ข่าวในประเทศ - เมอร์เซเดส-เบนซ์ เผยผลประกอบการประจำปี 2558 ที่ผ่านมาเติบโตกว่า 12.78% ด้วยยอดขาย 12,776 คัน พร้อมชูกลยุทธ์ “THE BEST” สำหรับปี 2559 เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้า ประเดิมไตรมาสแรกด้วยการเปิดตัวรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดครั้งแรกในประเทศไทยรุ่น S 500 e กับ C 350 e และมีแผนส่งรถใหม่อีกกว่า 20 รุ่นลุยตลาด
ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2558 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จด้วยการสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 โดยยอดขายทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ตลอด ทั้งปีอยู่ที่ 12,776 คัน เติบโต 12.78% (2557: 11,328 คัน) ในขณะที่ยอดขายเฉพาะรถยนต์ นั่งส่วนบุคคลมียอดขายโดยรวมทั้งปีอยู่ที่ 12,671 คัน ยอดขายในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,761 คัน เติบโต 47.10% (ธันวาคม 2557: 1,877 คัน) และยอดขายในไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 4,775 คัน ทั้งนี้ ถือเป็นยอดขายสูงสุด ในประวัติศาสตร์ และยังครองอันดับ 1 ในกลุ่มตลาดรถหรูต่อเนื่องเป็น ปีที่ 15 อีกด้วย
“ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยในปี 2558 บริษัทฯ ได้เปิดตัวรถยนต์ทั้งสิ้น 21 รุ่น ครอบคลุมใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม Compact Car ทั้งหมด 7 รุ่น เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ กลุ่ Contemporary Luxury ทั้งหมด 7 รุ่น โดยมีรุ่นไฮไลท์คือ C 300 BlueTEC HYBRID ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปิดสายการผลิตในประเทศเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และกลุ่ม Dream Car จำนวน 7 รุ่น โดยมีรุ่นพิเศษ 2 รุ่น คือ Mercedes-AMG GT S และ Mercedes-Maybach เป็นต้น
มาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับแนวทางการทำการตลาดของบริษัทฯ ในปี 2559 บริษัทฯ วางแผนที่จะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “THE BEST” สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะสานต่อการนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้า โดยในด้านผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ ได้เตรียมนำผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในเชิงนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงระบบความปลอดภัยในการขับขี่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ในรุ่น The S 500 e และ The C 350 e ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ปล่อยพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังวางแผนการเปิดตัวรถยนต์อีกกว่า 20 รุ่น ควบคู่กับกิจกรรมทดสอบรถยนต์เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงการร่วมงานแสดง ยนตรกรรมทั้ง Bangkok International Motor Show และ Motor Expo”
นอกจากนี้เรายังเน้นการทำกิจกรรมการตลาดบนสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คที่ตอนนี้มีผู้ติดตามแล้วกว่า 513,613 คน และอินสตราแกรม ด้วยจำนวนผู้ติดตามกว่า 53,400 คน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ในส่วนกิจกรรมซีอาร์เอ็ม เรายังคงมอบกิจกรรมสุดพิเศษให้กับลูกค้า และสมาชิก MercedesCard ภายใต้คอนเซปต์ “Best Customer Experience” เพื่อมอบเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุด ครอบคลุมในทุกความต้องการของลูกค้า เช่น กิจกรรมเวิร์คชอปร่วมกับแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ชมพู่ - อารยา เอ. ฮาร์เก็ต และกิจกรรมภายใต้แคมเปญฟุตบอลยูโร 2016 รวมถึงการแข่งขัน MercedesTrophy ที่จัดต่อเนื่องมากว่า 17 ปีแล้ว เป็นต้น
พร้อมกันนี้ในด้านบริการหลังการขาย บริษัทฯ ชูจุดเด่นด้านบริการหลังการขายตั้งแต่ การซ่อมบำรุง ดูแลรักษา และจำหน่ายอะไหล่แท้ที่มีคุณภาพ พร้อมโปรแกรมบริการหลังการขายที่หลากหลาย เช่น “My Privileges. My Service” โปรแกรมที่ยกระดับบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น เช่น เลาจน์รับรองลูกค้า บริการที่รวดเร็วทันใจ การเตรียมรถสำรองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกบริการที่ตรงตามความต้องการ รวมถึงการพัฒนา Mercedes-Benz Service Application ระบบการจองเข้ารับบริการในรูปแบบออนไลน์เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการบริการตลอด 24 ชั่วโมง
อีกทั้งแคมเปญพิเศษที่เราได้ร่วมมือกับ บริษัท เมอร์เซเดส เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบครบวงจรให้แก่ผู้จำหน่าย อย่างเป็นทางการของบริษัทเมอร์เซเดส เบนซ์ (ประเทศไทย) และลูกค้ารายย่อย พร้อมทั้งโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษสุดสำหรับลูกค้าของเมอร์เซเดส เบนซ์ เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นพัฒนาบริการหลังการขายให้ดีที่สุดและต่อเนื่อง ด้วยการจัดกิจกรรมเวิร์คชอปเพื่อพัฒนาบุคคลากรด้านการช่างเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลลูกค้าให้แก่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ของเมอร์เซเดส เบนซ์ ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันเรามีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ 31 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 16 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 15 แห่งในต่างจังหวัด และมีแผนที่จะเปิดโชว์รูมเพิ่มอีก 5 แห่ง ภายในปี 2560
ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2558 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จด้วยการสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 โดยยอดขายทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ตลอด ทั้งปีอยู่ที่ 12,776 คัน เติบโต 12.78% (2557: 11,328 คัน) ในขณะที่ยอดขายเฉพาะรถยนต์ นั่งส่วนบุคคลมียอดขายโดยรวมทั้งปีอยู่ที่ 12,671 คัน ยอดขายในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,761 คัน เติบโต 47.10% (ธันวาคม 2557: 1,877 คัน) และยอดขายในไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 4,775 คัน ทั้งนี้ ถือเป็นยอดขายสูงสุด ในประวัติศาสตร์ และยังครองอันดับ 1 ในกลุ่มตลาดรถหรูต่อเนื่องเป็น ปีที่ 15 อีกด้วย
“ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยในปี 2558 บริษัทฯ ได้เปิดตัวรถยนต์ทั้งสิ้น 21 รุ่น ครอบคลุมใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม Compact Car ทั้งหมด 7 รุ่น เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ กลุ่ Contemporary Luxury ทั้งหมด 7 รุ่น โดยมีรุ่นไฮไลท์คือ C 300 BlueTEC HYBRID ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปิดสายการผลิตในประเทศเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และกลุ่ม Dream Car จำนวน 7 รุ่น โดยมีรุ่นพิเศษ 2 รุ่น คือ Mercedes-AMG GT S และ Mercedes-Maybach เป็นต้น
มาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับแนวทางการทำการตลาดของบริษัทฯ ในปี 2559 บริษัทฯ วางแผนที่จะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “THE BEST” สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะสานต่อการนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้า โดยในด้านผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ ได้เตรียมนำผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในเชิงนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงระบบความปลอดภัยในการขับขี่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ในรุ่น The S 500 e และ The C 350 e ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ปล่อยพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังวางแผนการเปิดตัวรถยนต์อีกกว่า 20 รุ่น ควบคู่กับกิจกรรมทดสอบรถยนต์เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงการร่วมงานแสดง ยนตรกรรมทั้ง Bangkok International Motor Show และ Motor Expo”
นอกจากนี้เรายังเน้นการทำกิจกรรมการตลาดบนสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คที่ตอนนี้มีผู้ติดตามแล้วกว่า 513,613 คน และอินสตราแกรม ด้วยจำนวนผู้ติดตามกว่า 53,400 คน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ในส่วนกิจกรรมซีอาร์เอ็ม เรายังคงมอบกิจกรรมสุดพิเศษให้กับลูกค้า และสมาชิก MercedesCard ภายใต้คอนเซปต์ “Best Customer Experience” เพื่อมอบเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุด ครอบคลุมในทุกความต้องการของลูกค้า เช่น กิจกรรมเวิร์คชอปร่วมกับแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ชมพู่ - อารยา เอ. ฮาร์เก็ต และกิจกรรมภายใต้แคมเปญฟุตบอลยูโร 2016 รวมถึงการแข่งขัน MercedesTrophy ที่จัดต่อเนื่องมากว่า 17 ปีแล้ว เป็นต้น
พร้อมกันนี้ในด้านบริการหลังการขาย บริษัทฯ ชูจุดเด่นด้านบริการหลังการขายตั้งแต่ การซ่อมบำรุง ดูแลรักษา และจำหน่ายอะไหล่แท้ที่มีคุณภาพ พร้อมโปรแกรมบริการหลังการขายที่หลากหลาย เช่น “My Privileges. My Service” โปรแกรมที่ยกระดับบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น เช่น เลาจน์รับรองลูกค้า บริการที่รวดเร็วทันใจ การเตรียมรถสำรองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกบริการที่ตรงตามความต้องการ รวมถึงการพัฒนา Mercedes-Benz Service Application ระบบการจองเข้ารับบริการในรูปแบบออนไลน์เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการบริการตลอด 24 ชั่วโมง
อีกทั้งแคมเปญพิเศษที่เราได้ร่วมมือกับ บริษัท เมอร์เซเดส เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบครบวงจรให้แก่ผู้จำหน่าย อย่างเป็นทางการของบริษัทเมอร์เซเดส เบนซ์ (ประเทศไทย) และลูกค้ารายย่อย พร้อมทั้งโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษสุดสำหรับลูกค้าของเมอร์เซเดส เบนซ์ เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นพัฒนาบริการหลังการขายให้ดีที่สุดและต่อเนื่อง ด้วยการจัดกิจกรรมเวิร์คชอปเพื่อพัฒนาบุคคลากรด้านการช่างเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลลูกค้าให้แก่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ของเมอร์เซเดส เบนซ์ ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันเรามีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ 31 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 16 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 15 แห่งในต่างจังหวัด และมีแผนที่จะเปิดโชว์รูมเพิ่มอีก 5 แห่ง ภายในปี 2560