ดูเหมือนว่าช่วงนี้จัดการปรับทัพรถยนต์ในโชว์รูมกันใหม่ และสร้างความชัดเจนในแง่ของกลุ่มตลาด ด้วยการใช้ชื่อรุ่นเป็นตัวบอก ซึ่งนอกจาก S-Class และ M-Class ที่โดนผลกระทบไปแล้ว โรดสเตอร์รุ่นเล็ก อย่าง SLK ก็โดนไปกับเขาด้วย เพราะในรุ่นปรับโฉมที่เปิดตัวออกมาเมื่อไม่นานนี้ โดยเปลี่ยนมาใช้ชื่อ SLC
ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะอย่างที่บอก Mercedes-Benz พยายามทำให้รถยนต์ ทุกตัวถังที่มีอยู่ในตลาดถูกจัดกลุ่มให้มีความชัดเจน โดยอ้างอิง 4 ระดับตลาดหลักคือ A-Class C-Class E-Class และ S-Class ซึ่งในกรณีของ SLK นั่น Benz มองว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับ C-Class ก็เลยต้องเปลี่ยน ชื่อมาเป็น SLC โดย SL คือ รถสปอร์ตที่มีน้ำหนักเบา หรือ Sport Light ส่วน C คือ C-Class นั่นเอง
สำหรับการปรับทั้งโฉมและชื่อในครั้งนี้ ไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนรหัสตัวถังเป็น R173 แทนที่ R172 ซึ่งเปิดตัวมาเมื่อปี 2011 แต่ถ้าจะนั่งจ้องกันจริง นี่เป็นแค่การปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์จาก R172 ไม่ถึงกับเป็นโมเดลเชนจ์ เพียงแต่ Benz อาศัยจังหวะนี้เปลี่ยนทั้งชื่อและรหัสตัวถังไปเลย
ภาพลักษณ์โดยรวมถึงตัวรถทั้งภายนอกและภายในยังอ้างอิงอยู่กับรหัส R172 แต่มีการเปลี่ยน รายละเอียดบางจุดเช่น กันชนหน้าพร้อมกระจังหน้า ฝากระโปรงหน้า ซึ่งมีเส้น V-Shape ที่แตกต่างออกไป ไปท้ายที่ดูสวยและสปอร์ตขึ้น ส่วนภายในห้องโดยสารยังยึดรูปแบบของแผงหน้าปัด และมาตรวัดแบบเดิม แต่มีการตกแต่งด้วยวัสดุที่แตกต่างออกไป
ทางเลือกของเครื่องยนต์ที่ทำตลาดจะเริ่มกับรุ่น SLC180 แบบ 4 สูบ 1,600 ซีซี เทอร์โบ 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ใช้เวลา 7.9 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วปลาย 226 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามด้วย SLC200 เครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบเหมือนกัน แต่ขยับความจุเป็น 2,000 ซีซี มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้่า แรงบิดสูงสุด 30.6 กก.-ม. สมรรถนะอยู่ที่ 7 วินาที และ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง และรุ่น SLC300 เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบเหมือนกันแต่เป็น Di ขยับกำลังเป็น 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.9 กก.-ม. สมรรถนะ 5.8 วินาที และความเร็วปลาย 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง และรุ่นเทอร์โบดีเซล SLC250CDI แบบ 4 สูบ 2,000 ซีซี 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 39 กก.-ม. มีสมรรถนะ 6.6 วินาที และ 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง
รุ่นท็อปเป็นตัวแรง AMG ในรหัส SL43AMG ใช้เครื่องยนต์เบนซินวี6 3,000 ซีซี เทอร์โบคู่ 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 92 กก.-ม. มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เฉพาะ SLC180 และ SLC200 ติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะมาจากโรงงาน ที่เหลือใช้เกียร์ 9G Tronic แบบอัตโนมัติ 9 จังหวะ แต่ 2 รุ่นพื้นฐานถ้าอยากขับสบายด้วยเกียร์อัตโนมัติ ก็สามารถทำได้ แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพราะเป็นออพชั่น
รอกันอีกสักนิด เพราะแม้จะเปิดตัวให้เห็นคันจริงแล้ว แต่การส่งมอบรถล็อตแรกจะยังไม่มีทันที ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคม 2016 โน่นเลย
ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะอย่างที่บอก Mercedes-Benz พยายามทำให้รถยนต์ ทุกตัวถังที่มีอยู่ในตลาดถูกจัดกลุ่มให้มีความชัดเจน โดยอ้างอิง 4 ระดับตลาดหลักคือ A-Class C-Class E-Class และ S-Class ซึ่งในกรณีของ SLK นั่น Benz มองว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับ C-Class ก็เลยต้องเปลี่ยน ชื่อมาเป็น SLC โดย SL คือ รถสปอร์ตที่มีน้ำหนักเบา หรือ Sport Light ส่วน C คือ C-Class นั่นเอง
สำหรับการปรับทั้งโฉมและชื่อในครั้งนี้ ไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนรหัสตัวถังเป็น R173 แทนที่ R172 ซึ่งเปิดตัวมาเมื่อปี 2011 แต่ถ้าจะนั่งจ้องกันจริง นี่เป็นแค่การปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์จาก R172 ไม่ถึงกับเป็นโมเดลเชนจ์ เพียงแต่ Benz อาศัยจังหวะนี้เปลี่ยนทั้งชื่อและรหัสตัวถังไปเลย
ภาพลักษณ์โดยรวมถึงตัวรถทั้งภายนอกและภายในยังอ้างอิงอยู่กับรหัส R172 แต่มีการเปลี่ยน รายละเอียดบางจุดเช่น กันชนหน้าพร้อมกระจังหน้า ฝากระโปรงหน้า ซึ่งมีเส้น V-Shape ที่แตกต่างออกไป ไปท้ายที่ดูสวยและสปอร์ตขึ้น ส่วนภายในห้องโดยสารยังยึดรูปแบบของแผงหน้าปัด และมาตรวัดแบบเดิม แต่มีการตกแต่งด้วยวัสดุที่แตกต่างออกไป
ทางเลือกของเครื่องยนต์ที่ทำตลาดจะเริ่มกับรุ่น SLC180 แบบ 4 สูบ 1,600 ซีซี เทอร์โบ 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ใช้เวลา 7.9 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วปลาย 226 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามด้วย SLC200 เครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบเหมือนกัน แต่ขยับความจุเป็น 2,000 ซีซี มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้่า แรงบิดสูงสุด 30.6 กก.-ม. สมรรถนะอยู่ที่ 7 วินาที และ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง และรุ่น SLC300 เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบเหมือนกันแต่เป็น Di ขยับกำลังเป็น 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.9 กก.-ม. สมรรถนะ 5.8 วินาที และความเร็วปลาย 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง และรุ่นเทอร์โบดีเซล SLC250CDI แบบ 4 สูบ 2,000 ซีซี 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 39 กก.-ม. มีสมรรถนะ 6.6 วินาที และ 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง
รุ่นท็อปเป็นตัวแรง AMG ในรหัส SL43AMG ใช้เครื่องยนต์เบนซินวี6 3,000 ซีซี เทอร์โบคู่ 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 92 กก.-ม. มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เฉพาะ SLC180 และ SLC200 ติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะมาจากโรงงาน ที่เหลือใช้เกียร์ 9G Tronic แบบอัตโนมัติ 9 จังหวะ แต่ 2 รุ่นพื้นฐานถ้าอยากขับสบายด้วยเกียร์อัตโนมัติ ก็สามารถทำได้ แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพราะเป็นออพชั่น
รอกันอีกสักนิด เพราะแม้จะเปิดตัวให้เห็นคันจริงแล้ว แต่การส่งมอบรถล็อตแรกจะยังไม่มีทันที ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคม 2016 โน่นเลย
