แบรนด์หรูค่ายใบพัดสีฟ้า “บีเอ็มดับเบิลยู” จัดกิจกรรม “BMW Motorrad Track Experience 2016” ครั้งแรกในไทย นำรถมอเตอร์ไซค์สายสปอร์ตและโรดสเตอร์ 7 รุ่น มาให้สื่อมวลชนและลูกค้าได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม พร้อมเปิดประสบการณ์สุดเร้าใจในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ที่สุดในการจัดกิจกรรมการทดสอบของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ก็ว่าได้ สำหรับการยกทัพสองล้อรุ่นเด่นในค่ายมาให้ได้ลิ้มลองสมรรถนะกันภายในงานเดียวมากถึง 7 รุ่น รวมจำนวนทั้งสิ้นถึง 33 คัน และที่มากกว่านั้นคือมาจัดอยู่ในสังเวียนการแข่งขันที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก ซึ่งน้อยคนจะมีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ในสนามแห่งนี้
แต่เพื่อลูกค้าคนพิเศษ บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดให้
“วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้ทดสอบสมรรถนะรถมอเตอร์ไซค์ของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในเซ็กเม้นต์สปอร์ตและโรดสเตอร์ทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย ในสนามที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือระดับ พร้อมสร้างเสริมความรู้เรื่องวิธีการขับขี่อย่างปลอดภัยโดยครูฝึกที่ได้รับการรองรับในระดับสากล” มาร์คุส เกลเซอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าว
โดยในกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับการดูแลจากทีมครูฝึกที่นำโดย สเตฟาน ชิมฟ์ หัวหน้าครูฝึกสอน ที่ได้รับการรองรับในระดับสากลจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศเยอรมนี และปฏิมา กองเพชร รองหัวหน้าครูฝึกที่ได้รับการรองรับในระดับสากลจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศเยอรมนีเช่นเดียวกัน
ขณะที่รถที่นำมาทดสอบจำนวนทั้งสิ้น 33 คัน แบ่งออกเป็น 7 รุ่น ได้แก่ F 800 R, F 800 GT, R nineT, R 1200 R, S 1000 R, S 1000 XR และ S 1000 RR
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกคนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ครบทุกรุ่น เนื่องจากจำนวนคนที่ลงทะเบียนมาร่วมงานมีค่อนข้างมากหรือประมาณ 200 คน ดังนั้น ทางผู้จัดจึงต้องจัดสรรปันส่วนให้มีความเหมาะสมมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าที่มาร่วมงานมากที่สุดด้วย ซึ่งทางเลือกที่ออกมาและทำได้ลงตัวที่สุด คือ แต่ละคนจะได้ทอลองขี่ 3 รุ่น ไม่ซ้ำกัน รุ่นละ 20 นาที
สำหรับของหรู 3 รุ่นที่ “ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง” มีโอกาสได้ร่วมสัมผัส คันแรกเป็น F 800 R เน็กเก็ตไบค์ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สองสูบ 4 วาล์ว แบบหล่อเย็นด้วยน้ำ ความจุ 798 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 86 นิวตันเมตร มาพร้อมฟีเจอร์มาตรฐาน ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ราคา 450,000 บาท
ส่วนคันที่สอง S 1000 RR โมเดลที่เป็นที่สุดของสายพันธุ์ซูเปอร์สปอร์ตประจำค่าย เครื่องยนต์ 4 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 999 ซีซี. อัตราส่วนกำลังอัด 13.:1 ให้กำลังสูงสุด 199 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 113 นิวตัน-เมตร ในรุ่นมาตรฐานให้โหมดขับขี่เป็นแบบโปร Rain, Sport, Race, Slick และ User พร้อมเทคโนโลยีระบบ Dynamic traction-Control (DTC), Gear Shift Assist Pro และ Dynamic Damping Control (DDC) ที่ช่วยปรับการทำงานของช่วงล่างในเหมาะสมกับการขับขี่ โดยทุกระบบสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ราคา 820,000 บาท
และคันสุดท้าย S 1000 XR ลูกผสมระหว่างคนชอบเที่ยวกับสายซิ่งในสนามแข่ง ซึ่งผสานคุณภาพการขับขี่แบบแอดเวนเจอร์และสมรรถนะแข็งแกร่งสไตล์สปอร์ตเข้าด้วยกัน เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง รุ่นเดียวกับตัวแรงโฉมสปอร์ต ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 112 นิวตันเมตร และมีโหมดการขับขี่แบบ Riding Mode Pro รวมถึงระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก (DTC) มอบความปลอดภัยขณะขับขี่ระดับสูง และระบบ Dynamic ESA (Electronic Suspension Adjustment) หรือ การปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช๊คด้วยระบบไฟฟ้า พร้อม Gear Shift Assistant Pro ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้ทั้งขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัทช์ ราคา 890,000 บาท
ด้านบทสรุปหลังการขับขี่ รถทั้งสามรุ่นให้ความสนุกเร้าใจคนละแบบ เน็กเก็ตไบค์ก็คล่องตัว แรงบิดติดมือ สายซิ่งนิ๊กเนมฉลามก็ขี่สนุกจนไม่อยากเปลี่ยนคันไปลองรุ่นอื่น ส่วนทัวริ่งยกสูงขุมพลังซูเปอร์สปอร์ตก็นั่งสบาย ขี่ง่าย และสมรรถนะไม่ได้เป็นรอง
แต่หากให้เจาะลึกถึงขนาดเป็นบททดสอบการขับขี่ สำหรับงานนี้ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทั้งรูปแบบการขี่ จำนวนคน เวลา สถานที่(ไม่เหมาะกับรถบางประเภท) ถึงอย่างไรหากมองย้อนไปถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในภาพรวม ถือว่า บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทำได้ออกมาดีเกินคาด และน่าจะประทับใจนักบิดค่ายใบพัดสีฟ้าทุกคน
สำหรับกิจกรรมเปิดประสบการณ์ในสนามแข่งขันระดับโลก BMW Motorrad Track Experience 2016 ที่จัดครั้งแรกก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ทิ้งท้ายแม้ผู้บริหาร มาร์คุส เกลเซอร์ จะไม่ยืนยันว่าเตรียมผลักดันต่อให้เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกปีหรือไม่ เพียงแต่ตอบสั้นๆ ให้ลูกค้าได้อุ่นใจว่า
ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายแน่นอน.
***ขอขอบคุณ Alpinestars Thailand สำหรับอุปกรณ์ Riding Gear (www.1goal1visionth.com โทร. 02-000-7885-6)***
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ที่สุดในการจัดกิจกรรมการทดสอบของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ก็ว่าได้ สำหรับการยกทัพสองล้อรุ่นเด่นในค่ายมาให้ได้ลิ้มลองสมรรถนะกันภายในงานเดียวมากถึง 7 รุ่น รวมจำนวนทั้งสิ้นถึง 33 คัน และที่มากกว่านั้นคือมาจัดอยู่ในสังเวียนการแข่งขันที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก ซึ่งน้อยคนจะมีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ในสนามแห่งนี้
แต่เพื่อลูกค้าคนพิเศษ บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดให้
“วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้ทดสอบสมรรถนะรถมอเตอร์ไซค์ของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในเซ็กเม้นต์สปอร์ตและโรดสเตอร์ทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย ในสนามที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือระดับ พร้อมสร้างเสริมความรู้เรื่องวิธีการขับขี่อย่างปลอดภัยโดยครูฝึกที่ได้รับการรองรับในระดับสากล” มาร์คุส เกลเซอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าว
โดยในกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับการดูแลจากทีมครูฝึกที่นำโดย สเตฟาน ชิมฟ์ หัวหน้าครูฝึกสอน ที่ได้รับการรองรับในระดับสากลจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศเยอรมนี และปฏิมา กองเพชร รองหัวหน้าครูฝึกที่ได้รับการรองรับในระดับสากลจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศเยอรมนีเช่นเดียวกัน
ขณะที่รถที่นำมาทดสอบจำนวนทั้งสิ้น 33 คัน แบ่งออกเป็น 7 รุ่น ได้แก่ F 800 R, F 800 GT, R nineT, R 1200 R, S 1000 R, S 1000 XR และ S 1000 RR
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกคนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ครบทุกรุ่น เนื่องจากจำนวนคนที่ลงทะเบียนมาร่วมงานมีค่อนข้างมากหรือประมาณ 200 คน ดังนั้น ทางผู้จัดจึงต้องจัดสรรปันส่วนให้มีความเหมาะสมมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าที่มาร่วมงานมากที่สุดด้วย ซึ่งทางเลือกที่ออกมาและทำได้ลงตัวที่สุด คือ แต่ละคนจะได้ทอลองขี่ 3 รุ่น ไม่ซ้ำกัน รุ่นละ 20 นาที
สำหรับของหรู 3 รุ่นที่ “ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง” มีโอกาสได้ร่วมสัมผัส คันแรกเป็น F 800 R เน็กเก็ตไบค์ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สองสูบ 4 วาล์ว แบบหล่อเย็นด้วยน้ำ ความจุ 798 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 86 นิวตันเมตร มาพร้อมฟีเจอร์มาตรฐาน ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ราคา 450,000 บาท
ส่วนคันที่สอง S 1000 RR โมเดลที่เป็นที่สุดของสายพันธุ์ซูเปอร์สปอร์ตประจำค่าย เครื่องยนต์ 4 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 999 ซีซี. อัตราส่วนกำลังอัด 13.:1 ให้กำลังสูงสุด 199 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 113 นิวตัน-เมตร ในรุ่นมาตรฐานให้โหมดขับขี่เป็นแบบโปร Rain, Sport, Race, Slick และ User พร้อมเทคโนโลยีระบบ Dynamic traction-Control (DTC), Gear Shift Assist Pro และ Dynamic Damping Control (DDC) ที่ช่วยปรับการทำงานของช่วงล่างในเหมาะสมกับการขับขี่ โดยทุกระบบสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ราคา 820,000 บาท
และคันสุดท้าย S 1000 XR ลูกผสมระหว่างคนชอบเที่ยวกับสายซิ่งในสนามแข่ง ซึ่งผสานคุณภาพการขับขี่แบบแอดเวนเจอร์และสมรรถนะแข็งแกร่งสไตล์สปอร์ตเข้าด้วยกัน เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง รุ่นเดียวกับตัวแรงโฉมสปอร์ต ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 112 นิวตันเมตร และมีโหมดการขับขี่แบบ Riding Mode Pro รวมถึงระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก (DTC) มอบความปลอดภัยขณะขับขี่ระดับสูง และระบบ Dynamic ESA (Electronic Suspension Adjustment) หรือ การปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช๊คด้วยระบบไฟฟ้า พร้อม Gear Shift Assistant Pro ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้ทั้งขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัทช์ ราคา 890,000 บาท
ด้านบทสรุปหลังการขับขี่ รถทั้งสามรุ่นให้ความสนุกเร้าใจคนละแบบ เน็กเก็ตไบค์ก็คล่องตัว แรงบิดติดมือ สายซิ่งนิ๊กเนมฉลามก็ขี่สนุกจนไม่อยากเปลี่ยนคันไปลองรุ่นอื่น ส่วนทัวริ่งยกสูงขุมพลังซูเปอร์สปอร์ตก็นั่งสบาย ขี่ง่าย และสมรรถนะไม่ได้เป็นรอง
แต่หากให้เจาะลึกถึงขนาดเป็นบททดสอบการขับขี่ สำหรับงานนี้ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทั้งรูปแบบการขี่ จำนวนคน เวลา สถานที่(ไม่เหมาะกับรถบางประเภท) ถึงอย่างไรหากมองย้อนไปถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในภาพรวม ถือว่า บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทำได้ออกมาดีเกินคาด และน่าจะประทับใจนักบิดค่ายใบพัดสีฟ้าทุกคน
สำหรับกิจกรรมเปิดประสบการณ์ในสนามแข่งขันระดับโลก BMW Motorrad Track Experience 2016 ที่จัดครั้งแรกก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ทิ้งท้ายแม้ผู้บริหาร มาร์คุส เกลเซอร์ จะไม่ยืนยันว่าเตรียมผลักดันต่อให้เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกปีหรือไม่ เพียงแต่ตอบสั้นๆ ให้ลูกค้าได้อุ่นใจว่า
ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายแน่นอน.
***ขอขอบคุณ Alpinestars Thailand สำหรับอุปกรณ์ Riding Gear (www.1goal1visionth.com โทร. 02-000-7885-6)***
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
