xs
xsm
sm
md
lg

องค์การเภสัชฯ-ซีพีเอฟ ร่วมมือผลิตวัคซีนกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการออนไลน์ - องค์การเภสัชกรรม ลงนาม MOU ด้านคุณภาพของไข่ไก่ฟักที่มีศักยภาพสูง กับซีพีเอฟ เพื่อนำไปผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

องค์การเภสัชกรรม ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านคุณภาพ (Quality Agreement) ของไข่ไก่ฟัก (Quality Hatching Egg) ที่มีศักยภาพสูง กับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เพื่อนำไปผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระดับอุตสาหกรรม

นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า โครงการความร่วมมือระหว่าง อภ. และภาคเอกชนโดยซีพีเอฟในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวของการพัฒนางานด้านการวิจัย และถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของไทยเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ ช่วยลดการเกิดภาวะระบาด และลดการสูญเสียชีวิตของคนไทยจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

สำหรับกระบวนการผลิตวัคซีนจะต้องนำไข่ฟักมาทำการฉีดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าไปในไข่ เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนไวรัส จนได้ไวรัสมาผลิตเป็นวัคซีนต่อไป ซึ่งในขั้นตอนนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ไข่ไก่ที่มีคุณภาพ สะอาด และปราศจากโรค ซึ่งซีพีเอฟถือเป็นผู้ผลิตลูกไก่อันดับ 1 และมีศักยภาพในการผลิตไข่ฟักมาใช้ในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระดับอุตสาหกรรมต่อไป

“องค์การเภสัชกรรม เล็งเห็นว่าซีพีเอฟเป็นผู้นำด้านเกษตรอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตไข่ฟักที่ได้มาตรฐานระดับโลก หรือ world quality และมั่นใจว่าซีพีเอฟมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมพัฒนาคุณภาพไข่ฟักให้ได้ระดับสูงพอที่จะนำมาผลิตเป็นวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยคาดว่าจากนี้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า จะสามารถผลิตวัคซีนที่ครอบคลุมคนไทยได้ทั้งหมด” นายแพทย์นพพร กล่าว

ด้าน นายประจิตต์ อุดหนุน รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ กล่าวถึงเป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เป็นโครงการเพื่อชาติที่ซีพีเอฟต้องการสานต่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชาติ และประชากรในประเทศ ถือเป็นการตอบแทนพระคุณแผ่นดินขององค์กร ไม่ได้ทำเพื่อการค้าหวังผลกำไรแต่อย่างใด

“ในฐานะผู้ผลิตแล้ว ซีพีเอฟถือว่ามีโอกาสอันดียิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม ในเรื่องการผลิตไข่ฟักเพื่อให้ได้คุณภาพมากพอจนสามารถนำมาผลิตเป็นวัคซีนสำหรับคนได้ และถือเป็นการพัฒนาคุณภาพการผลิตของบริษัทเพื่อให้ได้ไข่ฟักที่ดีมีคุณภาพ สะอาด ปราศจากโรคควบคู่กันไปด้วย” นายประจิตต์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยมีนโยบายให้องค์การเภสัชกรรม ผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สำหรับคนไทยเอง เนื่องจากเมื่อปี 2552 ซึ่งเกิดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดในหลายประเทศทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทยก็มีการป้องกันเรื่องนี้เช่นกัน โดยการจัดซื้อวัคซีนจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา มาฉีดให้แก่บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น คนชรา หญิงมีครรภ์ เด็ก และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากแต่ขณะนั้นวัคซีนเกิดขาดแคลน เพราะหลายประเทศก็ขอซื้อจากอเมริกาเช่นกัน จนอเมริกาไม่สามารถวัคซีนสำหรับจำหน่ายได้อย่างเพียงพอ และจำเป็นต้องสำรองวัคซีนให้ประชาชนชาวอเมริกันด้วย ประเทศไทยจึงต้องทำการพัฒนาวัคซีนเพื่อใช้เอง จึงเป็นที่มาของโครงการความร่วมมือดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น