เวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2016 เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย หนึ่งในไฮไลต์ของงานเป็นการเปิดตัวเก๋งคอมแพ็กต์รุ่นใหม่ และที่น่าสนใจกว่าทุกครั้งหลายค่ายรถได้เพิ่มทางเลือกกับตัวแรง ส่งรุ่นเครื่องยนต์ติดเทอร์โบ หรือเรียกกันเล่นๆ ว่า “ติดหอย” ออกสู่ตลาด โดยในงานมีเปิดตัว “ฟอร์ด โฟกัส อีโคบูสท์ 1.5 เทอร์โบ” และ “ฮอนด้า ซีวิค 1.5 วีเทค เทอร์โบ” ออกมาชนกันตรงๆ ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีนิสสันและเอ็มจีลุยนำร่องไปแล้ว ดังนั้นจึงกลายเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันร้อนแรงขึ้นมาทันที ทำให้ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” นำข้อมูลเทคนิครถแต่ละรุ่นมาให้ดูกัน ส่วนรุ่นไหน? จะแรงจี๊ด หรือภาพรวมๆ แซ่บโดนใจกว่า เชิญติดตามกันเลย..
การเปิดตัวของ “ฟอร์ด โฟกัส อีโคบูสท์” เป็นการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ เบื้องต้นเปิดจองกับรุ่นสปอร์ตแฮทช์แบ็ก 5 ประตู แต่อีกไม่นานน่าจะส่งรุ่นซีดาน 4 ประตู(ไทแทเนียม)ตามมา เพราะได้มีการยื่นรายละเอียดราคาและข้อมูล(เหมือนรุ่นแฮทช์แบ็ก) เพื่อติดอีโคสติ๊กเกอร์ไปแล้ว ขณะที่ “ฮอนด้า ซีวิค” เป็นการปรับโฉมใหม่หมดสู่เจนเนอเรชั่นที่ 10 ปกติจะทำตลาดเพียงรุ่นซีดาน 4 ประตูเท่านั้น โดยครั้งนี้ยังได้เพิ่มทางเลือกกับรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบสู่ตลาดด้วย
ส่วนเมื่อปลายปีที่แล้วค่ายนิสสันได้มีการปรับโฉม และเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ของเก๋งคอมแพ็กต์ซีดาน “นิสสัน ซิลฟี” และหนึ่งในนั้นมีเครื่องยนต์ DIG Turbo มาให้เลือกด้วย แต่ก่อนหน้านี้นิสสันได้ส่งรุ่นเทอร์โบในเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็ก “นิสสัน พัลซาร์” ในจำนวน 300 คันสู่ตลาด ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงกว่าสิบคัน และรุ่นพัลซาร์นี้ตามข่าวเตรียมจะถูกถอดออกจากไลน์ผลิตภัณฑ์รถนิสสันในไทย บทความนี้จึงขอไม่นำมาเปรียบเทียบด้วย และอีกรุ่นในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ที่วางเครื่องติดเทอร์โบ “เอ็มจี6” เพื่อเป็นตัวเลือกปกติของรถรุ่นนี้เลย ทั้งในรุ่นแฮทช์แบ็กและซีดาน แต่จะว่าไปแบรนด์ยังมี “เอ็มจี5” ที่วางขุมพลังเทอร์โบ เพียงแต่กำลังแรงม้าและราคายังห่างจากรุ่นอื่นๆ จึงตัดออกไปเช่นกัน
แน่นอนรุ่นที่ได้รับการจับตามากสุด คงเป็น “ฮอนด้า ซีวิค 1.5 วีเทค เทอร์โบ” ในฐานะเป็นรุ่นยอดนิยมอีกโมเดลในตลาดคอมแพ็กต์คาร์ ที่ชิงกันเป็นผู้นำกับ “โตโยต้า โคโรลลา อัลติส” แต่ครั้งนี้เปิดตลาดใหม่กับตัวเลือกขุมพลังแรง เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC ที่อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง หรือ Direct Injection สามารถรองรับน้ำมัน E85 พร้อมกับส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่
เรียกว่าขุมพลังเครื่องยนต์ VTEC Turbo แม้จะมีขนาดเพียง 1.5 ลิตร แต่สมรรถนะเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรของฮอนด้า แต่งานนี้ต้องมาเจอศึกหนัก เมื่อคู่แข่ง “ฟอร์ด โฟกัส” ใหม่ ได้จับวางเครื่องยนต์ใหม่ อีโคบูสท์ 1.5 ลิตร ที่เพิ่มสมรรถนะความแรงด้วยเทอร์โบชาร์จ พร้อมระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงตรง และระบบแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ โดยรีดกำลังสูงสุดได้ถึง 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร และมาตั้งแต่รอบต่ำ 1,600-5,000 รอบต่อนาที ขณะที่ระบบส่งกำลังเป็นเกียรอัตโนมัติ 6 สปีด และยังสามารถรองรับน้ำมัน E85 ได้เช่นกัน (ดูรายละเอียดข้อมูลเปรียบเทียบจากตาราง)
แต่หากดูในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์คาร์ยังไม่ถือว่าแรงสุด เพราะยังมี “นิสสัน ซิลฟี DIG Turbo” ที่มากับห้องเครื่องใหญ่กว่าขนาด 1.6 ลิตร หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น หรือ DIG (Direct Injection Gasoline) ระบบวาล์วแปรผันคู่ ให้สมรรถนะความแรงสุดๆ เทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรของนิสสัน จากเทอร์โบชาร์จ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่รีดกำลังออกมาได้สูงสุดถึง 190 แรงม้า โดยแรงบิดคงที่แบบ Flat Torque อัตราเท่ากับโฟกัส อีโคบูสท์ แต่มาในรอบที่สูงกว่า ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ตามสไตล์ของค่ายนิสสัน
ส่วนรุ่นที่ห้องเครื่องใหญ่สุดต้องเป็น “เอ็มจี6” ที่วางเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร หัวฉีดมัลติพอยต์ อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า นับว่ามีม้าในคอกน้อยกว่าคู่แข่งในตลาด แม้คอกจะใหญ่กว่าก็ตาม โดยส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Dual Clutch และยังรองรับน้ำมัน E85 ได้เหมือนกับคู่แข่งส่วนใหญ่
ปัจจุบันนอกจากเรื่องของความแรง ค่ายรถยังให้ความสำคัญกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ค่ายรถพัฒนาเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีกำลังแรง หรือ Engine Downsizing ชัดเจนแนวทางนี้เครื่องยนต์อีโคบูสท์ของฟอร์ด และฮอนด้ากับเครื่อง VTEC Turbo ถูกพัฒนามารองรับทิศทางดังกล่าว จะเห็นว่าตามข้อมูลในอีโคสติ๊กเกอร์ ฮอนด้า ซีวิค 1.5 VTEC Turbo มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันดีที่สุด 5.6 ลิตร/ 100 กม. หรือ 17.85 กม./ลิตร รองลงมาจะเป็นฟอร์ด โฟกัส อีโคบูสท์ และนิสสัน ซิลฟี 1.6 DIG Turbo ขณะที่เอ็มจี6 ที่บล็อกใหญ่สุดกินน้ำมันสูงสุดเช่นกัน 8.1 ลิตร/ 100 กม. (ดูอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยในตารางประกอบ)
ในส่วนของเทคโนโลยีและความปลอดภัยเป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เรื่องนี้ฟอร์ด โฟกัส อีโคบูสท์ ค่อนข้างโดดเด่นในสิ่งที่เพิ่มเข้ามาอย่างเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ อย่างระบบช่วยจอดรถถอยเทียบข้าง และเข้าซองแบบอัตโนมัติ หรือระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ ส่วนรุ่นอื่นๆ ติดตั้งมาให้ไม่แตกต่างกันมาก (ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน) โดยนิสสัน ซิลฟี อาจจะด้อยกว่ารุ่นอื่นๆ ในเรื่องของเทคโนโลยีและความปลอดภัยแต่ก็ไม่มากนัก และดีกว่าเอ็มจี6 ในบางรุ่น หรือที่มีราคาต่ำกว่ามาก
บทสรุป... แน่นอนนั่นย่อมทำให้ “นิสสัน ซิลฟี” เคาะราคาออกมาได้อย่างน่าดึงดูดใจ 9.99 แสนบาท และยังเด่นในเรื่องของความแรงสุดๆ จึงน่าจะตอบโจทย์เรื่องขุมพลังเทอร์โบได้ ส่วน “ฟอร์ด โฟกัส” ทั้งราคา เทคโนโลยี-ความปลอดภัย และสมรรถนะความแรง กับราคาที่เคาะออกมาต้องบอกว่าคุ้มค่า ขณะที่ “ฮอนด้า ซีวิค” มาแบบกลางๆ แรงม้าให้มาในระดับไม่สูงหรือต่ำสุด และยังเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน ผสานกับชื่อชั้นของแบรนด์ จึงเป็นตัวเลือกที่ไม่น่าจะคิดมากกับคนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว สำหรับผู้ที่ไม่ติดแบรนด์และต้องการตัวเลือกหลากหลาย “เอ็มจี6” ถือว่าน่าสนใจ หากเทียบกับเก๋งคอมแพ็กต์รุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา...
อย่างไรก็ตาม กับรถที่เน้นเรื่องของสมรรถนะความแรง ยิ่งจำเป็นในการที่จะไปทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะยังมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะบุคคลิคของรถ ระบบช่วงล่างที่อาจจะเหมือนกัน แต่การเซ็ตย่อมแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อสมรรถนะของรถ ดังนั้นต้องไปลองขับให้รู้ว่า... คันไหน? เหมาะกับความชอบของตนเองที่สุด!
การเปิดตัวของ “ฟอร์ด โฟกัส อีโคบูสท์” เป็นการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ เบื้องต้นเปิดจองกับรุ่นสปอร์ตแฮทช์แบ็ก 5 ประตู แต่อีกไม่นานน่าจะส่งรุ่นซีดาน 4 ประตู(ไทแทเนียม)ตามมา เพราะได้มีการยื่นรายละเอียดราคาและข้อมูล(เหมือนรุ่นแฮทช์แบ็ก) เพื่อติดอีโคสติ๊กเกอร์ไปแล้ว ขณะที่ “ฮอนด้า ซีวิค” เป็นการปรับโฉมใหม่หมดสู่เจนเนอเรชั่นที่ 10 ปกติจะทำตลาดเพียงรุ่นซีดาน 4 ประตูเท่านั้น โดยครั้งนี้ยังได้เพิ่มทางเลือกกับรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบสู่ตลาดด้วย
ส่วนเมื่อปลายปีที่แล้วค่ายนิสสันได้มีการปรับโฉม และเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ของเก๋งคอมแพ็กต์ซีดาน “นิสสัน ซิลฟี” และหนึ่งในนั้นมีเครื่องยนต์ DIG Turbo มาให้เลือกด้วย แต่ก่อนหน้านี้นิสสันได้ส่งรุ่นเทอร์โบในเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็ก “นิสสัน พัลซาร์” ในจำนวน 300 คันสู่ตลาด ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงกว่าสิบคัน และรุ่นพัลซาร์นี้ตามข่าวเตรียมจะถูกถอดออกจากไลน์ผลิตภัณฑ์รถนิสสันในไทย บทความนี้จึงขอไม่นำมาเปรียบเทียบด้วย และอีกรุ่นในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ที่วางเครื่องติดเทอร์โบ “เอ็มจี6” เพื่อเป็นตัวเลือกปกติของรถรุ่นนี้เลย ทั้งในรุ่นแฮทช์แบ็กและซีดาน แต่จะว่าไปแบรนด์ยังมี “เอ็มจี5” ที่วางขุมพลังเทอร์โบ เพียงแต่กำลังแรงม้าและราคายังห่างจากรุ่นอื่นๆ จึงตัดออกไปเช่นกัน
แน่นอนรุ่นที่ได้รับการจับตามากสุด คงเป็น “ฮอนด้า ซีวิค 1.5 วีเทค เทอร์โบ” ในฐานะเป็นรุ่นยอดนิยมอีกโมเดลในตลาดคอมแพ็กต์คาร์ ที่ชิงกันเป็นผู้นำกับ “โตโยต้า โคโรลลา อัลติส” แต่ครั้งนี้เปิดตลาดใหม่กับตัวเลือกขุมพลังแรง เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC ที่อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง หรือ Direct Injection สามารถรองรับน้ำมัน E85 พร้อมกับส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่
เรียกว่าขุมพลังเครื่องยนต์ VTEC Turbo แม้จะมีขนาดเพียง 1.5 ลิตร แต่สมรรถนะเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรของฮอนด้า แต่งานนี้ต้องมาเจอศึกหนัก เมื่อคู่แข่ง “ฟอร์ด โฟกัส” ใหม่ ได้จับวางเครื่องยนต์ใหม่ อีโคบูสท์ 1.5 ลิตร ที่เพิ่มสมรรถนะความแรงด้วยเทอร์โบชาร์จ พร้อมระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงตรง และระบบแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ โดยรีดกำลังสูงสุดได้ถึง 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร และมาตั้งแต่รอบต่ำ 1,600-5,000 รอบต่อนาที ขณะที่ระบบส่งกำลังเป็นเกียรอัตโนมัติ 6 สปีด และยังสามารถรองรับน้ำมัน E85 ได้เช่นกัน (ดูรายละเอียดข้อมูลเปรียบเทียบจากตาราง)
แต่หากดูในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์คาร์ยังไม่ถือว่าแรงสุด เพราะยังมี “นิสสัน ซิลฟี DIG Turbo” ที่มากับห้องเครื่องใหญ่กว่าขนาด 1.6 ลิตร หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น หรือ DIG (Direct Injection Gasoline) ระบบวาล์วแปรผันคู่ ให้สมรรถนะความแรงสุดๆ เทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรของนิสสัน จากเทอร์โบชาร์จ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่รีดกำลังออกมาได้สูงสุดถึง 190 แรงม้า โดยแรงบิดคงที่แบบ Flat Torque อัตราเท่ากับโฟกัส อีโคบูสท์ แต่มาในรอบที่สูงกว่า ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ตามสไตล์ของค่ายนิสสัน
ส่วนรุ่นที่ห้องเครื่องใหญ่สุดต้องเป็น “เอ็มจี6” ที่วางเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร หัวฉีดมัลติพอยต์ อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า นับว่ามีม้าในคอกน้อยกว่าคู่แข่งในตลาด แม้คอกจะใหญ่กว่าก็ตาม โดยส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Dual Clutch และยังรองรับน้ำมัน E85 ได้เหมือนกับคู่แข่งส่วนใหญ่
ปัจจุบันนอกจากเรื่องของความแรง ค่ายรถยังให้ความสำคัญกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ค่ายรถพัฒนาเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีกำลังแรง หรือ Engine Downsizing ชัดเจนแนวทางนี้เครื่องยนต์อีโคบูสท์ของฟอร์ด และฮอนด้ากับเครื่อง VTEC Turbo ถูกพัฒนามารองรับทิศทางดังกล่าว จะเห็นว่าตามข้อมูลในอีโคสติ๊กเกอร์ ฮอนด้า ซีวิค 1.5 VTEC Turbo มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันดีที่สุด 5.6 ลิตร/ 100 กม. หรือ 17.85 กม./ลิตร รองลงมาจะเป็นฟอร์ด โฟกัส อีโคบูสท์ และนิสสัน ซิลฟี 1.6 DIG Turbo ขณะที่เอ็มจี6 ที่บล็อกใหญ่สุดกินน้ำมันสูงสุดเช่นกัน 8.1 ลิตร/ 100 กม. (ดูอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยในตารางประกอบ)
ในส่วนของเทคโนโลยีและความปลอดภัยเป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เรื่องนี้ฟอร์ด โฟกัส อีโคบูสท์ ค่อนข้างโดดเด่นในสิ่งที่เพิ่มเข้ามาอย่างเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ อย่างระบบช่วยจอดรถถอยเทียบข้าง และเข้าซองแบบอัตโนมัติ หรือระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ ส่วนรุ่นอื่นๆ ติดตั้งมาให้ไม่แตกต่างกันมาก (ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน) โดยนิสสัน ซิลฟี อาจจะด้อยกว่ารุ่นอื่นๆ ในเรื่องของเทคโนโลยีและความปลอดภัยแต่ก็ไม่มากนัก และดีกว่าเอ็มจี6 ในบางรุ่น หรือที่มีราคาต่ำกว่ามาก
บทสรุป... แน่นอนนั่นย่อมทำให้ “นิสสัน ซิลฟี” เคาะราคาออกมาได้อย่างน่าดึงดูดใจ 9.99 แสนบาท และยังเด่นในเรื่องของความแรงสุดๆ จึงน่าจะตอบโจทย์เรื่องขุมพลังเทอร์โบได้ ส่วน “ฟอร์ด โฟกัส” ทั้งราคา เทคโนโลยี-ความปลอดภัย และสมรรถนะความแรง กับราคาที่เคาะออกมาต้องบอกว่าคุ้มค่า ขณะที่ “ฮอนด้า ซีวิค” มาแบบกลางๆ แรงม้าให้มาในระดับไม่สูงหรือต่ำสุด และยังเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน ผสานกับชื่อชั้นของแบรนด์ จึงเป็นตัวเลือกที่ไม่น่าจะคิดมากกับคนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว สำหรับผู้ที่ไม่ติดแบรนด์และต้องการตัวเลือกหลากหลาย “เอ็มจี6” ถือว่าน่าสนใจ หากเทียบกับเก๋งคอมแพ็กต์รุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา...
อย่างไรก็ตาม กับรถที่เน้นเรื่องของสมรรถนะความแรง ยิ่งจำเป็นในการที่จะไปทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะยังมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะบุคคลิคของรถ ระบบช่วงล่างที่อาจจะเหมือนกัน แต่การเซ็ตย่อมแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อสมรรถนะของรถ ดังนั้นต้องไปลองขับให้รู้ว่า... คันไหน? เหมาะกับความชอบของตนเองที่สุด!