xs
xsm
sm
md
lg

เบนซ์กระหน่ำรถใหม่...ประเดิม9รุ่น “อี-คลาส”นำทัพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าพ่อรถหรูเมืองไทย ประกาศใส่เกียร์เดินหน้าพร้อมวิ่งด้วยความเร็วเกิน 200 กม./ชม.โดยไม่มีการแตะเบรก หลังปิดยอดขายในปี 2558 ด้วยตัวเลข 12,776 คัน เติบโต 14% เมื่อเทียบกับปี 2557 แน่นอนว่าความสำเร็จนี้ มาจากทุกสรรพกำลังที่ระดมลงไปทั้ง การขาย การตลาด การบริการหลังการขาย ที่พยายามยกระดับศักยภาพ หาลูกเล่นใหม่ๆมาพัฒนาให้ทันกับโปรดักต์ที่ทยอยเปิดตัวแบบไม่ขาดสาย
ไมเคิล เกรเว่
มาร์ติน ชูลซ์
ปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย นำโดย “ไมเคิล เกรเว่” และ “มาร์ติน ชูลซ์” นายใหญ่จากเยอรมัน ยังประกาศชัดเจนว่ายอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะต้องเติบโตต่อไปและไม่ยอมเสียส่วนแบ่งการตลาดระดับ 50-55% ไปให้ใคร (บีเอ็มดับเบิลยู มินิ วอลโว่ เลกซัส) นอกจากการเตรียมแผนงานในทุกระดับชั้นอย่างเข้มข้นแล้ว ในส่วนโปรดักต์ใหม่ก็เตรียมทยอยเปิดตัวสนับสนุนการขายอย่างเต็มที่

“เราจะไม่ยอมเสียส่วนแบ่งการตลาดไปให้ใคร และยอดขายยังต้องโตต่อไปอีกด้วย เพราะปีนี้เราเตรียมรถยนต์รุ่นใหม่อีกกว่า 20 รุ่น ในจำนวนนี้ 3 รุ่นเป็นรถที่ไม่เคยมีในตลาดมาก่อน” ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

โดยสองรุ่นแรกเปิดตัวประเดิมตั้งแต่ต้นปี แถมยังให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับทันทีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือซี-คลาส C350 e และ เอส-คลาส S500 e ปลั๊กอินไฮบริด

สำหรับ S500 e วางเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ EV ได้ไกล 31 กิโลเมตร
S500 e ปลั๊กอินไฮบริด
C350 e ปลั๊กอินไฮบริด
ส่วน C350 e ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆได้ 33 กิโลเมตร

ทั้งสองรุ่นเป็นการประกอบในประเทศ และจะเริ่มเข้ามาทำตลาดแทนรุ่น BlueTec Hybrid (เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร กับ มอเตอร์ไฟฟ้า) โดย S500 e ราคาเริ่มต้น 6.39 ล้านบาท และ C350 e เริ่มต้น 2.99 ล้านบาท

ทีเด็ดถัดไปเมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่รอช้า เตรียมจัดงานเปิดตัว “ซี-คลาส คูเป้” ในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์นี้
C-Class Coupe

โดยตัวถังล่าสุดของซี-คลาส ยังเน้นเส้นสายความสปอร์ตมาพร้อมขนาดตัวถังใหญ่กว่าเดิม ทั้งความยาวเพิ่ม 95 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่ม 80 มิลลิเมตร ความกว้างขยายอีก 40 มิลลิเมตร ในรุ่นเริ่มต้น C180 มากับเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร เทอร์โบ 156 แรงม้า และ C200 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 184 แรงม้า

นอกจากนี้ ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2016 ปลายเดือนมีนาคมที่กำลังจะถึง เจ้าพ่อรถหรูเตรียมอาวุธหนักอย่าง “อี-คลาส โฉมใหม่” W213 ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆในงานดีทรอยต์ ออโต้โชว์ 2016 เดือนมกราคมที่ผ่านมา
E-Class

อี-คลาส โมเดลเชนจ์ ถูกพัฒนาบนพื้นตัวถังรุ่นใหม่ MRA พร้อมความยาวตัวถังและระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น เวอร์ชั่นขายในยุโรปจะเริ่มกับรหัส E200 เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร และ E220d ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ

สำหรับเมืองไทย อี-คลาส โฉมใหม่ จะทำตลาดรุ่นนำเข้าทั้งคันก่อน ส่วนรุ่นประกอบในประเทศคงต้องรอปลายปีนี้เป็นอย่างเร็ว และรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด E350 e จะตามมาเหมือน ซี-คลาส และ เอส-คลาส แน่นอน

อีกรุ่นเป็นความแรงรุ่นเล็ก “เอ 45 เอเอ็มจี เฟซลิฟท์” เป็นการปรับโฉมตาม “เอ-คลาส เฟซลิฟท์” ที่เปิดตัวไปก่อนที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 ปลายปีที่แล้ว ซึ่งความแรงระดับ 381 แรงม้า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 Matic การันตีความโหดได้เป็นอย่างดี
A45 AMG

V-Class

ด้านรถตู้อเนกประสงค์ “วีโต้” ได้ฤกษ์ลุยตลาดเสียที หลังทิ้งระยะจาก “วี-คลาส โฉมใหม่” ที่เปิดตัวในยุโรปมาตั้งแต่ปี 2014 โดยมาร์ติน ชูลซ์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยอมรับว่า ใช้เวลานานกว่าจะนำวีโต้ ใหม่ เข้ามาขาย เพราะตลาดรถตู้หรูในเมืองไทยถือเป็นอีกหนึ่งงานหิน โดยเฉพาะอุปกรณ์อำนวยความสะดวก-ความปลอดภัย ต้องดีเป็นที่ยอมรับและตอบสนองความต้องการลูกค้าคนไทยได้

ส่วนลูกค้าที่ยังนิยมเอสยูวีคันโตๆแบบฟูลไซส์ ปีนี้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ GL-Class ที่พอเป็นรุ่นปรับโฉมจะใช้ชื่อใหม่คือ GLS เพื่อสื่อสารไปในทิศทางเดียวกับเอสยูวีรุ่นอื่นๆ (GLA,GLC และ GLE)

โดย“จีแอลเอส เฟซลิฟท์” หรือเอส-คลาส ในแบบฉบับเอสยูวี จะมีทั้งความหรูและฟีเจอร์ภายในทุกอย่างเหมือนเอส-คลาส ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในระดับสูงสุด
GLS

นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังปูพรมรถระดับไฮเอนด์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ขอต้อนรับการมาของ “เอส-คลาส คาบริโอเลต” หรือตัวถังเปิดประทุน

โดยตัวรถพัฒนามาจากเอส-คลาส คูเป้ (ราคา 15.49 ล้านบาท) ที่เปิดตัวในบ้านเราเมื่อปีที่แล้ว โดยรุ่นที่ทำตลาดในเมืองไทย น่าจะเป็น S500 Cabrio วางขุมพลัง วี8 4.7 ลิตร เทอร์โบคู่ 455 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
S-Class Cabriolet

ต่อเนื่องอีกรุ่นกับรถยนต์แบบเปิดหลังคาตัวท็อประดับตำนานของค่ายตราดาว นั่นคือ “เอสแอล” ที่เตรียมปล่อยรุ่นเฟซลิฟท์ลุยตลาดไทยเช่นกัน หลังเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ แอลเอ ออโต้โชว์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปีที่แล้ว

ด้วยรูปแบบของตัวถังโรดสเตอร์ 2 ที่นั่ง เปิดประทุนสุดคลาสสิก แต่ใต้ฝากระโปรงหน้าบรรจุเครื่องยนต์ที่เปี่ยมด้วยพละกำลัง อย่าง SL400 เครื่องยนต์ วี6 3.5 ลิตร 367 แรงม้า (เพิ่ม 35 แรงม้า) แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร (เพิ่ม 20 นิวตัน-เมตร) และ SL500 วี8 4.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 455 แรงม้า ทั้งสองรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ในขณะที่เมืองนอกยังมีความโหดจากรหัส AMG ตัวท็อปที่วางเครื่องยนต์ วี12 ขนาด 6.0 ลิตร 630 แรงม้า เป็นทางเลือกของเศรษฐีเท้าหนักอีกด้วย

...นี่เป็นเพียงแผนงานโปรดักต์บางส่วนที่ถูกแย้มออกมา เพราะท่านประธาน “ไมเคิล เกรเว่” ย้ำหนักแน่นว่า ปีนี้เตรียมเปิดตัวรถใหม่ไม่น้อยกว่า 20 รุ่น ในจำนวนนี้ 3 รุ่นเป็นรถยนต์ที่ไม่เคยมีทำตลาดมาก่อน ซึ่ง “เอส-คลาส คาบริโอเลต” คือหนึ่งในนั้น ส่วนอีกสองรุ่นใหม่ต้องติดตามดูว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะมาไม้ไหน?
SL


กำลังโหลดความคิดเห็น