ไม่ใช่มีแค่กระแสความนิยมบิ๊กไบค์เท่านั้นที่กำลังมาแรง สองล้อสไตล์สปอร์ตในกลุ่มรถเล็กก็เช่นกัน
แม้ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในปีที่ผ่านมาจะหดตัวลงบ้างเล็กน้อยก็ตาม แต่หากสังเกตุที่สัดส่วนประเภทรถสปอร์ตนั้นกลับเพิ่มสูงขึ้น จากเดิม 8% ในปี 2557 และมีแนวโน้มถึง 12% ในปี 2558 โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะวงการมอเตอร์สปอร์ตในบ้านเรากำลังบูม รวมถึงแทบทุกยี่ห้อต่างพร้อมใจโหมทำตลาดและขยันส่งโมเดลใหม่รุกเซกเม้นท์นี้มากเป็นพิเศษ
แน่นอนหนึ่งในค่ายยักษ์ใหญ่อย่างยามาฮ่าที่ภาพลักษณ์ด้านมอเตอร์สปอร์ตก็แข็งแกร่งไม่เป็นรองใคร ในส่วนของผลิตภัณฑ์กลุ่มสปอร์ตฟูลแฟริ่งมีตระกูลอาร์ซีรีย์เป็นตัวชูโรง ขณะที่กลุ่มสปอร์ตเน็กเก็ตใช้เอ็มทีซีรีย์เจาะนักบิดผู้ต้องการรถที่มีความคล่องตัว เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก
โดยโมเดลล่าสุดของยามาฮ่าประเภทเน็กเก็ตไบค์ที่เพิ่งแจ้งเกิดเป็นครั้งแรกของโลกในเมืองไทย เชื่อว่านาทีนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของ “เอ็ม-สแลซ” (M-SLAZ) ตัวเลือกน้องใหม่ที่มาพร้อมความสำเร็จจากตัวเลขยอดจองถล่มทลายหลังเปิดตัว ซึ่งต้องยอมรับว่านอกจากความร้อนแรงของตัวผลิตภัณฑ์เองแล้ว ค่ายส้อมเสียงยังใช้กลยุทธ์กระจายข่าวผ่านโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียกกระแสความสนใจจากเหล่าไบค์เกอร์ได้แรงต่อเนื่องข้ามปีเลยทีเดียว
ขณะที่การจัดกิจกรรมทดสอบก็มีนัยสำคัญหวังใช้เป็นการจุดระเบิดข่าวสารเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ โดยพุ่งเป้าไปตามหัวเมืองใหญ่เริ่มทริปแรกในจังหวัดขอนแก่น และต่อด้วยจังหวัดภูเก็ตเป็นแห่งที่สอง ซึ่งทริปหลังนี้ “MGR Motoring” มีโอกาสได้เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมลิ้มลองสมรรถนะในรูปแบบทัวริ่งรอบเกาะไข่มุกแห่งอันดามันด้วย
สัมผัสแรกว่ากันที่รูปร่างหน้าตา ค่ายส้อมเสียงกล้าที่จะออกแบบให้มีความแตกต่างอย่างโดดเด่น เพราะไม่ใช่แค่การจับรุ่นสปอร์ตอาร์15 มาเปลื้องผ้าแล้วบอกว่านี่คือสปอร์ตเน็กเก็ตรุ่นใหม่เท่านั้น แต่มันคือการดีไซน์รถอีกคันหนึ่งหรืออาจจะเรียกว่าใหม่เกือบทั้งคันก็ว่าได้
และนอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตาแล้ว ยังใจถึงอัดออฟชั่นติดรถแบบไม่เกรงใจคู่แข่ง อาทิ โช้กอัพหน้าอัพไซด์ดาวน์ เรือนวัดความเร็วดิจิตอลเต็มรูปแบบ สวิซต์สตาร์ทเครื่องยนต์แบบเดียวกับรุ่นใหญ่ในค่าย สวิงอาร์มหลังอลูมิเนียม ไฟหน้า-ท้าย แบบฟูลแอลอีดี เป็นต้น
ขณะเดียวกันโมเดลน้องใหม่ที่กล้าคิดกล้าทำรุ่นนี้ ยังเป็นผลงานจาก R&D ฝีมือคนไทยอีกด้วย
มาว่ากันต่อที่สรีระท่านั่งหลังตรง แฮนด์กว้างทรงต่ำความสูงพอเหมาะ นั่งสบายควบคุมง่าย มีความคล่องตัว และถ้าต้องการเพิ่มการบังคับที่กระชับและมั่นคงยิ่งขึ้น ควรงอช่วงแขนและกางข้อศอกเล็กน้อย โดยรวมท่านั่งคล้ายคลึงกับเน็กเก็ตไบค์ไซส์เล็กของค่ายสีส้มสัญชาติออสเตรีย
สำหรับการขับขี่ หลังจากตะลุยรอบเกาะภูเก็ต ขี่วนไปเวียนมาทั้งในและนอกเมืองเป็นระยะทางรวมเกือบ 200 กิโลเมตร ความโดดเด่นของเอ็ม-สแลซ อยู่ที่ความคล่องตัว เล่นโค้งได้อย่างสนุก จังหวะเบรกหรือชะลอความเร็ว สามารถควบคุมระยะได้แม่นยำ ด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 135 กิโลกรัม ทำให้การพลิกรถบังคับเลี้ยวทำได้ไหลลื่น ไม่รู้สึกอึดอัดแม้ต้องฝ่าช่วงการจราจรที่หนาแน่น ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้ระบบช่วงล่างด้วย เพราะทำหน้าที่ยึดเกาะถนนได้อย่างไร้ที่ติ และถือเป็นจุดขายที่สำคัญที่สุดของโมเดลนี้ก็ว่าได้
ส่วนขุมพลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 149 ซีซี. สูบเดียว SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด (บล็อกเดียวกับ อาร์15) อัตราเร่งไม่ถึงกับจัดจ้านแต่ก็เพียงพอและเหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หากต้องการความเร้าใจเพิ่มขึ้น การขี่แบบเค้นรอบสูงตลอดเวลาก็สามารถตอบสนองได้ ขณะที่ความเร็วปลาย แม้ไม่ได้ทดลองทำท็อปสปีดอย่างจริงจัง แต่ตัวเลขแตะระดับ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็แสดงออกมาให้เห็นโดยไม่ต้องรอนานนัก
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่ขัดใจเล็กน้อยเมื่อช่วงเปลี่ยนเกียร์เติมคันเร่ง รู้สึกถึงรอบเครื่องยนต์ที่พุ่งสูงขึ้นมาแล้ว แต่การทำหน้าที่ของระบบคลัทช์ในการส่งกำลังยังตอบสนองช้าไปนิด ไม่ได้ตั้งใจจับผิดแต่ขณะขับขี่สัมผัสได้จริงๆ
สำหรับการพิสูจน์สมรรถนะยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ สนนราคา 89,500 บาท หากอธิบายให้เห็นภาพโดยรวม น่าจะคล้ายน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ หน้าตาสดใสชวนมอง มาพร้อมบุคลิกกวนๆ แสบๆ มันๆ มีความสนุกอยู่ในตัว และที่สำคัญยังเป็นมิตรกับทุกคน ผู้หญิงขี่ได้ ผู้ชายขี่เท่
ใครรู้ตัวว่าคาแรคเตอร์ของตัวเองเป็นแบบนี้ คงไม่ต้องตัดสินใจนาน
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring