พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้าร่วมจัดอาคารแสดงนิทรรศการ หรือ Thailand Pavilion ในงานมหกรรมโลก (World Expo 2015) ซึ่งเป็นงานที่จัดมายาวนานกว่า 163 ปี โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พ.ค.–31ต.ค.58 ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี เพื่อเป็นเวทีให้แต่ละประเทศได้แสดงศักยภาพทางความคิดสร้างสรรค์
ในส่วนของประเทศไทย ได้นำเสนอแนวคิด “Nourishing and Delighting the World” หรือ การเลี้ยงดูโลกอย่างยั่งยืน เพื่อแสดงถึงศักยภาพด้านเกษตรกรรมอันอุดมสมบูรณ์ การผลิตอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีรสชาติเลื่องชื่อ และพร้อมที่จะเป็นครัวของโลก
สำหรับความสำเร็จของการจัดงานครั้งนี้ พิจารณาจากจำนวนผู้เข้าชมที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของอาคารแสดงที่ได้รับความนิยมจากทั้งหมด 145 ประเทศ โดยเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมรวมกว่า 2 ล้านคน และมียอดจำหน่ายสินค้าเกษตรรวมกว่า 1.2 ล้านยูโร หรือประมาณ 49 ล้านบาท ทั้งนี้ สิ่งที่ดึงดูดให้มีผู้เข้าชมจำนวนมาก ได้แก่ รูปลักษณ์ที่โดดเด่นของอาคาร 3 องค์ประกอบหลัก (งอบ พญานาค และฐานเจดีย์) ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ทั้งสายน้ำ ชาวนา วัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงเพื่อความบันเทิงทั้งมวยไทย และรำไทย ตลอดจนการนำเสนออาหารไทยและเครื่องดื่มหลายชนิด เช่น ผัดไทย ข้าวหอมมะลิ แกงมัสมั่น ข้าวแกงกระหรี่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ไอศกรีมมะพร้าว เบียร์น้ำมะพร้าว น้ำมะม่วง เป็นต้น
"ความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการเกษตร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่สร้างรายได้ให้แผ่นดิน โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนา และส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารให้สามารถแข่งขันและเป็นผู้นำในตลาดอาเซียนและตลาดโลก ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า จะต้องพัฒนาให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความมั่นคงด้านอาหาร สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรด้วยการพัฒนานวัตกรรม ส่งเสริมการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และมีมาตรฐานความปลอดภัยต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ ท่านยังได้ฝากขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ช่วยกันเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้กลับสู่ประเทศ"
ในส่วนของประเทศไทย ได้นำเสนอแนวคิด “Nourishing and Delighting the World” หรือ การเลี้ยงดูโลกอย่างยั่งยืน เพื่อแสดงถึงศักยภาพด้านเกษตรกรรมอันอุดมสมบูรณ์ การผลิตอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีรสชาติเลื่องชื่อ และพร้อมที่จะเป็นครัวของโลก
สำหรับความสำเร็จของการจัดงานครั้งนี้ พิจารณาจากจำนวนผู้เข้าชมที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของอาคารแสดงที่ได้รับความนิยมจากทั้งหมด 145 ประเทศ โดยเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมรวมกว่า 2 ล้านคน และมียอดจำหน่ายสินค้าเกษตรรวมกว่า 1.2 ล้านยูโร หรือประมาณ 49 ล้านบาท ทั้งนี้ สิ่งที่ดึงดูดให้มีผู้เข้าชมจำนวนมาก ได้แก่ รูปลักษณ์ที่โดดเด่นของอาคาร 3 องค์ประกอบหลัก (งอบ พญานาค และฐานเจดีย์) ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ทั้งสายน้ำ ชาวนา วัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงเพื่อความบันเทิงทั้งมวยไทย และรำไทย ตลอดจนการนำเสนออาหารไทยและเครื่องดื่มหลายชนิด เช่น ผัดไทย ข้าวหอมมะลิ แกงมัสมั่น ข้าวแกงกระหรี่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ไอศกรีมมะพร้าว เบียร์น้ำมะพร้าว น้ำมะม่วง เป็นต้น
"ความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการเกษตร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่สร้างรายได้ให้แผ่นดิน โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนา และส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารให้สามารถแข่งขันและเป็นผู้นำในตลาดอาเซียนและตลาดโลก ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า จะต้องพัฒนาให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความมั่นคงด้านอาหาร สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรด้วยการพัฒนานวัตกรรม ส่งเสริมการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และมีมาตรฐานความปลอดภัยต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ ท่านยังได้ฝากขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ช่วยกันเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้กลับสู่ประเทศ"