xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” เหน็บ “ปู” อย่าบิดเบือนทำกระบวนการยุติธรรมเสียหาย ยันไม่ได้กลั่นแกล้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” แจงยิบภารกิจรัฐบาล - คสช. 8 หัวข้อ ย้ำขับเคลื่อนปฏิรูปถึง ก.ค. 60 ก่อนส่งไม้ต่อให้รัฐบาลเลือกตั้ง ระบุสั่งสาง 12 คดีใหญ่ ที่รัฐเป็นทั้งโจทก์ - จำเลย หวังไม่เป็นภาระในอนาคต เน้นคดีทุจริตเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เหน็บ “ยิ่งลักษณ์” หัดทำตัวเหมือนประชาชนที่โดนคดี อย่าบิดเบือนให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย ยัน คสช. ไม่ได้กลั่นแกล้ง วอนสื่อมีจรรยาบรรณไม่ขยายความขัดแย้ง เผยแก้ประมงผิดกฎหมายรุดหน้า เชื่อผลตรวจ EU ฉลุย


วันนี้ (16 ต.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยตอนหนึ่ง โดยได้แสดงความยินดีทีมฟุตบอลชาติไทยที่ได้ชัยชนะจากการแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ว่า ตนแสดงความยินดีกับทีมช้างศึกไทยที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และนำความสุข ความภาคภูมิใจมาให้กับคนไทยอีกครั้ง และทำให้เส้นทางการผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสดใสยิ่งขึ้น

“ขอบคุณนักกีฬา โค้ช ทีมงาน ที่มีส่วนร่วมในการมอบความสุขให้กับคนไทย อีกอย่างที่สำคัญ คือ แสดงถึงความสามัคคี การทำงานเป็นทีม ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา เป็นตัวแทนที่ดีให้กับประเทศไทยของเราก็ขอขอบคุณกองเชียร์ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯยังได้กล่าวถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาล และ คสช. ในขณะนี้จำนวน 8 ข้อด้วยกัน ประกอบด้วย 1. การวางพื้นฐานประเทศให้เข้มแข็ง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ ตลอดจนแก้ไขเรื่องที่เป็นวาระแห่งชาติและเรื่องเร่งด่วนต่าง ๆ 2. ขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ 1 ที่เกิดขึ้นต่อไปจนถึงเดือน ก.ค. 60 โดยจะมีการจัดทำแผนปฏิรูปให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะส่งต่อให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดำเนินการต่อไป 3. จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนที่ 12 อย่างเป็นรูปธรรม 4. สนับสนุนการทำงานของ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายลูก ให้ได้รับการยอมรับจากสากล และสอดคล้องเหมาะสมกับสังคมไทย เพื่อจะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในปัจจุบัน 5. ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง อันได้แก่ ตำรวจ อัยการ ศาล และองค์กรอิสระ โดยระยะที่ 1 จะมีแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายปัจจุบันรวมแล้วประมาณกว่า 300 ฉบับให้มีความทันสมัยในทุกด้าน รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคส่วนปฏิบัติตนภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ต้องปรับปรุงตนเองทำงานเพื่อประชาชนอย่างโปร่งใสเป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ

6. การสร้างความเข้าใจกับสังคม ประชาชน ทั้งในและต่างประเทศ ถึงการพัฒนาและการปฏิรูปด้านการเมืองและการพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้าน 7. คดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง หรือมีการตกค้างเป็นระยะเวลานาน ทั้งในส่วนที่รัฐบาลเป็นโจทก์ และเป็นจำเลย รัฐบาลนี้ไม่ต้องการทิ้งภาระไว้ให้กับพี่น้องประชาชนและรัฐบาลต่อไป ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา ได้มีการสรุปคดีสำคัญ ๆ ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีจำนวน 12 คดี โดยรัฐเป็นโจทก์ 6 คดี และเป็นจำเลย 6 คดี ทั้งนี้ เพื่อให้ ครม. ได้รับทราบข้อมูลพื้นฐาน และหารือร่วมกัน ถึงแนวทางในการดำเนินการในอนาคต เพื่อไม่ให้ตกเป็นภาระให้กับรัฐบาลต่อๆไป และ 8. กรณีคดีความต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตคอร์รัปชัน ก็ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้นำไปสู่กระบวนการยุติธรรม และมีการต่อสู้ตามกระบวนการอย่างเป็นธรรม

“ประเด็นสำคัญ ก็คือ ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องปฏิบัติตัว เช่นเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาคดีอื่น ๆ ที่เป็นประชาชนโดยทั่วไปที่ต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม โดยผู้ถูกกล่าวหาคดีความร้ายแรง จะต้องเข้าใจ ไม่บิดเบือน หรือกล่าวอ้าง ให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย เพราะทุกอย่างนั้นต้องให้เป็นไปตามกฎหมายที่มีการบังคับใช้อยู่แล้ว ทุกคดีต้องดำเนินการตามขั้นตอน ข้อกฎหมาย ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ คสช. รัฐบาล ไม่ได้ทำเพื่อกลั่นแกล้ง ไม่ให้ความเป็นธรรม แต่อย่างใด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อยากจะขอร้องสื่อต่าง ๆ ในการไม่ขยายความขัดแย้ง ช่วยกันศึกษาดูข้อกฎหมายเพื่อสร้างความเข้าใจให้สังคม ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นไปตามกระแสอย่างเช่นในปัจจุบัน อยากให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความต่าง ๆ อันประกอบไปด้วย ประชาชนทั่วไป ภาคเอกชน ประชาสังคม รวมทั้งสื่อที่มีจรรยาบรรณ กรุณาช่วยกันสร้างความมีเสถียรภาพของประเทศ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ด้วยวิธีการปกติ ตามกฎหมายปกติ ไม่ขยายความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราต้องทำให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทย สำหรับหลายภาคส่วน ที่ผ่านมานั้นก็มีเจตนารมณ์ที่ดี แต่ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่เจตนาในการแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องอันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เนื่องจากประเทศยังอยู่ในสถานการณ์ ที่เราทุกคนต้องมีความระมัดระวังนะครับ เพราะยังมีความอ่อนไหวอยู่มาก เราต้องเริ่มสร้างความปรองดองของคนในชาติ ให้เกิดขึ้นในใจของทุกคนก่อน ไม่ใช่ต้องใช้การบังคับ หรือทำให้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และชื่อเสียงของประเทศชาติต้องเสียหายอีกต่อไป

สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมาก โดยมี ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นกลไกหลักในการแก้ปัญหา ปัจจุบัน ครม. ได้อนุมัติงบประมาณราว 230 ล้านบาท สำหรับเยียวยาผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ประจำเรือ ไต๋เรือ นายท้าย และช่างเครื่อง ที่จะต้องหยุด ทำการประมงชั่วคราว จนกว่าจะมีการดำเนินการขึ้นทะเบียน และทำใบอนุญาตต่างๆให้ถูกต้องเสียก่อน ทั้งนี้ ศปมผ. มีความพร้อมในทุกๆด้านในการรับการตรวจสอบของผู้แทนสหภาพยุโรป (EU) ที่เข้ามาตรวจสอบในช่วงนี้จนถึงวันที่ 22 ต.ค. นี้ มั่นใจว่าผลจะออกมาในทางที่ดี

หัวหน้า คสช. กล่าวถึงการเดินหน้าประเทศไทยตามโรดแมปของรัฐบาลด้วยว่า ในระยะที่ 1 ตั้งแต่การเข้ามายุติความขัดแย้งในวันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นการทำเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน ปัจจุบันกำลังอยู่ในระยะที่ 2 คื่อ การวางกฎ กติกาทางสังคม มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่จะต้องมีความเป็นสากล และสอดรับกับความเป็นไทย เพื่อที่จะแก้ปัญหา ขจัดความยุ่งยาก ความขัดแย้ง หรือติดกับดักทางการเมือง ติดกับดักประชาธิปไตย ที่สะสมมายาวนานให้ได้ รวมทั้งวางรากฐานที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้กับสังคมไทย ผ่านการปฏิรูป 11 ด้าน ตามที่ได้ประกาศเป็นจุดยืนของรัฐบาล และ คสช. ไปแล้ว ในการที่จะนำพาเปลี่ยนผ่านประเทศของเราเข้าไปสู่ ระยะที่ 3 ก็คือ การมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่นะครับ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการทำงานตามโรดแมป ระยะที่ 2 คือ การสื่อสารให้ตรงกันและไม่ถูกบิดเบือน ซึ่งในปัจจุบันมีแม่น้ำ 5 สาย คือ คสช. รัฐบาล สนช. กรธ. และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่จะต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน

“ในส่วนของ กรธ. ต้องมีแนวทางในการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวไปหลายครั้งแล้ว ตัวท่านประธาน (นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.) ก็กล่าวเองไปแล้วด้วย ก็คือ 1. เป็นสากลและเหมาะสมกับบริบทประเทศไทย 2. สร้างประชาธิปไตย ที่ส่งเสริมบทบาทหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่กล่าวถึงเสรีภาพอย่างเดียว หรือเสรีภาพที่ไร้ขีดจำกัดอีกต่อไป 3. แก้ไขปัญหาการเมืองในอดีต ป้องกันเผด็จการรัฐสภาและการทุจริตประพฤติมิชอบ มีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุล และการส่งเสริมธรรมมาภิบาล และ 4. เปิดโอกาสการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็น อย่างกว้างขวางตลอดระยะเวลาห้วงต่อไปนี้นะครับให้ทั่วถึงด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

คำต่อคำ : รายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" วันที่ 16 ต.ค.58

โปรย :สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับช้างศึกไทย ทีมฟุตบอลชาติไทยที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียนะครับ ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และนำความสุข ความภาคภูมิใจมาให้คนไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทำให้เส้น

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับช้างศึกไทย ทีมฟุตบอลชาติไทยที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียนะครับ ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และนำความสุข ความภาคภูมิใจมาให้คนไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทำให้เส้นทางที่จะผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของทีมชาติไทยนั้นสดใสยิ่งขึ้น ขอขอบคุณนักกีฬา โค้ช ทีมงานที่มีส่วนร่วมในการมอบความสุขให้กับคนไทย

อีกอย่างที่สำคัญคือ การแสดงถึงความสามัคคี การทำงานเป็นทีม ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา เป็นตัวแทนที่ดีให้กับประเทศไทยของเรา ขอขอบคุณกองเชียร์ของเราด้วยนะครับสิ่งสำคัญที่รัฐบาลและ คสช.กำลังทำเวลานี้ 1.การวางพื้นฐานประเทศให้เข้มแข็ง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ ตลอดจนแก้ไขเรื่องที่เป็นวาระแห่งชาติ และเรื่องเร่งด่วน อันได้แก่ ยาเสพติด การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ การจัดหาที่ทำกินให้ประชาชน โดยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) การปรับโครงสร้างการเกษตรให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาภัยแล้ง ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก การจัดระเบียบสังคม และการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของเกษตรกร การปรับปรุงระเบียบการค้าการลงทุนใหม่ ดูแล sector เศรษฐกิจอื่นๆ นะครับ เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เอสเอ็มอี หลายเรื่องนะครับ เป็นการแก้ไข อีกหลายเรื่องเป็นการทำใหม่ ซึ่งเป็นปฏิรูปในระยะที่ 1 ของ คสช. และรัฐบาลนี้นั่นเองนะครับ

2.คือการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ 1 ที่เกิดขึ้นต่อไป หลังจากการดำเนินการมา ตั้งแต่หลัง 22 พฤษภาคม 2557 ถึงกรกฎาฯ 60 นะครับ และจะมีการจัดทำแผนปฏิรูปให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะต้องส่งต่อให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดำเนินการต่อไป

3.จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนะครับ และดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแผนที่ 12 อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการกำหนดผลสัมฤทธิ์ไว้ล่วงหน้า

4. สนับสนุนการทำงานของ กรธ. สนช. ในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายลูก ให้ได้รับการยอมรับจากสากล และสอดคล้อง เหมาะสมกับสังคมไทย เพื่อจะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในปัจจุบันนะครับ

5. การปรับปรุง กระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง อันได้แก่ ตำรวจ อัยการ ศาล องค์กรอิสระ โดยระยะที่ 1 นั้นจะมีแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายปัจจุบันนั้นรวมแล้วประมาณกว่า 300 ฉบับนะครับ ให้มีความทันสมัยในทุกด้าน รวมทั้งกฎกระทรวง ระเบียบสำนักนายกฯ ระเบียบสำนักงบประมาณ ฯลฯ อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความไว้วางใจในการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีการปฏิบัติตนภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ลดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ที่จะต้องปรับปรุงตัวเองให้ทำงาน เพื่อประชาชนอย่างโปร่งใสเป็นธรรม และมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

6.การสร้างความเข้าใจกับสังคม ประชาชนในต่างประเทศ และในประเทศด้วย ถึงการพัฒนาด้านการเมือง และการพัฒนาประเทศ ในทุกๆ ด้าน รวมถึงเรื่องการปฏิรูปประเทศในปัจจุบัน และในระยะต่อไป

7.คดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง มีการตกค้างเป็นระยะเวลานาน ทั้งในส่วนที่รัฐบาลเป็นโจทก์ และเป็นจำเลย จากห้วงที่ผ่านมา จนปัจจุบัน รัฐบาลนี้ไม่ต้องการทิ้งภาระไว้ให้กับพี่น้องประชาชนและรัฐบาลต่อไป

ในการประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมานั้น ได้มีการชี้แจงสรุปคดีสำคัญๆ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลในอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งคดีที่รัฐเป็นโจทก์ จำนวน 6 คดี และเป็นจำเลย จำนวน 6 คดี ทั้งนี้เพื่อให้ ครม. ได้รับทราบข้อมูลพื้นฐาน และหารือร่วมกันถึงแนวทางในการดำเนินการแก้ไขให้มีความคืบหน้าให้มากที่สุด และไม่ตกเป็นภาระให้กับรัฐบาลต่อๆ ไป บางคดีเกือบ 20 ปีมาแล้ว รัฐบาลนี้จะแก้ไขให้ได้มากที่สุดตามกรอบของกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมนะครับ

8.กรณีคดีความต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตคอร์รัปชัน ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้นำไปสู่กระบวนการยุติธรรม และมีการต่อสู้ตามกระบวนการของศาลอย่างเป็นธรรม ประเด็นสำคัญคือ ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาคดีอื่นๆ ที่เป็นประชาชนโดยทั่วไป ที่ต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม โดยผู้ถูกกล่าวหาในคดีความร้ายแรงจะต้องเข้าใจ ไม่บิดเบือน หรือกล่าวอ้างให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย เพราะทุกอย่างนั้นต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ที่มีการบังคับใช้อยู่แล้วนะครับ ทุกคดีต้องดำเนินการตามขั้นตอน ข้อกฎหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ คสช. รัฐบาล ไม่ได้ทำเพื่อกลั่นแกล้ง ไม่ให้ความเป็นธรรม แต่อย่างใด อยากจะขอร้องสื่อต่างๆ ไม่อยากให้มีการขยายความขัดแย้งให้ช่วยกันศึกษาดูข้อกฎหมาย และสร้างความเข้าใจให้สังคม ให้ร่วมมือกันในการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นไปตามกระแสอย่างเช่นในปัจจุบัน

ทั้งนี้ผมไม่อยากให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความต่างๆ อันประกอบไปด้วย ประชาชนทั่วไป ภาคเอกชน ประชาสังคม รวมทั้งสื่อที่มีจรรยาบรรณ กรุณาช่วยกันสร้างความมีเสถียรภาพของประเทศ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ด้วยวิธีการปกติ ตามกฎหมายปกติ ไม่ขยายความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราต้องทำให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทย

สำหรับหลายภาคส่วน ที่ผ่านมานั้นมีเจตนารมณ์ที่ดี แต่ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่ก็ไม่เจตนานะครับ ในการแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องอันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เนื่องจากประเทศยังอยู่ในสถานการณ์ที่เราทุกคนต้องมีความระมัดระวัง เพราะยังมีความอ่อนไหวอยู่มาก เราต้องเริ่มสร้างความปรองดองของคนในชาติ ให้เกิดขึ้นในใจของทุกคนก่อน ไม่ใช่ต้องใช้การบังคับ หรือทำให้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และชื่อเสียงของประเทศชาติต้องเสียหายอีกต่อไป

สำหรับเรื่องอื่นๆ ที่ผมอยากชี้แจง ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ดังนี้ครับ 1.เรื่องสถานการณ์น้ำ ผมอยากให้ประชาชนทุกคน มีความตระหนักรู้ถึงสถานการณ์อย่างแท้จริง ไม่ได้ต้องการสร้างความตื่นตระหนก และเป็นการเตรียมการรับมือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต รัฐบาลจำเป็นต้องให้ข้อเท็จจริงในปัจจุบันนะครับกับทุกภาคส่วน เพราะทรัพยากรน้ำเรานั้นมีจำกัด สร้างเองไม่ได้ เกิดขึ้นเองไม่ได้ แต่เราสามารถบริหารภายใต้ความขาดแคลนได้ ปัจจุบันนั้นเราต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก ที่ผ่านมาถึงจะมีฝนตกลงมาบ้างนะครับ มีพายุอะไรก็แล้วแต่ แต่ส่วนมากตกบริเวณท้ายเขื่อน ตกนอกพื้นที่ที่มีอ่างเก็บน้ำ ทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำ ไว้ได้ทั้งในเขื่อน และนอกเขื่อนนะครับ ประกอบกับต้นน้ำมีการตัดไม้ทำลายป่า แล้วก็ในพื้นที่ทั่วไปด้วยนะครับ ทำให้ดินนั้นไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ ตอนนี้ใกล้จะหมดฤดูฝนแล้ว แต่ปริมาณน้ำในเขื่อน ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่เราตั้งเป้าไว้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้เตรียมการอย่างดีที่สุด ในการที่จัดหาแหล่งกักเก็บน้ำแห่งใหม่ การรองรับน้ำในฤดูแล้ง ที่กำลังใกล้จะหมดลง ซึ่งความพยายามต่างๆ นั้น ประสบผลดีอยู่บ้าง แต่เรายังวางใจไม่ได้ในการใช้น้ำปีหน้าปี 2559 รัฐบาลต้องดูน้ำต้นทุน สำหรับภาคการเกษตร ทั้งในและนอกพื้นที่ ชลประทาน ภาคอุตสาหกรรม การผลักน้ำเค็ม เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ บ่ริเวณปากอ่าว และที่สำคัญที่สุด ก็คือน้ำสำหรับอุปโภค บริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมีดังนี้

1. การประหยัดน้ำในทุกๆ กิจกรรม และทำให้เป็นนิสัยเลยครับ โดยเฉลี่ยคนไทยใช้น้ำ 120 ลูกบาศก์เมตรต่อคน/ต่อวัน ถือว่าสูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียนเลยนะครับ หาก 70 ล้านคน ช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำ ให้ลดลงจะช่วยได้มากขึ้น

2.การขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การเพาะปลูกข้าว หรือ พืชที่ใช้น้ำมาก มาเป็นการปลูกพืชใช้ น้ำน้อย อื่นๆ หรือการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ และการประมง ตามแหล่งน้ำที่ได้จัดเตรียมไว้ จะช่วยลดความเสี่ยง ความเสียหายของพืชผล ในภาวะขาดแคลนน้ำในปีหน้าได้นะครับ อาจะเป็นอาชีพใหม่ๆ ที่มีรายได้มากขึ้น

ทั้งนี้ การใช้ภาคเกษตรกรรมที่นำน้ำไปใช้มีสัดส่วนสูงสุด ประมาณร้อยละ 70 ของปริมาณน้ำต้นทุน ผมได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทวงมหาดไทย และหน่วยงานในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ ให้ความรู้ ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้ครบวงจร ไปจนถึงด้านการตลาดด้วย การปรับเปลี่ยนพืชอะไรตามต้องมีการตลาดด้วยการปรับเปลี่ยนพืชอะไรก็ตามต้องมีการตลาดด้วย

2.การสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรอันนี้เป็นงานที่ต้องทำร่วมกันทำในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และพี่น้องประชาชน ล่าสุดนั้นคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนได้ประชุมหารือ เพื่อวางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน โดยนำนโยบายของหลายๆ อย่าง และนำหน่วยงานต่างๆ นั้นมาเชื่อมโยงกัน ให้เป็นระบบ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม หลายแนวคิดที่เสนอมาจากคณะกรรมการชุดนี้เป็นประโยชน์มากผมอยากจะเห็นเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ เช่น

1.การใช้ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านทั่วประเทศ มาเป็นกลไกในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ กับเกษตรกรในพื้นที่ โดยให้เขาได้เรียนรู้จากผู้ร่วมอาชีพเดียวกัน ที่ประสบความสำเร็จ ท่านต้องช่วยเหลือและเรียนรู้จากกันและกัน พี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน อะไรก็แล้วแต่ เพื่อจะสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของท่านเอง

2.การใช้ผลงานวิจัยพัฒนา เพื่อปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ และเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ซึ่งเรื่องนี้ต้องเร่งทำนะครับอย่างจริงจัง ประเทศไทยเราลงทุนการวิจัยพัฒนาไปมาก เรามีงานวิจัยกว่า 230,000 โครงการบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปี 2558 ที่ผ่านมานั้นเราได้ใช้งบวิจัยไปกว่า 20,000 ล้านบาท เรามีผลงานด้านเกษตรกรรมยั่งยืนกว่า 510 โครงการ จนวันนี้เราต้องขับเคลื่อนเชื่อมโยงงานวิจัยเหล่านั้น ให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตการเกษตรให้ได้ อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเสียที

วันนี้นั้นเกษตรกรไทยเราต้องเป็นเกษตรกรยุคใหม่ สร้างผลผลิตมีคุณภาพ มีความแตกต่าง เพื่อไม่ให้ถูกกดราคาจากพ่อค้า หรือจากตลาดโลก แล้วก็ให้เราอยู่รอดได้ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

3.คือการส่งเสริมด้านการตลาด ต้องมีความเข้าใจเรื่องของดีมาน และซัพพลาย ทั้งการสนับสนุนให้มีตลาดชุมชน ตลาดท้องถิ่น และตลาดนัดขายผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และการสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินค้า และการสนับสนุนตลาดส่งตรง เพราะยิ่งเรามีตลาดเกิดขึ้นในชุมชนมากเท่าไหร่ เม็ดเงินจะหมุนเวียนในพื้นที่มากเท่านั้น จะเป็นการช่วยสร้างรายได้ และการจ้างงานให้เกิดขึ้นในชุมชน และยังไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินค่าขนส่งสินค้า เสียเงินค่าขนส่งเพื่อไปขายที่ไกลๆ ด้วย

และ 4.การพัฒนาระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม จีพีเอส ซึ่งระบบนี้ริเริ่มโดยสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ ซึ่งเป็นระบบที่สมาชิกกลุ่มผู้ผลิตชุมชน มีส่วนร่วมในการตรวจสอบมาตรฐานผลผลิตของกันเองในพื้นที่ ทำให้เกิดความมั่นใจในสินค้าของตนในชุมชน ในอนาคต ซึ่งอาจจะต่อยอดไปสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และสร้างมาตรฐานสินค้าส่งออก สร้างแบรนด์อะไรต่อไป

และ 5. การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษา เช่น สนับสนุนให้สถาบันการศึกษาจัดการเรียนการสอน หรือเปิดหลักสูตรด้านเกษตรยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ครบวงจร อาจจะเป็นช่วงบ่ายเพิ่มเติมด้วยก็ได้นะครับ ซึ่งจะเป็นการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ๆ และสนับสนุนการพัฒนาด้านการเกษตร โดยใช้นวัตกรรมให้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ไป

และ 3.ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ไอยูยู อันนี้เป็นปัญหาสำคัญของชาติเป็นอย่างยิ่ง ที่อาจจะถูกละเลยปล่อยให้มีการหมักหมมกันเป็นเวลานาน จนต้องให้องค์กรระหว่างประเทศกำหนด มีมาตรการกดดันต่อการทำประมงของไทย รัฐบาลนี้ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข โดยมี ศปมผ.เป็นกลไกหลักในการแก้ปัญหานั้น ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมากนะครับ ต้องขอบคุณความทุ่มเทในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน และประมงพาณิชย์ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีบางท่านไม่เข้าใจอยู่บ้าง หลายคนบอกว่า ต้องดูแลพี่น้องชาวประมง ดูแลชีวิตความเป็นอยู่มาก่อน แต่อย่างไรก็ตามมันมีผลกระทบแน่นอน จากการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะดูแลใครก่อนใครหลังก็ตาม

เพราะฉะนั้นเราต้องมีการจัดระเบียบด้านการประมงของไทย ให้เป็นไปตามหลักสากลด้วย และดูแลพี่น้องประชาชนที่เกิดความเดือดร้อนไปด้วย ปัจจุบันนั้น ครม.ได้อนุมัติงบประมาณวงเงินราว 230 ล้านบาทนะครับ สำหรับช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ประจำเรือ ไต๋เรือ นายท้าย และช่างเครื่อง ในการที่จะต้องหยุดทำการประมงชั่วคราว จนกว่าจะมีการดำเนินการทางเอกสาร การขึ้นทะเบียน การทำใบอนุญาตต่างๆ ให้ถูกต้องเสียก่อน ทั้งนี้การดำเนินการจ่ายเงินดังกล่าวนั้น ผมได้เน้นย้ำให้ดำเนินการในทันที ที่มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักการ ความโปร่งใสนะครับ

ส่วนเรื่องการรับตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา IUU จากผู้แทนสหภาพยุโรป ห้วง 13-22 ตุลาคมนี้ รัฐบาล โดย ศปมผ.มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน อาทิ เช่นนะครับนโยบายการจัดการประมงทะเล พ.ร.ก.ประมงแผนปฏิบัติการแห่งชาติ แผนการตรวจสอบย้อนกลับ แผนการติดตามควบคุมเฝ้าระวัง และแผนป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ในเรือ เป็นต้นนะครับ ซึ่งผมมั่นใจว่าผลจะออกมานั้นน่าจะไปในทางที่ดีนะครับ

ที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ทุกอย่างถูกต้อง เป็นไปตามหลักสากล แล้วก็ดูแลพี่น้องชาวประมงด้วยนะครับ ซึ่งจะทำให้ระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเลของเรา มีความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ไปชั่วลูกชั่วหลานนะครับ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกด้วยครับ

สำหรับประเด็นที่เราต้องเข้าใจร่วมกันก็คือการที่เราต้องระมัดระวังการขายสินค้าประมงในตลาดโลกด้วยนะครับ ซึ่งนับวันจะลำบากขึ้น เพราะมีการแข่งขันมากขึ้น มีกติกามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกติกาทางด้านการประมง ในน่านน้ำเสรี ในทุกประเทศ ซึ่งปัจจุบันนั้นสินค้าของไทยมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทนะครับ ถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา IUU นี้ให้ได้ เราจะถูกกดดัน หรือถูกยกเลิกการซื้อสินค้าเหล่านั้นด้วยนะครับ เราจะไปขายใครจับได้เท่าไร ก็ขายไม่ได้นะครับ บริโภคกันเองก็เหลือมากเกินไป ไม่มีรายได้อีกนะครับ เราต้องร่วมมือกันนะครับแก้ปัญหาด้วยกันนะครับ

4.ในการเดินหน้าประเทศไทยตามโรดแมปของรัฐบาลในระยะที่ 1 ตั้งแต่การเข้ามายุติความขัดแย้งในวันที่ 22 พฤษภาฯ 57 นะครับ เป็นการทำเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนนะครับ ที่สำคัญๆ ที่ส่งผลกระทบต่อปากท้องและชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนโดยตรง รวมทั้งในเรื่องของการลดความเลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในสังคม ระยะที่ 1

ปัจจุบันเรากำลังเข้ามาอยู่ระยะที่ 2 ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการวางกฎ กติกาทางสังคม โดยได้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่จะต้องมีความเป็นสากล และสอดรับกับความเป็นไทย เพื่อที่จะแก้ปัญหา ขจัดความยุ่งยาก ความขัดแย้ง หรือติดกับดักทางการเมือง ติดกับดักประชาธิปไตย ที่สะสมมายาวนานให้ได้ รวมทั้งวางรากฐานที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้กับสังคมไทย ผ่านการปฏิรูป 11 ด้าน ตามที่ได้ประกาศเป็นจุดยืนของรัฐบาล และ คสช.ไปแล้ว ในการที่จะนำพาเปลี่ยนผ่านประเทศของเราเข้าไปสู่ ระยะที่ 3 ก็คือการมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งต้องมีมีกลไกแก้ปัญหาทางตันทางการเมือง ที่พึ่งพาได้ ซึ่งอาจจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ก็ขอให้การแก้ปัญหาการเมืองด้วยทหารครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของประวัติศาสตร์ชาติไทย

รวมทั้งต้องมีการปฏิรูปที่มีกรอบชัดเจน ที่ครอบคลุมทุกมิติการพัฒนาประเทศ และมียุทธศาสตร์ชาติ ระยะยาว 20 ปี ที่เป็นมากกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะสั้น 5 ปีเท่านั้น ซึ่งจะเป็นเข็มทิศการบริหารประเทศของรัฐบาลต่อๆ ไป ซึ่งคงจะเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจ การลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องการเห็นความชัดเจนจากภาครัฐที่ผ่านมานั้น อาจจะไม่ค่อยได้เห็น ก็ทำให้ประเทศชาตินั้นเสียโอกาส ไม่เอื้ออำนวยต่อกัน ไม่ร่วมมือกัน

ฉะนั้นเรามีโอกาสในการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง เป็นฐานการผลิต เพราะเราไม่มีสิ่งต่างๆ ที่ผมพูดมา วันนี้เราก็จะทำให้เขาเห็น ผมได้พยายามไปพูดทำความเข้าใจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เขาเห็น ให้เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่เราพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น แก้ปัญหาเก่าๆ ที่เหลือยังทำไม่สำเร็จ อะไรก็แล้วแต่ก็หวังว่ารัฐบาลหน้าและต่อๆไป จะมีการบริหารประเทศ ที่มีธรรมาภิบาล มีการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยมีกรอบการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจให้ความร่วมมือด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการทำงานตามโรดแมป ระยะที่ 2 คือ การสื่อสารให้ตรงกันและต้องไม่ถูกบิดเบือนนะครับ ในทั้ง 2 ระดับ คือ ระดับนโยบาย ซึ่งในปัจจุบันมีแม่น้ำ 5 สาย หรือ 4 สาย บวก คสช. ก็แล้วแต่ มีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน ทั้งเรื่องเป้าหมาย บทบาท และการทำงานให้ประสานสอดคล้องกัน

ทั้งนี้ สปท. สภาขับเคลื่อนประเทศ ต้องใช้ 11 ประเด็นปฏิรูปของ คสช. เป็นตัวตั้งเป็นกิจกรรมหลัก แล้วนำประเด็นปฏิรูปและประเด็นพัฒนา อื่นๆ ของ สปช. มาหลอมรวมเอาไว้ ส่วน กรธ. ต้องมีแนวทางในการยกร่างรัฐธรรมนูญกล่าวไปหลายครั้งแล้ว ตัวท่านประธานกล่าวเองไปแล้วด้วยก็คือ การร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นสากล และเหมาะสมกับบริบทประเทศไทย สร้างประชาธิปไตยที่ส่งเสริมบทบาทหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่กล่าวถึงเสรีภาพอย่างเดียว หรือเสรีภาพที่ไร้ขีดจำกัดอีกต่อไป แก้ไขปัญหาการเมืองในอดีต ป้องกันเผด็จการรัฐสภา และการทุจริตประพฤติมิชอบ มีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุล และการส่งเสริมธรรมาภิบาล และ เปิดโอกาสการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็น อย่างกว้างขวางตลอดระยะเวลาห้วงต่อไปนี้นะครับให้ทั่วถึงด้วย

สุดท้ายนี้ ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ และบทบาทของไทยในเวทีโลกนั้น ผมได้รับรายงานว่า อาคารแสดงประเทศไทย ในงาน World Expo ปีนี้ ซึ่งจัดตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมถึง 31 ตุลาคม 2558 ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ที่ได้ปรับรูปลักษณ์การนำเสนอจาก ศาลาไทย ที่ชาวโลกคุ้นเคยมาเป็นงอบที่ชาวนาไทยใช้ในการปลูกข้าว ในเวลาที่ต้องไปตากแดด กรำฝน นั่นแหละครับ ก็ใช้งอบเป็นสัญญลักษณ์ในการแสดงครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสื่อสารว่าประเทศไทยนั้นพร้อมที่จะเป็นครัวโลก เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม

อาคารแสดงของเราสามารถประชันกับอาคารของประเทศต่างๆ กว่า 140 ประเทศทั่วโลกโดยสื่อยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ต่างให้ความสนใจและโหวตให้เป็น 1 ใน 5 ของอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ในขณะที่ CNN ก็ยกให้ว่าเป็นการออกแบบอาคารจัดแสดง ที่น่าประทับใจที่สุด มีผู้เข้าคิวรอเข้าชมอย่างล้นหลาม เป็นเวลาหลายชั่วโมง ผมทราบว่าบางวันรอถึง 4 ชั่วโมงเลย เฉลี่ยคือ 12,000 คนต่อวัน และสูงถึง วันละ 16,000 คน ในสัปดาห์แรก

ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนและร่วมกันภาคภูมิใจในความสำเร็จครั้งนี้ ที่ได้นำเอาเอกลักษณ์ ความเป็นไทย สู้สายตาชาวโลก เรียกความเชื่อมั่นในประชาคมโลก โดยเฉพาะนักลงทุน นักท่องเที่ยว ให้กลับคืนบ้านเราอีกครั้ง

เห็นไหมครับความเป็นคนไทยของเรานั้นไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร น่าภาคภูมิใจ เราต้องช่วยกันเผยแพร่ ช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี แล้วก็คืนความเป็นคนไทยที่น่ารักให้ยั่งยืน ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น