ข่าวในประเทศ - มิตซูบิชิ ขยันหาตลาดส่งออกช่วยผลักดันกำลังผลิตรวมในประเทศ คาดปีนี้ทำได้ 385,000 คัน โต 5.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกซบเซา พร้อมเปิดตัว “ไทรทัน โมเดล ปี 2017” เน้นความคุ้มค่า อัดแคมเปญแรง สามเดือนสุดท้ายตั้งเป้า 7,500 คัน
โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้ 40,000 คัน เติบโต 15.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดการส่งออกลดลงเล็กน้อยจากสภาพเศรษฐกิจใน จีน รัสเซีย และบราซิล ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ แต่กระนั้นช่วงปลายนี้บริษัทได้รับการสั่งซื้อล็อตใหญ่มาจากอเมริกาเหนือ จึงคาดว่าถึงสิ้นปียอดการส่งออกรวมจะทำได้ 321,000 คัน เติบโต 1.3% ส่งผลให้กำลังผลิตปีนี้ถึง 385,000 คัน ขยายตัว 5.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
“แม้เศรษฐกิจโลกจะผันผวนและมีการแข่งขันสูง บางตลาดมียอดสั่งซื้อลดลง แต่ทุกๆปีบริษัทสามารถหาตลาดใหม่ได้เรื่อยๆ สมกับที่เป็นฐานการผลิตใหญ่เพื่อส่งออกรถยนต์ไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก อย่างปีที่แล้วบริษัทได้ตลาดเม็กซิโกเพิ่มเติม ทั้งยังมีการส่งปิกอัพให้“เฟียต”ในรูปแบบผู้ผลิตจากโรงงานอีกด้วย”
สำหรับตลาดในประเทศ ล่าสุดบริษัทส่งปิกอัพ ไทรทัน โมเดลปี 2017 ลงสู่ตลาด ด้วยคอนเซปต์ “พันธุ์ใหม่ หน้าเข้ม แรงจัด ประหยัดสุด” ปรับโฉมเล็กน้อยและเพิ่มออปชันอำนวยความสะดวกและปลอดภัย มีให้เลือกถึง 16 รุ่น 6 สี คาดว่าจะได้การตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี โดยสามเดือนสุดท้ายบริษัทตั้งเป้าหมายการขายไว้ 2,500 คันต่อเดือน ส่งผลให้ยอดขายไทรทันปีนี้ถึง 23,500 คัน
“ปีนี้ตลาดปิกอัพอาจจะหดตัวเล็กน้อย คาดว่าปิดตัวเลขประมาณ 324,000 คัน (ทุกยี่ห้อ) คิดเป็น 45% ของตลาดรวม แต่ในไตรมาสสุดท้ายถือเป็นช่วงฤดูกาลขาย หรือจะมียอดขายสูงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สาม ดังนั้นการเปิดตัวไทรทันใหม่ในช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสดี เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้า พร้อมจัดแคมเปญมิตซูบิชิช่วยออกเงินให้สูงสุด 75,000 บาทต่อคัน”
บริษัทมั่นใจกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ประกอบกับการให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรม CRM ตอบแทนลูกค้า การพัฒนาการบริการหลังการขายของ บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันคุณภาพรถยนต์ (Diamond Warranty) เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) พร้อมด้วยการมีโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 200 แห่งดังนั้นการตั้งยอดขายมิตซูบิชิรวมทุกรุ่นไว้ 55,000 คันในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน พร้อมครองส่วนแบ่งตลาด 8%
โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้ 40,000 คัน เติบโต 15.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดการส่งออกลดลงเล็กน้อยจากสภาพเศรษฐกิจใน จีน รัสเซีย และบราซิล ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ แต่กระนั้นช่วงปลายนี้บริษัทได้รับการสั่งซื้อล็อตใหญ่มาจากอเมริกาเหนือ จึงคาดว่าถึงสิ้นปียอดการส่งออกรวมจะทำได้ 321,000 คัน เติบโต 1.3% ส่งผลให้กำลังผลิตปีนี้ถึง 385,000 คัน ขยายตัว 5.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
“แม้เศรษฐกิจโลกจะผันผวนและมีการแข่งขันสูง บางตลาดมียอดสั่งซื้อลดลง แต่ทุกๆปีบริษัทสามารถหาตลาดใหม่ได้เรื่อยๆ สมกับที่เป็นฐานการผลิตใหญ่เพื่อส่งออกรถยนต์ไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก อย่างปีที่แล้วบริษัทได้ตลาดเม็กซิโกเพิ่มเติม ทั้งยังมีการส่งปิกอัพให้“เฟียต”ในรูปแบบผู้ผลิตจากโรงงานอีกด้วย”
สำหรับตลาดในประเทศ ล่าสุดบริษัทส่งปิกอัพ ไทรทัน โมเดลปี 2017 ลงสู่ตลาด ด้วยคอนเซปต์ “พันธุ์ใหม่ หน้าเข้ม แรงจัด ประหยัดสุด” ปรับโฉมเล็กน้อยและเพิ่มออปชันอำนวยความสะดวกและปลอดภัย มีให้เลือกถึง 16 รุ่น 6 สี คาดว่าจะได้การตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี โดยสามเดือนสุดท้ายบริษัทตั้งเป้าหมายการขายไว้ 2,500 คันต่อเดือน ส่งผลให้ยอดขายไทรทันปีนี้ถึง 23,500 คัน
“ปีนี้ตลาดปิกอัพอาจจะหดตัวเล็กน้อย คาดว่าปิดตัวเลขประมาณ 324,000 คัน (ทุกยี่ห้อ) คิดเป็น 45% ของตลาดรวม แต่ในไตรมาสสุดท้ายถือเป็นช่วงฤดูกาลขาย หรือจะมียอดขายสูงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สาม ดังนั้นการเปิดตัวไทรทันใหม่ในช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสดี เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้า พร้อมจัดแคมเปญมิตซูบิชิช่วยออกเงินให้สูงสุด 75,000 บาทต่อคัน”
บริษัทมั่นใจกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ประกอบกับการให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรม CRM ตอบแทนลูกค้า การพัฒนาการบริการหลังการขายของ บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันคุณภาพรถยนต์ (Diamond Warranty) เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) พร้อมด้วยการมีโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 200 แห่งดังนั้นการตั้งยอดขายมิตซูบิชิรวมทุกรุ่นไว้ 55,000 คันในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน พร้อมครองส่วนแบ่งตลาด 8%