ค่ายรถยนต์ “ซูซูกิ” สั่งเข้มดีลเลอร์เน้นงานบริการหลังการขาย เพื่อความพอใจสูงสุดของลูกค้า ล่าสุดขยับขึ้นลำดับ 4 ของการให้บริการงานขายที่สร้างความพึงพอใจโดยรวมสูงสุดในกลุ่มรถยนต์แบรนด์ยอดนิยม ปี 2559 จากการสำรวจของ เจ.ดี.พาวเวอร์
วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯกำหนดนโยบายอย่างชัดเจนเรื่องการบริการหลังการขาย โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของลูกค้าอย่างสูงสุด ทั้งนี้ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศเป็นพลังผลักดันที่สำคัญอย่างยิ่งโดยพนักงานทุกระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนกระทั่งถึงพนักงานระดับปฏิบัติการทุกภาคส่วนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และยึดมั่นตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ พร้อมมอบการบริการที่ดีที่สุดและเหนือความคาดหวังให้กับลูกค้า เสมือนกับคู่คิดของชีวิตลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความสุข ตามสโลแกนของซูซูกิที่ว่า “Way of Life”
ล่าสุดจากผลจัดอันดับจากการศึกษาวิจัย SSI ในประเทศไทย ประจำปี 2559 โดย เจ.ดี.พาวเวอร์ (J.D. Power 2016 Thailand Sales Satisfaction Index (SSI) Study,SM) เปิดเผยว่า ซูซูกิ SUZUKI สามารถขึ้นครองลำดับ 4 ของการให้บริการงานขายที่สร้างความพึงพอใจโดยรวมสูงสุดในกลุ่มรถยนต์แบรนด์ยอดนิยม ในประเทศไทยปี 2559 ด้วยคะแนน 813 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน) เป็นการยืนยันและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าถึงคุณภาพในการบริการงานขายและดูแลเอาใจใส่ลูกค้าที่เป็นครอบครัวซูซูกิ
“การเพิ่มค่าความพึงพอใจของลูกค้าได้ถูกนำมาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ใช้ในการพัฒนาบุคลากรและผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิในตลอดปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการบรรจุแนวคิดการพัฒนาและบริหารเชิงบูรณาการ รูปแบบของการบริหารในยุคใหม่ ที่สามารถบริหารการจัดการ มีความมุ่งมั่น มีอุดมการณ์ที่เข้มแข็ง มีทิศทางการทำงานชัดเจน สามารถทำงานได้เบ็ดเสร็จ รวดเร็วอย่างกลมกลืน และตรวจสอบได้ โดยมีการตั้งดัชนีชี้วัด (KPI) และจัดตั้งทีมงานเข้าไปประเมินผลพร้อมพัฒนาปรับปรุงผู้จำหน่ายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานด้านการดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถมียอดขายรวม ณ เดือนสิงหาคม 2559 กว่า 14,692 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาด 2.98% ด้วยโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุมจำนวนกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนเพิ่มเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการเป็น 110 แห่งทั่วประเทศไทยภายในปี 2560
บริษัทฯตระหนักว่าการสร้างความพึงพอใจให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ต้องเน้นด้านบริการงานขาย โดยเริ่มตั้งแต่การต้อนรับลูกค้าเมื่อเดินทางเข้ามาถึงโชว์รูม การเริ่มต้นการขายของพนักงานขาย การเจรจาข้อตกลงและระยะเวลาในการส่งมอบรถ รวมถึงการอำนวยความสะดวกของผู้จำหน่าย, และขั้นตอนในการส่งมอบรถ เพื่อทำให้ลูกค้ามีมุมมองที่ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับคุณค่าของตัวสินค้าและทำให้ลูกค้าเชื่อว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อเป็นลูกค้ารถยนต์ซูซูกิ ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดต่อลูกค้า”
วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯกำหนดนโยบายอย่างชัดเจนเรื่องการบริการหลังการขาย โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของลูกค้าอย่างสูงสุด ทั้งนี้ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศเป็นพลังผลักดันที่สำคัญอย่างยิ่งโดยพนักงานทุกระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนกระทั่งถึงพนักงานระดับปฏิบัติการทุกภาคส่วนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และยึดมั่นตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ พร้อมมอบการบริการที่ดีที่สุดและเหนือความคาดหวังให้กับลูกค้า เสมือนกับคู่คิดของชีวิตลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความสุข ตามสโลแกนของซูซูกิที่ว่า “Way of Life”
ล่าสุดจากผลจัดอันดับจากการศึกษาวิจัย SSI ในประเทศไทย ประจำปี 2559 โดย เจ.ดี.พาวเวอร์ (J.D. Power 2016 Thailand Sales Satisfaction Index (SSI) Study,SM) เปิดเผยว่า ซูซูกิ SUZUKI สามารถขึ้นครองลำดับ 4 ของการให้บริการงานขายที่สร้างความพึงพอใจโดยรวมสูงสุดในกลุ่มรถยนต์แบรนด์ยอดนิยม ในประเทศไทยปี 2559 ด้วยคะแนน 813 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน) เป็นการยืนยันและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าถึงคุณภาพในการบริการงานขายและดูแลเอาใจใส่ลูกค้าที่เป็นครอบครัวซูซูกิ
“การเพิ่มค่าความพึงพอใจของลูกค้าได้ถูกนำมาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ใช้ในการพัฒนาบุคลากรและผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิในตลอดปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการบรรจุแนวคิดการพัฒนาและบริหารเชิงบูรณาการ รูปแบบของการบริหารในยุคใหม่ ที่สามารถบริหารการจัดการ มีความมุ่งมั่น มีอุดมการณ์ที่เข้มแข็ง มีทิศทางการทำงานชัดเจน สามารถทำงานได้เบ็ดเสร็จ รวดเร็วอย่างกลมกลืน และตรวจสอบได้ โดยมีการตั้งดัชนีชี้วัด (KPI) และจัดตั้งทีมงานเข้าไปประเมินผลพร้อมพัฒนาปรับปรุงผู้จำหน่ายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานด้านการดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถมียอดขายรวม ณ เดือนสิงหาคม 2559 กว่า 14,692 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาด 2.98% ด้วยโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุมจำนวนกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนเพิ่มเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการเป็น 110 แห่งทั่วประเทศไทยภายในปี 2560
บริษัทฯตระหนักว่าการสร้างความพึงพอใจให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ต้องเน้นด้านบริการงานขาย โดยเริ่มตั้งแต่การต้อนรับลูกค้าเมื่อเดินทางเข้ามาถึงโชว์รูม การเริ่มต้นการขายของพนักงานขาย การเจรจาข้อตกลงและระยะเวลาในการส่งมอบรถ รวมถึงการอำนวยความสะดวกของผู้จำหน่าย, และขั้นตอนในการส่งมอบรถ เพื่อทำให้ลูกค้ามีมุมมองที่ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับคุณค่าของตัวสินค้าและทำให้ลูกค้าเชื่อว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อเป็นลูกค้ารถยนต์ซูซูกิ ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดต่อลูกค้า”