เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัวยนตรกรรมหรู 7 รุ่นใหม่ นำทัพโดยโฉมใหม่ของ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส” เจนเนอเรชั่นที่ 10 ประเดิมเบื้องต้นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 194 แรงม้า ราคาเริ่ 3.99 ล้านบาท พร้อมควงรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊ก-อิน ไฮบริด S 500 e และ C 350 e รุ่นประกอบในประเทศ รวมถึรถสปอร์ตคูเป้, เอสยูวี และรถแต่งจากค่าย Mercedes-AMG ตลอดจนรยนต์ต้นแบบบุกงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2016 ปลายเดือนมีนาคมนี้
ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2559 นี้ บริษัทฯ มีแนวทางการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “เดอะ เบสท์” (THE BEST) เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าในวันนี้และวันข้างหน้า ดังนั้นการนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 37 บริษัทฯ จึงได้นำสุดยอดยนตรกรรมที่มาพร้อมเทคโนโลยี และดีไซน์อันทันสมัยครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Compact Car กลุ่ม Contemporary Luxury และกลุ่ม Dream Car เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมในทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
“ไฮไลท์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 คือการเปิดตัว The new E-Class เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะในกลุ่ม Contemporary Luxury โดยตลอดเวลาที่ผ่านมารถยนต์ตระกูล E-Class เป็นหัวใจของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะได้สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับกลุ่มรถยนต์สำหรับนักธุรกิจอยู่เสมอ และบริษัทฯ ยังคงสานต่อแนวคิดดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new E-Class จึงมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ทรงพลัง ทุกองค์ประกอบสอดรับกัน เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบตามหลัก Sensual Purity ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และนำเสนอเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกของโลก ยกระดับแนวคิดการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปอีกขั้น อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำลง และได้รับการสรรสร้าง ให้ขับขี่สนุกขึ้นเพื่อมอบสุนทรีย์ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย”
สำหรับ The new E-Class โมเดลล่าสุดนี้ ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 ในตระกูล E-Class ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมซีดานอัจฉริยะ ทั้งในเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้การขับขี่และโดยสารมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED แบบความละเอียดสูง รวมถึงระบบ Active Light ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก สำหรับ The new E-Class ในประเทศไทย มีให้เลือกสรร 2 ดีไซน์ คือ The new E 220 d Exclusive และ The new E 220 d AMG Dynamic
ภายนอก The new E-Class มีขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น ผสานกับฝากระโปรงหน้าที่ดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ทอดตัวเป็นเส้นโค้งยาวจรดด้านหลังของตัวรถ นอกจากนี้รูปลักษณ์ด้านหลังของตัวรถได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของสมาชิกใหม่ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียวโดยด้านในโคมแบ่งออกเป็นสองส่วน ทำให้มีรูปลักษณ์ที่ดูสง่างามอย่างมีระดับ
การออกแบบภายใน เบาะที่นั่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ สำหรับรุ่น The new E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับชุดหน้าจอ ความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ของรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟ สร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี
The new E-Class มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบที่พัฒนาขึ้นใหม่ และระบบเกียร์อัตโนมัติชุดใหม่ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมแรงเหวี่ยง จากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพ มากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ และมีน้ำหนักเบาลงส่งผลให้ประหยัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและปล่อยมลพิษต่ำ
มาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ปีนี้ นอกจาก The new E-Class เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ 6 รุ่น ได้แก่ The S 500 e และThe C 350 e รถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นประกอบในประเทศ (Local production) และ The new C-Class Coupé ยนตกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้เจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมด้วย The new GLS, และยนตรกรรมจากแบรนด์ Mercedes-AMG ได้แก่ Mercedes-AMG A 45 และ Mercedes-AMG C 63 S Coupé อีกทั้งยังได้นำ The new Vito concept มาแสดงโชว์ภายในงาน รวมถึงยนตรกรรมอีกกว่า 30 รุ่น ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
โดยในรุ่น The S 500e เป็นรถยนต์ซีดานระดับพรีเมี่ยมที่ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ไฮบริด นวัตกรรมด้านยานยนต์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกชั้นเลิศ และภาพลักษณ์อันหรูหราของรถยนต์ตระกูล S-Class เข้าไว้ด้วยกัน สำหรับ The S 500 e มีให้เลือก 2 ดีไซน์ด้วยกัน คือ The S 500 e Exclusive และ The S 500 e AMG Premium และรถยนต์รุ่นนี้ยังถือว่าเป็นรถยนต์หรู ที่ใช้เครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตรรุ่นแรกของโลก ที่ผ่านการรับรองว่าเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำระบบสำรองพลังงานจากการเหยียบแป้นเบรกมาใช้ ซึ่งระบบนี้จะช่วยผสานการทำงานระหว่างการเหยียบแป้นเบรกของผู้ขับขี่และการใช้ระบบเบรกแบบไฟฟ้าเมื่อผู้ขับขี่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีกด้วย
ขณะที่ The C 350 e นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ในตระกูล The new C-Class ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด ต่อจากรุ่น C 300 BlueTEC Hybrid และยังเป็นรถยนต์รุ่นที่สองของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดอีกด้วย โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับตัวถังที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยมีให้เลือกสรรทั้งในแบบซีดานและเอสเตท ซึ่งทั้งสองดีไซน์ได้รับการติดตั้งนวัตกรรมปลั๊กอินไฮบริด ที่โดดเด่นในเรื่องความประหยัดด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 31 กิโลเมตร
ด้าน The new C-Class Coupé เป็นยนตกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้ เจนเนอเรชั่นล่าสุดในกลุ่ม Dream Car โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความสปอร์ต ปราดเปรียวยิ่งขึ้น พร้อมการออกแบบและตกแต่งภายในที่ให้ความหรูหรามีระดับ ผสานกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้ทุกการขับขี่รื่นรมย์ และเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์สปอร์ต และมาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมาย เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ ระบบ ATTENTION ASSIST พร้อมถุงลมนิรภัย 7 ลูก 9 ตำแหน่ง
ในส่วนของ The new GLS เป็นรถยนต์ในตระกูล SUV ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นล่าสุดที่ได้เข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของรถยนต์ตระกูลเอสยูวีได้อย่างสมบูรณ์ และได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ตระกูล SUV ในฐานะที่เป็น “เอสยูวี ระดับเอส-คลาส” (S-Class among SUVs) โดยในประเทศไทย ได้นำเสนอรถยนต์ The new GLS ในรุ่น GLS 350 d 4MATIC ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกทรงพลัง รวมไปถึงห้องโดยสารที่หรูหรา และประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน
สำหรับ Mercedes-AMG งานนี้เปิดตัว 2 รุ่น ประกอบด้วย Mercedes-AMG A45 4MATIC ยนตรกรรมจากตระกูล A-Class และอีกรุ่น Mercedes-AMG C63 S Coupé เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นล่าสุดจากค่าย Mercedes-AMG ที่ยกระดับ “สมรรถนะการขับขี่” ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยพละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4 ลิตร ระบบเกียร์แบบสปอร์ต AMG SPEEDSHIFT MCT 7-SPEED ที่ช่วยให้การตอบสนองของรถในระหว่างที่มีการเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการปรับตั้งค่าเครื่องยนต์และระบบเกียร์ที่สอดรับกันอย่างลงตัว
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังได้มีการแนะนำ The new Vito Concept ยนตรกรรมหรูต้นแบบรถเอนกประสงค์แบบ 11 ที่นั่ง ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์แห่งการเดินทางของทุกคนในครอบครัว ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง สามารถเก็บสัมภาระต่างๆ ของทุกคนได้อย่างครบครัน การดีไซน์รูปลักษณ์ทั้งภายใน และภายนอกดูหรูหรา มีระดับ ประณีตทุกรายละเอียด และเสริมด้วยระบบความปลอดภัย เช่น ระบบป้องกันการปะทะด้านหน้า (COLLISION PREVENTION ASSIST) ระบบแจ้งเตือนจุดบอด (Blind Spot Assist) และ ระบบรักษาช่องจราจร (Lane Keeping Assist)ที่ช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ปลอดภัยบนท้องถนน
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า
นอกเหนือจากขบวนรถยนต์มากมายที่นำมาจัดแสดงในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเตรียมข้อเสนอพิเศษสุดเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า ดังนี้
แคมเปญ MercedesCard
•สมัครบัตรเครดิตเมอร์เซเดสการ์ดใบใหม่วันนี้ รับ Cash back สูงสุด
5,000 บาท* (ตรวจสอบเงื่อนไข ณ จุดขาย)
•สำหรับผู้ถือบัตรเมอร์เซเดสการ์ด - เมื่อจองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในงาน ผ่านบัตรเมอร์เซเดสการ์ด 200,000 บาทขึ้นไป รับบัตรกำนัลที่พักโรงแรม มูลค่า 10,000 บาท
ข้อเสนอสุดพิเศษจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง
•สำหรับผู้ที่สั่งซื้อรถยนต์ภายในงาน บริษัทฯ นำเสนอสินเชื่อภายใต้โปรแกรม mySTAR Special
ทั้งนี้เชิญพบกับขบวนสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด และยนตรกรรมหลากหลายรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2559 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2559 นี้ บริษัทฯ มีแนวทางการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “เดอะ เบสท์” (THE BEST) เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าในวันนี้และวันข้างหน้า ดังนั้นการนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 37 บริษัทฯ จึงได้นำสุดยอดยนตรกรรมที่มาพร้อมเทคโนโลยี และดีไซน์อันทันสมัยครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Compact Car กลุ่ม Contemporary Luxury และกลุ่ม Dream Car เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมในทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
“ไฮไลท์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 คือการเปิดตัว The new E-Class เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะในกลุ่ม Contemporary Luxury โดยตลอดเวลาที่ผ่านมารถยนต์ตระกูล E-Class เป็นหัวใจของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะได้สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับกลุ่มรถยนต์สำหรับนักธุรกิจอยู่เสมอ และบริษัทฯ ยังคงสานต่อแนวคิดดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new E-Class จึงมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ทรงพลัง ทุกองค์ประกอบสอดรับกัน เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบตามหลัก Sensual Purity ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และนำเสนอเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกของโลก ยกระดับแนวคิดการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปอีกขั้น อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำลง และได้รับการสรรสร้าง ให้ขับขี่สนุกขึ้นเพื่อมอบสุนทรีย์ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย”
สำหรับ The new E-Class โมเดลล่าสุดนี้ ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 ในตระกูล E-Class ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมซีดานอัจฉริยะ ทั้งในเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้การขับขี่และโดยสารมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED แบบความละเอียดสูง รวมถึงระบบ Active Light ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก สำหรับ The new E-Class ในประเทศไทย มีให้เลือกสรร 2 ดีไซน์ คือ The new E 220 d Exclusive และ The new E 220 d AMG Dynamic
ภายนอก The new E-Class มีขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น ผสานกับฝากระโปรงหน้าที่ดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ทอดตัวเป็นเส้นโค้งยาวจรดด้านหลังของตัวรถ นอกจากนี้รูปลักษณ์ด้านหลังของตัวรถได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของสมาชิกใหม่ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียวโดยด้านในโคมแบ่งออกเป็นสองส่วน ทำให้มีรูปลักษณ์ที่ดูสง่างามอย่างมีระดับ
การออกแบบภายใน เบาะที่นั่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ สำหรับรุ่น The new E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับชุดหน้าจอ ความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ของรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟ สร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี
The new E-Class มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบที่พัฒนาขึ้นใหม่ และระบบเกียร์อัตโนมัติชุดใหม่ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมแรงเหวี่ยง จากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพ มากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ และมีน้ำหนักเบาลงส่งผลให้ประหยัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและปล่อยมลพิษต่ำ
มาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ปีนี้ นอกจาก The new E-Class เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ 6 รุ่น ได้แก่ The S 500 e และThe C 350 e รถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นประกอบในประเทศ (Local production) และ The new C-Class Coupé ยนตกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้เจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมด้วย The new GLS, และยนตรกรรมจากแบรนด์ Mercedes-AMG ได้แก่ Mercedes-AMG A 45 และ Mercedes-AMG C 63 S Coupé อีกทั้งยังได้นำ The new Vito concept มาแสดงโชว์ภายในงาน รวมถึงยนตรกรรมอีกกว่า 30 รุ่น ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
โดยในรุ่น The S 500e เป็นรถยนต์ซีดานระดับพรีเมี่ยมที่ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ไฮบริด นวัตกรรมด้านยานยนต์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกชั้นเลิศ และภาพลักษณ์อันหรูหราของรถยนต์ตระกูล S-Class เข้าไว้ด้วยกัน สำหรับ The S 500 e มีให้เลือก 2 ดีไซน์ด้วยกัน คือ The S 500 e Exclusive และ The S 500 e AMG Premium และรถยนต์รุ่นนี้ยังถือว่าเป็นรถยนต์หรู ที่ใช้เครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตรรุ่นแรกของโลก ที่ผ่านการรับรองว่าเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำระบบสำรองพลังงานจากการเหยียบแป้นเบรกมาใช้ ซึ่งระบบนี้จะช่วยผสานการทำงานระหว่างการเหยียบแป้นเบรกของผู้ขับขี่และการใช้ระบบเบรกแบบไฟฟ้าเมื่อผู้ขับขี่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีกด้วย
ขณะที่ The C 350 e นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ในตระกูล The new C-Class ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด ต่อจากรุ่น C 300 BlueTEC Hybrid และยังเป็นรถยนต์รุ่นที่สองของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดอีกด้วย โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับตัวถังที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยมีให้เลือกสรรทั้งในแบบซีดานและเอสเตท ซึ่งทั้งสองดีไซน์ได้รับการติดตั้งนวัตกรรมปลั๊กอินไฮบริด ที่โดดเด่นในเรื่องความประหยัดด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 31 กิโลเมตร
ด้าน The new C-Class Coupé เป็นยนตกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้ เจนเนอเรชั่นล่าสุดในกลุ่ม Dream Car โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความสปอร์ต ปราดเปรียวยิ่งขึ้น พร้อมการออกแบบและตกแต่งภายในที่ให้ความหรูหรามีระดับ ผสานกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้ทุกการขับขี่รื่นรมย์ และเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์สปอร์ต และมาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมาย เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ ระบบ ATTENTION ASSIST พร้อมถุงลมนิรภัย 7 ลูก 9 ตำแหน่ง
ในส่วนของ The new GLS เป็นรถยนต์ในตระกูล SUV ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นล่าสุดที่ได้เข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของรถยนต์ตระกูลเอสยูวีได้อย่างสมบูรณ์ และได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ตระกูล SUV ในฐานะที่เป็น “เอสยูวี ระดับเอส-คลาส” (S-Class among SUVs) โดยในประเทศไทย ได้นำเสนอรถยนต์ The new GLS ในรุ่น GLS 350 d 4MATIC ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกทรงพลัง รวมไปถึงห้องโดยสารที่หรูหรา และประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน
สำหรับ Mercedes-AMG งานนี้เปิดตัว 2 รุ่น ประกอบด้วย Mercedes-AMG A45 4MATIC ยนตรกรรมจากตระกูล A-Class และอีกรุ่น Mercedes-AMG C63 S Coupé เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นล่าสุดจากค่าย Mercedes-AMG ที่ยกระดับ “สมรรถนะการขับขี่” ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยพละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4 ลิตร ระบบเกียร์แบบสปอร์ต AMG SPEEDSHIFT MCT 7-SPEED ที่ช่วยให้การตอบสนองของรถในระหว่างที่มีการเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการปรับตั้งค่าเครื่องยนต์และระบบเกียร์ที่สอดรับกันอย่างลงตัว
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังได้มีการแนะนำ The new Vito Concept ยนตรกรรมหรูต้นแบบรถเอนกประสงค์แบบ 11 ที่นั่ง ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์แห่งการเดินทางของทุกคนในครอบครัว ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง สามารถเก็บสัมภาระต่างๆ ของทุกคนได้อย่างครบครัน การดีไซน์รูปลักษณ์ทั้งภายใน และภายนอกดูหรูหรา มีระดับ ประณีตทุกรายละเอียด และเสริมด้วยระบบความปลอดภัย เช่น ระบบป้องกันการปะทะด้านหน้า (COLLISION PREVENTION ASSIST) ระบบแจ้งเตือนจุดบอด (Blind Spot Assist) และ ระบบรักษาช่องจราจร (Lane Keeping Assist)ที่ช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ปลอดภัยบนท้องถนน
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า
นอกเหนือจากขบวนรถยนต์มากมายที่นำมาจัดแสดงในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเตรียมข้อเสนอพิเศษสุดเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า ดังนี้
แคมเปญ MercedesCard
•สมัครบัตรเครดิตเมอร์เซเดสการ์ดใบใหม่วันนี้ รับ Cash back สูงสุด
5,000 บาท* (ตรวจสอบเงื่อนไข ณ จุดขาย)
•สำหรับผู้ถือบัตรเมอร์เซเดสการ์ด - เมื่อจองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในงาน ผ่านบัตรเมอร์เซเดสการ์ด 200,000 บาทขึ้นไป รับบัตรกำนัลที่พักโรงแรม มูลค่า 10,000 บาท
ข้อเสนอสุดพิเศษจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง
•สำหรับผู้ที่สั่งซื้อรถยนต์ภายในงาน บริษัทฯ นำเสนอสินเชื่อภายใต้โปรแกรม mySTAR Special
ทั้งนี้เชิญพบกับขบวนสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด และยนตรกรรมหลากหลายรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2559 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี