บททดสอบอาทิตย์นี้ เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ขอนำเสนอรถแบรนด์อังกฤษ “เอ็มจี” กับรถ เอ็มจี 5 โดยเจ้าของแบรนด์เชื้อเชิญให้บินไปเริ่มต้นขับที่ จ.สุราษฎร์ธานี และมุ่งหน้าสู่ภูเก็ต รวมระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีการขับขี่หลากหลาย ทั้งในเมือง นอกเมือง บวกกับเส้นทางคดเคี้ยวและขึ้นลงเนินเขาสูงชัน .... น่าจะเป็นบทพิสูจน์ เอ็มจี 5 ได้เป็นอย่างดี
เรามาเริ่มจากจุดเด่นของ เอ็มจี 5 ที่ผู้บริหารบอกกล่าวไว้มีอยู่ 5 หัวข้อ คือ 1.รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่...ซึ่งก็เป็นคำกล่าวที่ไม่น่าเกินจริง เพราะว่าจากที่สำรวจดูหน้าดี ใช้ได้ ถือว่าหล่อเอาการอยู่ เส้นสายที่เฉียบคมแนวสปอร์ตบนตัวรถทำให้ดูเด่น สะดุดตา มาแต่ไกล สำหรับผู้เขียน หน้าตาผ่าน ...ชอบ
เรื่องที่สอง พื้นที่ห้องโดยสาร มีขนาดใหญ่ กว้างขวาง นั่งสบาย ..ตรงนี้ก็ยอมรับว่าจริง เนื่องจากมิติตัวถังที่ใหญ่ ทำให้ภายในห้องโดยสารใหญ่ตามไปด้วย จากการเข้าไปนั่งสัมผัส รู้สึกได้เลยว่ากว้างมาก น่าจะกว้างที่สุดหากเทียบกับคู่แข่งในเซกเมนต์นี้ การเข้าออกลุก-นั่งสบาย แม้วัสดุภายในบางชิ้นอาจดูด้อยคุณภาพไปนิดหากเทียบกับรถญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง แสดงภาพกล้องมองหลัง เชื่อต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ ช่องต่อ AUX USB จัดมาครบครัน
เรื่องที่สาม ถือว่าสำคัญมาก และเป็นจุดเด่นของ เอ็มจี 5 เลยก็ว่าได้ เพราะแบรนด์หลักในตลาด ณ ขณะนี้ ยังไม่มีเจ้าไหนที่นำเครื่องเทอร์โบมาลงในรถเซกเมนต์นี้ บวกกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1500 ซีซี เทอร์โบ 129 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 2,000-4,400 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทางเอ็มจีบอกว่า มีพละกำลังเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 1800 -2000 ซีซี กันเลยทีเดียว
และจากลองขับต้องยอมรับว่า พละกำลังที่ได้สัมผัส เหมือนไม่ใช่เครื่อง 1500 ซีซี เลย สามารถตอบสนองได้ดี ไม่ผิดหวัง อัตราเร่งในช่วงต้นมาอย่างรวดเร็วทันใจ หรือการเร่งแซงคันหน้าก็ทำได้แบบหายห่วงไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยใจ บวกกับน้ำหนักพวงมาลัยก็กำลังดี นิ่งในขณะที่ใช้ความเร็วสูง ส่วนช่วงล่างทั้งหนึบ แน่น เกาะถนน ขับแล้วมั่นใจ ทั้งนี้เป็นเพราะช่วงล่างถูกเซ็ตแบบยุโรป European Tuning Suspension กลายเป็นข้อดีและจุดเด่นไปโดยปริยาย แต่ก็ต้องแลกกับความนุ่มนวลที่หายไปนะครับ
สลับมาลองขับรุ่นไม่เทอร์โบกันบ้าง ตัวนี้มากลับ 106 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด สามารถทำความเร็วได้แบบสบาย ๆ ไม่จิ๊ดจ๊าดเหมือนเทอร์โบ อัตราเร่งช่วงต้นๆ อาจจะไม่ทันใจบ้าง แต่เมื่อไต่ระดับความเร็วสูงขึ้นกำลังก็ค่อย ๆ ไหลลื่นมาเรื่อย ๆ ไม่ถึงกับอืดอาดสักเท่าไร พอขับได้แบบไม่เร่งรีบ ชิล ชิล เน้นการใช้งานในเมือง แต่นอกเมืองก็ไปได้
แต่ถ้าให้เลือกขอเป็นเทอร์โบน่าจะดีกว่า แต่ขอเลือกต้องรองท็อป เพราะไม่อยากเสียเงินเพิ่มอีก 4 หมื่นบาท เพื่อแลกกับหลังคาซันรูฟ ถึงอย่างไรคงไม่ได้ใช่อยู่แล้ว
และอีกจุดเด่นหนึ่งคือ “Inkanet” นวัตกรรมระบบสื่อสารระหว่างคนกับรถผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย โดยเอ็มจีมีให้กับรถทุกรุ่น ขณะที่คู่แข่งบางรายมีเฉพาะตัวท็อป ถือว่าใจปั้มพอสมควร ระบบนี้ ประกอบด้วย 7 ฟังก์ชั่นหลัก ได้แก่ ฟังก์ชั่นแจ้งเตือนความผิดปกติ, ฟังชั่นระบบนำทาง, ฟังก์ชั่นระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ ,ฟังก์ชั่นแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถ ,ฟังก์ชั่นระบบเลขาฯส่วนตัว และฟังก์ชั่นวางแผนการเดินทาง ...แน่นอนเจ้าของรถสามารถสื่อสารกับรถยนต์โดยผ่านระบบดังกล่าว
สุดท้ายระบบความปลอดภัย รุ่นนี้ใส่มาเต็มพิกัด ด้วย 9 Integrated Active Safety Systems ซึ่งถือว่าครบครันในเรื่องความปลอดภัยมากที่สุด
ถึงบรรทัดนี้ขอบอกว่า จุดเด่น 5 หัวข้อ ของเอ็มจี 5 ถือว่าผ่าน สำหรับรถระดับนี้ ทั้งรูปร่างหน้าตา มิติตัวถังที่ใหญ่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก-ความปลอดภัย รวมถึง “Inkanet” แต่ขอแนะนำไหน ๆ จะซื้อก็เลือกตัวเทอร์โบเลยดีกว่า รับรองไม่ผิดหวัง
ทั้งนี้ NEW MG5 ประกอบด้วย 4 รุ่นย่อยและราคา ดังนี้
NEW MG5 1.5 ลิตร รุ่น D649,000 บาท
NEW MG5 1.5 ลิตร รุ่น X Sunroof699,000 บาท
NEW MG5 TURBO 1.5 ลิตร รุ่น D719,000 บาท
NEW MG5 TURBO 1.5 ลิตร รุ่น X Sunroof759,000 บาท