือนกัน”
สำหรับประเทศไทย (รุ่น CKD) ยังต้องนำเข้ารถยนต์มาจากโรงงาน ประเทศมาเลเซียอยู่ เนื่องจากได้สิทธิพิเศษทางด้านภาษี แต่ต่อไปในอนาตเมื่อฐานการผลิตที่จีนแข็งแกร่ง หรือนโยบายต่างๆเปลี่ยนไปก็มีโอกาสนำเข้ารถยนต์วอลโว่บางรุ่นมาจากประเทศจีนเช่นกัน...นายเดนิลสัน กล่าว
….น่าสนใจกับวอลโว่ในยุคฟ้าหลังฝน เมื่อผู้นำด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยของโลกได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของใหม่ชาวจีนอย่างเต็มที่ ด้วยสรรพกำลังครบทุกด้าน ศักยภาพแฝงมากมาย พร้อมก้าวสู่จุดหมายที่ชัดเจน กล่าวได้ว่าศักราชใหม่แห่งความสำเร็จของวอลโว่กำลังเริ่มต้นขึ้น
********************************************************************************************
S90 LWB Excellence หรูแนวใหม่
วอลโว่จัดงานเปิดตัว “เอส90 รุ่นฐานล้อยาว” (S90 Long Wheelbase) ครั้งแรกในโลกที่เมืองจีน ซึ่งถือเป็นตัวถังยอดนิยมของคนประเทศนี้ นอกจากมิติตัวถังและระยะฐานล้อยาวกว่ารุ่นปกติ 120 มม.แล้ว ค่ายรถยนต์แบรนด์สวีเดนก็ไม่ทิ้งพื้นที่ให้เสียเปล่า ด้วยการสรรหาความหรูใหม่ๆมาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้านายที่นั่งด้านหลังในฟังก์ชันที่ต่างออกไป
โดย เอส90 ฐานล้อยาว รุ่น Excellence จะถอดเบาะนั่งด้านหน้า(ข้างคนขับออกไป) แล้วแทนที่ด้วยแท่นวางขา มีช่องเก็บรองเท้าด้านล่าง พร้อมชุดแขนกางหน้าจอสีทัชสกรีนขนาดใหญ่
แยกชุดกับโต๊ะทำงานที่สามารถกางออก-พับเก็บแบบฝังได้อย่างเรียบร้อยตรงคอนโซลกลาง ซึ่งวอลโว่เรียกทั้งชุดนี้ว่า Lounge Console
...เรียกว่า สามารถนั่งยืดขาไปได้ยาวๆ หรือจะดึงจอขึ้นมาทำงาน กางโต๊ะ มีแป้นพิมพ์ ตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ได้ ถ้าคอแห้งวอลโว่ก็มีตู้เก็บแชมเปญและแก้ว ซ่อนอยู่ตรงกลางเบาะนั่งด้านหลังเช่นกัน
ส่วนเครื่องยนต์มีทั้ง เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ รุ่น T4 190 แรงม้า และ T5 254 แรงม้า รวมถึงรุ่น “ปลั๊ก-อินไฮบริด” T8 Twin Engine ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบและซูเปอร์ชาร์จ มีมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังรวม 407 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
สำหรับประเทศไทยเตรียมเปิดตัวรุ่นฐานล้อปกติ เครื่องยนต์ดีเซล D5 ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016 เดือนธันวาคมนี้ ช่วงแรกยังเป็นการนำเข้าทั้งคันจากโรงงานทอร์สลานด้า เมืองโกเตนเบิร์ก ประเทศสวีเดน คาดราคาขายประมาณ 4 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring