AMATA คาดกำไรปี 58 มากกว่าปีก่อนจากรายได้อื่น แม้ยอดขายลด พร้อมมองแนวโน้ม ศก.ไทย ในปี 59 น่าจะดีกว่าปีนี้ จากการที่รัฐบาลมีนโยบายเชิงรุกผลักดันการลงทุนต่างๆ และการสร้างผลประโยชน์ให้แก่นักลงทุน เพื่อให้เกิดการลงทุนในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อน ศก.ไทย โดยในอนาคตข้าง มั่นใจว่า ศก.ไทย น่าจะเติบโตได้อย่างน้อย 6%
นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่มีกำไร 2.22 พันล้านบาท แม้ว่ารายได้จากการขายที่ดินจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1,000 ไร่ แต่บริษัทมีรายได้จากบริษัทย่อยที่เป็นรายได้ประจำเข้ามา (Recurring Income) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 30 บริษัท และอนาคตจะเพิ่มเป็น 50 บริษัท
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านการพัฒนาและขายที่ดิน ซึ่งความต้องการที่ดินมีความผันผวนค่อนข้างมาก หลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการในการลงทุน อีกทั้งในอนาคตบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มากกว่ารายได้จากการขายที่ดิน จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากการขายที่ดินมากกว่ารายได้ประจำเล็กน้อย
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 59 คาดว่าจะดีกว่าปีนี้ จากการที่รัฐบาลมีนโยบายเชิงรุกผลักดันการลงทุนต่างๆ และการสร้างผลประโยชน์ให้แก่นักลงทุนเพื่อให้เกิดการลงทุนในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
โดยในอนาคตข้างหน้า มองว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้อย่างน้อย 6% และมีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% ซึ่งเป็นระดับที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งการปรับตัวของประเทศไทยควรจะมีการเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการพัฒนาระบะเทคโนโลยี (IT) ที่ทันสมัยเพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการ รวมไปถึงสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อบ้าน เนื่องจากปัจจุบันค่าแรงของประเทศไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านบางแห่งกว่า 3 เท่า
“การพัฒนาในส่วน R&D และ IT ทั้ง 2 ด้านน่าจะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความสนใจ และเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่นเดียวกับประเทศเวียดนาม และจะส่งผลไปถึงการส่งออกน่าจะสูงขึ้นจากปีนี้ที่ติดลบ” นายวิกรม กล่าวสรุป
