วันนี้ (17 มี.ค.) ค่ายรถเอ็มจีจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “เอ็มจี จีเอส” พร้อมลุยตลาดเอสยูวีในไทย ชูจุดเด่นดีไซน์สไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม เร้าใจด้วยขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร แรงสุด 218 แรงม้า ภายในกว้างขวางจัดเต็มฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวก นำโดยระบบ inkaNetเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างคนกับรถผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย วางจำหน่าย 2 รุ่นย่อย เคาะราคา 1.21-1.31 ล้านบาท
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเปิดตัวสปอร์ตเอสยูวีรุ่นใหม่ “เอ็มจี จีเอส” (NEW MG GS) ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถอเนกประสงค์แนวสปอร์ตที่เหนือกว่าในทุกมิติ โดดเด่น ลงตัวทุกมุมมองด้วยดีไซน์อันทันสมัยผสานกันอย่างลงตัว เร้าอารมณ์ทุกการขับขี่ด้วยสมรรถนะอันเหนือชั้นของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด พร้อมให้คุณมั่นใจและสะท้อนตัวตนในแบบที่ไม่ตามใคร
เอ็มจี จีเอส ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) เช่นเดียวกับรถเอ็มจีทุกรุ่น ที่โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ การควบคุม และความปลอดภัย
สำหรับการออกแบบของ เอ็มจี จีเอส สะกดทุกสายตาถ่ายทอดผ่าน DNA มาจากศูนย์ออกแบบรถยนต์ ยูเค เทคนิคคอล เซนเตอร์ (UK Technical Centre) ณ เมืองเบอร์มิงแฮม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโคมไฟใน ยูเค พาวิลเลี่ยน เวิลด์ เอ็กซ์โป (UK Pavilion World Expo) ประเทศอังกฤษ ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวทุกมุมมองสะท้อนเอกลักษณ์แบบไม่ตามใคร (Follow No Others) กับคอนเซปต์การออกแบบ Diamond Flow Design เพื่อเน้นความสปอร์ตและปราดเปรียว กระจังหน้าทรงเรียวเชื่อมต่อกรอบไฟ บนฝากระโปรงมีเส้นสันคมที่เน้นย้ำโลโก้ MG ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ล้ำสมัยด้วยกรอบไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมสอดรับกับแผงกันกระแทกรอบคันที่ช่วยเพิ่มความบึกบึน สะกดทุกสายตาพร้อมเสริมบุคลิกด้วยปลายท่อไอเสียทรง 4 เหลี่ยม
โดยมาพร้อมกับกรอบไฟหน้าโปรเจคเตอร์ เฮชไอดี ไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายแอลอีดีให้ความสว่างชัดเจนในทุกระยะการขับขี่พร้อมไฟเบรกดวงที่สามที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกระดับ และซันรูฟแบบปรับไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่และการเดินทาง พร้อมระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง รวมถึงราวหลังคา ขณะที่ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตสีทูโทนมีขนาด 18 นิ้วเติมเต็มความเฉียบคมของรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การออกแบบและตกแต่งภายในห้องโดยสารดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุหนังระดับพรีเมียมสีดำสะท้อนภาพลักษณ์แห่งความสปอร์ตดุดัน ดีไซน์เน้นเหลี่ยมคมแบบโมเดิร์นสลับกับเส้นสายโค้งมนให้ความนุ่มนวลกลมกลืนรอบคัน เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบแยกส่วนแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้าย พร้อมจัดเต็มฟังก์ชั่นเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารสูงสุด เบาะที่นั่งผู้ขับขี่และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือครูส คอนโทรล (Cruise Control) สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยกุญแจอัจฉริยะ การสตาร์ทรถแบบ Push Start ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และกระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ
อีกหนึ่งความโดดเด่นคือเทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ inkaNet (อินคาเน็ต) อัดแน่นไปด้วย 12 ฟังก์ชั่น ประกอบด้วย การโทรออก-รับสาย การรับ-ส่งข้อความ หรือแม้กระทั่งการแชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านหน้าจอวิทยุ ตลอดจนระบบการนำทางรถยนต์ ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจสอบสถานะของรถยนต์ การแจ้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน พร้อมการวางแผนการเดินทาง การควบคุมการทำงานของรถยนต์ การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ และระบบเลขาฯส่วนตัว ระบบนำทางเนวิเกชั่นแสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว และระบบเครื่องเสียงตอบสนองความบันเทิงผ่านลำโพง 8 ตัว รองรับมัลติมีเดียและการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อมยูเอสบี (USB) และเอยูเอ็กซ์ (AUX) นอกจากนี้ ยังมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอยหลัง
ด้านสมรรถนะเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรคอินเจคชั่น พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,500 - 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ (AWD) ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ TST - Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.2 วินาที สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85
สำหรับระบบกันสะเทือนช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง โครงสร้างตัวถังนิรภัย แข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยี FSF - Full Space Frame ป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกที่นั่งด้วยถุงลมคู่หน้าและด้านข้างให้ความอุ่นใจในทุกเส้นทาง
ส่วนของความปลอดภัยติดตั้งระบบ SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 13 ระบบความปลอดภัยที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวทั้งระบบ ตั้งแต่การป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) พร้อมระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD - Electronic Brake Force Distribution) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC - Curve Brake Control) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS - Stability Control System) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (AVH - Auto Vehicle Hold) ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัจฉริยะ (BDC - Intelligent Brake Disc Cleaning) ระบบเพิ่มแรงดันไฮดรอลิคเบรกให้เหมาะสม (OHBV - Optimized Hydraulic Brake Servo) ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor Control Slide Retainer) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBA - Electronic Brake Assist System) ตลอดจนระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill-Start Assist) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS - Tire Pressure Monitor System) และระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB - Electronic Parking Brake)
หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดรถเอสยูวี เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ยังคงมีปริมาณความต้องการที่มากอยู่เช่นกัน โดยการเปิดตัว เอ็มจี จีเอส ที่มีจุดเด่นตามแนวคิด บริท ไดนามิก ที่โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ การควบคุม และความปลอดภัย จึงทำให้มั่นใจว่าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน ด้วยรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว แรงสุดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า ขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่า พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จัดมาให้แบบเต็มกัด รวมไปถึงนวัตกรรมระบบสื่อสาร inkaNet จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เอ็มจี จีเอส จะสามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ และผู้ที่ต้องการค้นหาความท้าทายใหม่ๆ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำ”
เอ็มจี จีเอส มีสีให้เลือกทั้งแบบทูโทนและสีมาตรฐาน ทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีส้ม เบิร์นออเร้นท์พร้อมหลังคาสีดำ สีขาว อาร์คติคไวท์พร้อมหลังคาสีดำ สีดำ พิชแบล็ค สีน้ำตาล มอคค่าบราวน์ และสีเงิน แพลทตินั่มซิลเวอร์ วางจำหน่าย 2 รุ่น คือ 2.0TD 2WD ราคา 1,210,000 บาท และ 2.0TX AWD ราคา 1,310,000 บาท
ทั้งนี้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ เอ็มจี จีเอส จะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเชื่อมต่อระบบ inkaNet ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือฟรีนาน 5 ปี และยังจะได้รับความอุ่นใจกับการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงบริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobile Services) เมื่อมีการโทรแจ้งนัดหมายล่วงหน้าอีกด้วย
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเปิดตัวสปอร์ตเอสยูวีรุ่นใหม่ “เอ็มจี จีเอส” (NEW MG GS) ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถอเนกประสงค์แนวสปอร์ตที่เหนือกว่าในทุกมิติ โดดเด่น ลงตัวทุกมุมมองด้วยดีไซน์อันทันสมัยผสานกันอย่างลงตัว เร้าอารมณ์ทุกการขับขี่ด้วยสมรรถนะอันเหนือชั้นของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด พร้อมให้คุณมั่นใจและสะท้อนตัวตนในแบบที่ไม่ตามใคร
เอ็มจี จีเอส ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) เช่นเดียวกับรถเอ็มจีทุกรุ่น ที่โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ การควบคุม และความปลอดภัย
สำหรับการออกแบบของ เอ็มจี จีเอส สะกดทุกสายตาถ่ายทอดผ่าน DNA มาจากศูนย์ออกแบบรถยนต์ ยูเค เทคนิคคอล เซนเตอร์ (UK Technical Centre) ณ เมืองเบอร์มิงแฮม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโคมไฟใน ยูเค พาวิลเลี่ยน เวิลด์ เอ็กซ์โป (UK Pavilion World Expo) ประเทศอังกฤษ ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวทุกมุมมองสะท้อนเอกลักษณ์แบบไม่ตามใคร (Follow No Others) กับคอนเซปต์การออกแบบ Diamond Flow Design เพื่อเน้นความสปอร์ตและปราดเปรียว กระจังหน้าทรงเรียวเชื่อมต่อกรอบไฟ บนฝากระโปรงมีเส้นสันคมที่เน้นย้ำโลโก้ MG ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ล้ำสมัยด้วยกรอบไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมสอดรับกับแผงกันกระแทกรอบคันที่ช่วยเพิ่มความบึกบึน สะกดทุกสายตาพร้อมเสริมบุคลิกด้วยปลายท่อไอเสียทรง 4 เหลี่ยม
โดยมาพร้อมกับกรอบไฟหน้าโปรเจคเตอร์ เฮชไอดี ไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายแอลอีดีให้ความสว่างชัดเจนในทุกระยะการขับขี่พร้อมไฟเบรกดวงที่สามที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกระดับ และซันรูฟแบบปรับไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่และการเดินทาง พร้อมระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง รวมถึงราวหลังคา ขณะที่ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตสีทูโทนมีขนาด 18 นิ้วเติมเต็มความเฉียบคมของรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การออกแบบและตกแต่งภายในห้องโดยสารดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุหนังระดับพรีเมียมสีดำสะท้อนภาพลักษณ์แห่งความสปอร์ตดุดัน ดีไซน์เน้นเหลี่ยมคมแบบโมเดิร์นสลับกับเส้นสายโค้งมนให้ความนุ่มนวลกลมกลืนรอบคัน เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบแยกส่วนแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้าย พร้อมจัดเต็มฟังก์ชั่นเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารสูงสุด เบาะที่นั่งผู้ขับขี่และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือครูส คอนโทรล (Cruise Control) สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยกุญแจอัจฉริยะ การสตาร์ทรถแบบ Push Start ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และกระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ
อีกหนึ่งความโดดเด่นคือเทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ inkaNet (อินคาเน็ต) อัดแน่นไปด้วย 12 ฟังก์ชั่น ประกอบด้วย การโทรออก-รับสาย การรับ-ส่งข้อความ หรือแม้กระทั่งการแชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านหน้าจอวิทยุ ตลอดจนระบบการนำทางรถยนต์ ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจสอบสถานะของรถยนต์ การแจ้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน พร้อมการวางแผนการเดินทาง การควบคุมการทำงานของรถยนต์ การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ และระบบเลขาฯส่วนตัว ระบบนำทางเนวิเกชั่นแสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว และระบบเครื่องเสียงตอบสนองความบันเทิงผ่านลำโพง 8 ตัว รองรับมัลติมีเดียและการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อมยูเอสบี (USB) และเอยูเอ็กซ์ (AUX) นอกจากนี้ ยังมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอยหลัง
ด้านสมรรถนะเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรคอินเจคชั่น พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,500 - 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ (AWD) ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ TST - Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.2 วินาที สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85
สำหรับระบบกันสะเทือนช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง โครงสร้างตัวถังนิรภัย แข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยี FSF - Full Space Frame ป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกที่นั่งด้วยถุงลมคู่หน้าและด้านข้างให้ความอุ่นใจในทุกเส้นทาง
ส่วนของความปลอดภัยติดตั้งระบบ SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 13 ระบบความปลอดภัยที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวทั้งระบบ ตั้งแต่การป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) พร้อมระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD - Electronic Brake Force Distribution) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC - Curve Brake Control) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS - Stability Control System) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (AVH - Auto Vehicle Hold) ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัจฉริยะ (BDC - Intelligent Brake Disc Cleaning) ระบบเพิ่มแรงดันไฮดรอลิคเบรกให้เหมาะสม (OHBV - Optimized Hydraulic Brake Servo) ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor Control Slide Retainer) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBA - Electronic Brake Assist System) ตลอดจนระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill-Start Assist) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS - Tire Pressure Monitor System) และระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB - Electronic Parking Brake)
หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดรถเอสยูวี เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ยังคงมีปริมาณความต้องการที่มากอยู่เช่นกัน โดยการเปิดตัว เอ็มจี จีเอส ที่มีจุดเด่นตามแนวคิด บริท ไดนามิก ที่โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ การควบคุม และความปลอดภัย จึงทำให้มั่นใจว่าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน ด้วยรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว แรงสุดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า ขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่า พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จัดมาให้แบบเต็มกัด รวมไปถึงนวัตกรรมระบบสื่อสาร inkaNet จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เอ็มจี จีเอส จะสามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ และผู้ที่ต้องการค้นหาความท้าทายใหม่ๆ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำ”
เอ็มจี จีเอส มีสีให้เลือกทั้งแบบทูโทนและสีมาตรฐาน ทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีส้ม เบิร์นออเร้นท์พร้อมหลังคาสีดำ สีขาว อาร์คติคไวท์พร้อมหลังคาสีดำ สีดำ พิชแบล็ค สีน้ำตาล มอคค่าบราวน์ และสีเงิน แพลทตินั่มซิลเวอร์ วางจำหน่าย 2 รุ่น คือ 2.0TD 2WD ราคา 1,210,000 บาท และ 2.0TX AWD ราคา 1,310,000 บาท
ทั้งนี้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ เอ็มจี จีเอส จะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเชื่อมต่อระบบ inkaNet ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือฟรีนาน 5 ปี และยังจะได้รับความอุ่นใจกับการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงบริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobile Services) เมื่อมีการโทรแจ้งนัดหมายล่วงหน้าอีกด้วย
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring