xs
xsm
sm
md
lg

กระหน่ำ“มินิ”วันเดียวจบครบทุกรุ่น 2,000 แรงม้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ไม่มีปีไหนที่ค่ายรถยนต์“มินิ” ในเครือบีเอ็มดับเบิลยูจะอยู่เงียบๆ ใช้ชีวิตเรียบๆติ๋มๆละครับ เรียกว่าทุกปีต้องมีกิจกรรมพบปะลูกค้าและสื่อมวลชน พร้อมสรรหาความแปลกใหม่ อันหมายรวมถึงการจัดให้ลองขับรถยนต์ของตัวเองในหลากหลายรูปแบบ
จอห์น คูเปอร์ เวิร์ค


ปีนี้มินิเลือกเดือนตุลาคมจัดงาน MINI Track Day 2016 ชวนลูกค้าและสื่อมวลชนให้ไปกระหน่ำมินิ เกือบครบทุกรุ่นที่ทำตลาดในเมืองไทย โดยยกขบวนไปถึงสนามแข่งรถแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี

ไล่ตั้งแต่ตัวแรง JCW จอห์น คูเปอร์ เวิร์ค ตัวคลาสสิกอย่างรุ่นแฮทช์แบ็ก3 ประตู 5 ประตู และรุ่นเปิดหลังคา “คอนเวอร์ทิเบิล” ความอเนกประสงค์อย่าง “คลับแมน” และปิดท้ายด้วยเอสยูวี “คันทรีแมน” ซึ่งเป็นรุ่นปัจจุบันที่เตรียมนับถอยหลังวันเปลี่ยนโฉม (รุ่นอื่นๆเขาเป็นโฉมใหม่กันหมดแล้ว)

ทั้งนี้ “คันทรีแมน” ที่ขอติดติ่งอีเวนต์มาด้วย ทางมินิคงหวังผลด้านการตลาดล้วนๆครับ(ตอนนี้ขายเยอะสุดในบรรดามินิทุกรุ่น) เพราะด้วยทรงเอสยูวี เครื่องยนต์ดีเซล คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆแล้วสมรรถนะสู้ไม่ได้ แถมอารมณ์การขับก็ต่างออกไป ดังนั้นจึงถูกปล่อยห้อยท้ายขบวน ใครขับก็ตามชาวบ้านเขาไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดีคือผู้เข้าร่วมงาน MINI Track Day 2016 จะได้เปรียบเทียบบุคลิกของมินิทุกคันจริงๆ (ขาดคูเป้ไปอีกรุ่น) และคิดเสียว่าขับคันอื่นๆมาหนัก จัดโหดมามากแล้ว พอถึงคิวมาขับคันทรีแมนก็ พักเท้าเบาสมองไปแล้วกัน

จอห์น คูเปอร์ เวิร์ค
โดยพระเอกสุดเท่ในก๋วนนี้ และได้สัมผัสความโหดกันเต็มเท้าคงหนีไม่พ้น “จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์” ที่วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 231 แรงม้า สัมผัสอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.1 วินาที สมศักดิ์ศรีผู้นำมากๆครับ ขับคล่อง หนึบหนับ เข้า-ออกโค้ง เฉียบขาดแม่นยำ เสียงเครื่องยนต์ เสียงท่อ แต่งกันมาเต็มที่เร่งเร้าอารมณ์ได้ดี

มินิ บอกว่านี่เป็น JCW ตัวแรงที่สุดเท่าที่เคยทำมา และส่วนตัวผมขอเสริมว่ามันยังมีความสมดุลพร้อมรองรับอาการสะเทือนจากพื้นถนนได้นุ่มนวลกว่า JCW รุ่นก่อนๆด้วยเช่นกัน

มากไปกว่านั้น JCW ยังแต้มแต่งรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูดุดัน สมกับพละกำลัง ด้วยหลังคาและกระจกมองข้างสีแดง ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ขนาด 18 นิ้ว และแถบสีแต่งกระโปรงรถลายจอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ และระบบห้ามล้อจากเบรมโบ สนนราคา 3.45 ล้านบาท

ตามติดด้วยรุ่นคลาสสิกอย่าง มินิ แฮทช์ 3 ประตู (ถ้าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มจะได้ขับรุ่นแฮทช์ 5 ประตู) พร้อมชุดแต่งจอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์

โดยชุดเดรสอัพจอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ มีสปอยเลอร์เสริมเข้ามาเพื่อเน้นความสปอร์ตและหลักอากาศพลศาสตร์ รวมถึงล้ออัลลอย Cup Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว ภายในมาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ สเต็ปโทรนิคสปอร์ต ตกแต่งด้วยพวงมาลัยหนัง JCW หัวเกียร์หนัง ครบชุดแต่งในแบบฉบับจอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ทั้งขอบประตู แท่นเหยียบสแตนเลส สตีล และที่วางเท้า ช่วงล่างที่มีระบบ Dynamic Damper Control ไฟหน้าแบบ LED และเครื่องเสียง Harman Kardon

ตัวนี้ถูกกว่า JCW หน่อยเพราะหย่อน 3 ล้านมา 1 หมื่นบาท แต่การขับขี่วัยรุ่นฉุนเฉียวพอตัว ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 192 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.7 วินาที พละกำลังเหลือใช้ ขับจี้ตูดตัวแรงคันหน้า(ในสนามแข่ง)ได้สบายครับ

แฮชท์ 5 ประตู
คอนเวอร์ทิเบิล
ส่วนรุ่นขับชิลๆแบบเปิดหลังคา(ในอีเวนต์นี้ใครจะเปิดหรือปิดหลังคาขับก็ตามใจ) มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวอร์ทิเบิล ราคา 3.05 ล้านบาท แรงม้าเท่ากับตัวข้างบนครับ แต่ด้วยแบกน้ำหนักและการเซ็ทติ้งให้แตกต่าง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เลยช้ากว่าเป็น 7.1 วินาที

มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวอร์ทิเบิล โดดเด่นด้วยหลังคาผ้าใบ “ซอฟต์ท็อป” สามารถกางออกและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้าในเวลา 20 วินาที แถมกดปุ่มสั่งงานให้ทำได้ในขณะรถวิ่งบนความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม.

ส่วนความใหม่ที่ผมยังไม่เคยได้ลองขับคือ คูเปอร์ เอส คลับแมน รถแบบสเตชันแวกอน ที่สัมผัสของการขับขี่นุ่มนวลเมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ

มิติตัวถังยาวที่เพิ่มขึ้น 27 เซนติเมตร กว้างขึ้น 9 เซนติเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 10 เซนติเมตรเมื่อเทียบกับรถยนต์มินิ แฮทช์ 5 ประตู มินิ ให้ความอเนกประสงค์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความจุ 360 ลิตร และยังสามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,250 ลิตร เมื่อทำการพับเบาะที่นั่งหลังซึ่งแยกกันที่ 60:40

ส่วนฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้าง และในส่วนท้ายของ มินิ คลับแมน เสากลางระหว่างบานกระจกซ้าย-ขวามีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นเก่า ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองด้านหลังครับ

...แสบสันสนั่นทรวงกับมินิหลากหลายรุ่น นับแรงม้าในสนามแก่งกระจานวันนั้นน่าจะเกิน 2,000 ตัวจากรถ 14 คัน (ส่วนมากก็คูเปอร์ เอส ทั้งนั้น) ผมได้โอกาสสลับขับครบทุกรุ่นหรือวนๆอยู่ประมาณ 20 รอบสนามครับ ซึ่งจริงๆสนามแห่งนี้เหมาะกับการเรียนรู้บุคลิกของรถยนต์ “มินิ” มากๆ ด้วยรูปทรงและสมรรถนะของรถ กับโค้งและความกว้างของแทรกที่แคบๆ (เมื่อเทียบกับสนามระดับอินเตอร์เนชันเนล) กำลังพอดี เร่งลุ้นกันสนุก และหวังว่าปีหน้าหรือกิจกรรมต่อๆไป มินิจะหาลูกเล่นอะไรใหม่ๆมาให้ประหลาดใจได้อีก
แฮทช์ 3 ประตู
คลับแมน
คลับแมน
มินิใช้ คันทรีแมน ปิดท้ายสองคัน







กำลังโหลดความคิดเห็น