แต่ไหนแต่ไรมา ดูเหมือนว่า Audi จะไม่ค่อยสนใจเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell มากนัก ดูจากต้นแบบและรถยนต์ในสายการผลิตที่มุ่งเน้นไปที่ Hybrid มากกว่า หรือไม่ก็เป็น Pure EV ไปเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยนไป หลังจากที่พวกเขาเปิดตัวต้นแบบที่ชื่อว่า h-Tron Concept
ที่บอกว่าเปลี่ยนไปก็เพราะ Audi หันมาเอาจริงกับตลาดเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ในการแปรรูปเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยเทคโนโลยีนี้ นอกจากทาง Honda, Toyota และ GM ก็ยังมีทั้ง BMW และ Mercedes-Benz ให้ความสนใจ
แนวคิดนี้ถูกนำเสนอผ่านทางต้นแบบทรง SUV ที่มีความยาว 4,880 มิลลิเมตร และใช้ชื่อว่า h-Tron ซึ่งถูกสร้างอยู่บนพื้นตัวถังรุ่น MLB-Evo Platform โดยเป็นการแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของพื้นตัวถังรุ่นนี้ ในการรองรับกับระบบการขับเคลื่อน และเทคโนโลยีที่มีความหลากหลาย นอกจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน
สำหรับเทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถยนต์ต้นแบบรุ่นนี้คือ ระบบไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ติดตั้งอยู่บนเพลาหน้ามีขนาด 90 กิโลวัตต์ และเพลาหลังมีขนาด 140 กิโลวัตต์ โดยที่การผลิตกระแสไฟฟ้าจะมาจากการส่งไฮโดรเจนเหลว เข้าไปทำปฏิกิริยาทางเคมีกับออกซิเจนภายใน Fuel Cell Stack ที่สามารถผลิตกำลังไฟออกมาได้ 110 กิโลวัตต์ เพื่อส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัวใช้ในการขับเคลื่อน
ไฮโดรเจนเหลว 1 ถังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรวมระยะทาง 373 ไมล์ หรือ 600 กิโลเมตร และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่งโมง ต่ำกว่า 7 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Audi ยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะพร้อมลุยตลาด Fuel Cell เมื่อไร แต่เมื่อดูจากการเริ่มขยับตัว น่าจะพอเดาได้ว่า คงอีกไม่นานเกินรอ เพราะในปัจจุบัน เทคโนโลยี Fuel Cell ก็มีการพัฒนาและทลายข้อจำกัดในหลายด้านลงได้แล้ว เหลือเพียงแค่ความสะดวกในการเติมไฮโดรเจนเท่านั้นเอง
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
ที่บอกว่าเปลี่ยนไปก็เพราะ Audi หันมาเอาจริงกับตลาดเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ในการแปรรูปเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยเทคโนโลยีนี้ นอกจากทาง Honda, Toyota และ GM ก็ยังมีทั้ง BMW และ Mercedes-Benz ให้ความสนใจ
แนวคิดนี้ถูกนำเสนอผ่านทางต้นแบบทรง SUV ที่มีความยาว 4,880 มิลลิเมตร และใช้ชื่อว่า h-Tron ซึ่งถูกสร้างอยู่บนพื้นตัวถังรุ่น MLB-Evo Platform โดยเป็นการแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของพื้นตัวถังรุ่นนี้ ในการรองรับกับระบบการขับเคลื่อน และเทคโนโลยีที่มีความหลากหลาย นอกจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน
สำหรับเทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถยนต์ต้นแบบรุ่นนี้คือ ระบบไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ติดตั้งอยู่บนเพลาหน้ามีขนาด 90 กิโลวัตต์ และเพลาหลังมีขนาด 140 กิโลวัตต์ โดยที่การผลิตกระแสไฟฟ้าจะมาจากการส่งไฮโดรเจนเหลว เข้าไปทำปฏิกิริยาทางเคมีกับออกซิเจนภายใน Fuel Cell Stack ที่สามารถผลิตกำลังไฟออกมาได้ 110 กิโลวัตต์ เพื่อส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัวใช้ในการขับเคลื่อน
ไฮโดรเจนเหลว 1 ถังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรวมระยะทาง 373 ไมล์ หรือ 600 กิโลเมตร และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่งโมง ต่ำกว่า 7 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Audi ยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะพร้อมลุยตลาด Fuel Cell เมื่อไร แต่เมื่อดูจากการเริ่มขยับตัว น่าจะพอเดาได้ว่า คงอีกไม่นานเกินรอ เพราะในปัจจุบัน เทคโนโลยี Fuel Cell ก็มีการพัฒนาและทลายข้อจำกัดในหลายด้านลงได้แล้ว เหลือเพียงแค่ความสะดวกในการเติมไฮโดรเจนเท่านั้นเอง
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring