แทบไม่มีข้อสงสัยแล้วละครับ สำหรับรถยนต์เจเนอเรชันใหม่ของมาสด้า ด้วยการออกแบบสไตล์“โคโดะ” ส่งให้รถมีเส้นสายลายสวยไปในทิศทางเดียวกัน และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ช่วยเปิดประสบการณ์การขับขี่ให้ต่างออกไปจากรถยนต์ญี่ปุ่นแบรนด์อื่นๆ(ไม่รวมปิกอัพที่พัฒนาร่วมกับฟอร์ด)
…ขับสนุก เครื่องยนต์เด่น เกียร์ดี ช่วงล่างการควบคุมยกระดับขึ้นไปเทียบกับพวกรถยุโรป แต่ยังจ่ายค่าตัวในราคารถตลาดทั่วไป แถมด้วยออปชันล้ำสมัยคอยช่วยอำนวยความสะดวกปลอดภัยอีกเพียบ
การทำตลาดในบ้านเรา ก็ไล่มาตั้งแต่ เอสยูวี ซีเอ็กซ์-5,คอมแพกต์คาร์ มาสด้า3,อีโคคาร์ มาสด้า2 ซึ่งรุ่นหลังนี้ราคาคุ้ม เมื่อเทียบกับกับสิ่งที่ได้รับ(ส่วนหนึ่งเพราะเสียภาษีต่ำ) ล่าสุดกับ“มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” เอสยูวี/ครอสโอเวอร์ ขนาดเล็กที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับมาสด้า2
“มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” เปิดตัววันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซปต์ “มองโลกมุมใหม่...อิสระไร้ขีดจำกัด” (คุ้นๆอย่างกับโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) ทำตลาดพร้อมสองทางเลือกเครื่องยนต์คือ เบนซินสกายแอคทีฟ-จี 2.0 ลิตร (บล็อกเดียวกับที่วางในมาสด้า 3 แต่ปรับจูนใหม่) แบ่งขาย 3 รุ่นย่อยราคา 8.35 แสนบาท - 1.045 ล้านบาท และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล สกายแอคทีฟ-ดี 1.5 ลิตร (บล็อกเดียวกับ มาสด้า2 ดีเซล) มีรุ่นย่อยเดียว ราคา 1.155 ล้านบาท
….ตรวจสอบยอดจองล่าสุดมีเข้ามาร่วม 2,000 คันแล้ว ในจำนวนนี้แบ่งเป็นสัดส่วนของรุ่นเครื่องยนต์เบนซินถึง 95% และหากใครกลัวว่าราคาปีหน้าจะแพงขึ้นจากโครงสร้างภาษีใหม่ มาสด้าบอกครับว่า จะพยายามยืนราคาเดิมไว้ให้นานที่สุด แม้ลูกค้าจะซื้อในปีหน้าก็ตาม
ในส่วนทริปการลองขับ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เลือกเส้นทางในจังหวัดเชียงใหม่ โดยวิ่งจากตัวเมืองไปดอยอินทนนท์ พร้อมเตรียมซีเอ็กซ์-3 รุ่นเครื่องยนต์เบนซินเอาไว้รวม 14 คันส่วนใหญ่เป็นตัวท็อป 2.0SP ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร ยังไม่มีให้ลองขับ เพราะตัวรถจะพร้อมเดือนมกราคมปีหน้า
สำหรับรุ่นท็อป 2.0SP และรองท็อป 2.0S ดูภายนอกแทบไม่รู้ถึงความแตกต่าง เพราะไม่มีสัญลักษณ์ใดๆบอก และใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วเหมือนกัน เช่นเดียวกับการตกแต่งภายใน ทั้งเบาะหนังดำตะเข็บแดง แผงคอนโซล และออปชันหลักๆ เพียงแต่สองรุ่นนี้จะมีข้อสังเกตคือ ชุดเซนเซอร์เรดาร์ที่ติดอยู่ตรงกลางด้านบนของกระจกบังลมหน้า ลักษณะคล้ายกล่องสีดำๆซ่อนอยู่หลังกระจกมองหลัง
โดยชุดเซนเซอร์ด้านหน้านี้จะเข้ามารองรับการทำงานของ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (ABSM) ทำงานบนความเร็ว 4-30 กม./ชม. รวมถึงระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ (HBC) และระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน(LDWS) กรณีขับบนความเร็วสูงระดับหนึ่งแล้ววิ่งคร่อมเลน จะมีเสียงเตือนดังออกมาจากลำโพงข้างที่ตัวรถเป๋ออกไป (เสียงจะดังตื่อๆคล้ายสายกราวด์เครื่องเสียงมีปัญหา) หวังเตือนระวังเผื่อผู้ขับหลับใน
เมื่อเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้ขับจัดท่านั่งให้ดี อารมณ์ที่ได้ไม่เหมือนพวกเอสยูวียกสูง ซึ่งดูจากกราวด์เคลียร์แลนซ์พบว่า ซีเอ็กซ์-3 นี่ต่ำสุดในบรรดาเอสยูวีรุ่นเริ่มต้น(Entry Level) นะครับ เพราะสูงแค่ 160 มม. ขณะที่ฮอนด้า เอชอาร์-วี 185 มม. นิสสัน จู๊ค 180 มม. ส่วนฟอร์ด เอคโคสปอร์ต ล่อไป 200 มม.
คอกพิตคนขับไม่ได้อึดอัด เพียงแต่มุมมองไม่สูงเหมือนรถเอสยูวีทั่วไป เสาเอ (A-Pillar) เหมือนจะขวางหางตาทางขวาเล็กๆ แต่ปรับตัวได้สักพักก็ไม่มีปัญหาอะไรกับทัศนวิสัยโดยรวม
ภายในห้องโดยสารดูสปอร์ตแฝงความทันสมัย มีจอใส Head up Display แสดงความเร็วของรถ (กม./ชม.) และระบบนำทางตั้งโด่อยู่หลังพวงมาลัย แยกส่วนกับจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมรองรับระบบนำทาง และปุ่มควบคุม Center Command บริเวนคอนโซลกลาง รวมถึงระบบ MZD Connect เชื่อมต่อโลกออนไลน์
การเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกถือว่าชนะเลิศ และน่าจะดีที่สุดในคลาส ซึ่งมาสด้าบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มฉนวนซับเสียงในหลายๆจุด (เมื่อเทียบกับมาสด้า 2)
ภายในห้องโดยสารเงียบจริงนะครับ ทั้งเวลารถจอดนิ่งๆติดเครื่องยนต์ (แต่การจราจรภายนอกจอแจ) และการขับขี่ในเมืองความเร็วต่ำ ส่วนการใช้ความเร็วสูงเกิน 120 กม./ชม. ก็มีเสียงลมปะทะ และเสียงเข่นคันเร่งเครื่องยนต์ให้ได้ยินอยู่บ้างเป็นปกติ
รุ่น 2.0 SP ใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว ประกบยางโตโยไทร์ 215/50 R18 การขับจริงไม่กระด้าง ช่วงล่างออกแนวหนึบแน่น การทรงตัวดี บวกกับการเซ็ทพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้าให้สอดคล้องกับการขับขี่ คือสบายในความเร็วต่ำ แต่ก็มั่นคงมั่นใจเมื่อขับบนความเร็วสูงเกิน 100 กม./ชม. การตอบสนองเป็นธรรมชาติ ทิศทางรถกับระยะสั่งงานซ้าย-ขวาแม่นยำตามการควบคุม
มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 เป็นรถที่ขับขี่คล่องตัว ทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการลดแรงเหวี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวคนขับและผู้โดยสาร เรียกว่า ขับเร็ว เข้าโค้ง ขึ้น-ลง สะพาน ตัวเราก็ไม่โยนโยกจนเวียนหัวเกินไป (พิสูจน์จากการขับขึ้น-ลงเขาและผ่านเป็นร้อยโค้งที่ดอยอินทนนท์)
ด้านเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 รอบต่อนาที และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ช่วยส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้าได้อย่างนุ่มนวล
แรงฉุดดึงของรถต่อการตอบสนองของคันเร่ง ไม่ถึงกับทะเยอทะยานจนน่ากลัว พลังจะออกแนวสุภาพ ปลดปล่อยแบบเนียนๆ แต่ถ้าต้องการเรียกใช้เมื่อไหร่ก็จัดให้เพียงพอในทุกย่านความเร็ว
…ดูจากตัวเลขประสิทธิผลแล้ว อัตราเร่ง ความเร็วไม่มีปัญหาครับ เพียงแต่จะบอกว่ามันไม่ได้จี๊ดจ๊าดขนาดนั้น!!!
ด้านอัตราบริโภคน้ำมัน ผู้เขียนลองวัดในช่วง 50-60 กิโลเมตรสุดท้าย ขากลับจากดอยอินทนนท์แล้ววิ่งเข้าเมือง บนความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. และมาชะลอความเร็วในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ สรุปได้ตัวเลข 6.2 ลิตรต่อ 100 กม. หรือประมาณ 16 กม./ลิตรครับ
โดยหนึ่งในตัวช่วยให้รถประหยัดน้ำมันและปล่อยไอเสียน้อยลงอย่าง i-stop ระบบดับเครื่องยนต์เวลารถหยุดนิ่ง(จอดติดไฟแดง) การขับในทริปนี้ทำงานให้เห็นบ่อย จังหวะดับและจังหวะสตาร์ทติดเครื่องยนต์อยู่ในเกณฑ์นุ่มนวล ไม่น่ารำคาญ
อย่างไรก็ตาม มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 เป็นเอสยูวีหรือครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด เน้นเรื่องสมรรถนะการขับขี่ เสถียรภาพการทรงตัวยอดเยี่ยม ดังนั้นต้องแลกมาด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร ซึ่งการนั่งเบาะแถวสองก็คล้ายๆ นิสสัน จู๊ค หรือ ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต ที่ไม่ได้กว้างขวาง ยืดขาได้เหยียดยาวนัก
เมื่อดูจากสัดส่วนตัวถังยาว 4,275 มิลลิเมตร ความสูง 1,550 มิลลิเมตร และการวางโครงสร้างต่างๆ ส่งผลให้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังค่อนข้างจำกัด แม้จะพับเบาะนั่งแถวสองลงมาแล้วก็ตาม (วางนอนจักรยานเสือหมอบไซส์ใหญ่ได้ แต่คงต้องถอดล้อ) ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ฮอนด้า เอชอาร์-วี กว้างขวางกว่า
วิศวกรของมาสด้าให้เหตุผลว่า การพัฒนาซีเอ็กซ์-3 มุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่คนรุ่นใหม่ มีความคิดนอกกรอบ เน้นการออกแบบโดดเด่นสวยงาม การขับขี่คล่องตัว (ตัวรถเลยเตี้ย ปราดเปรียว) ตอบสนองการใช้ชีวิตที่หลากหลาย และมองว่ารถระดับนี้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ดังกล่าวแล้ว
ส่วนใครอยากได้รถครอบครัว มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น (ตัวรถใหญ่กว่า) คงต้องมองไปที่ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 หรือ มาสด้า 3 น่าจะดีกว่า
รวบรัดตัดความ...แคมเปญการสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ ภายใต้สโลแกนใหม่ Feel the drive คงไม่ใช่การโฆษณากรอกหู หรือเพียงเอาใครที่ไหนมานั่งขับลมผสมจินตนาการ แต่วลีนี้มันสะท้อนออกมาเป็นสมรรถนะที่สมบูรณ์แบบ ของรถยนต์ทุกคันที่มาสด้าผลิตออกมาจริงๆ (ในรถยนต์เจเนอเรชันใหม่ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองครบยกเว้น มาสด้า6)
เช่นเดียวกับ ซีเอ็กซ์-3 แม้ใครจะว่าเล็กแคบ อรรถประโยชน์น้อย(เมื่อเทียบกับการเป็นเอสยูวี) มาสด้ายอมรับได้ครับ แต่ถ้าบอกว่า รถขับไม่ดี สมรรถนะไม่เร้าใจ...สงสัยต้องคุยกันยาว!!!
ดังนั้นเมื่อแนวคิดของการพัฒนารถเป็นแบบนี้ และราคาขายชนเต็มๆกับ “เอชอาร์-วี” จริงอยู่ที่ “ซีเอ็กซ์-3” เด่นเรื่องสมรรถนะการขับขี่และให้ออปชันคุ้มค่ามาเพียบ แต่เอสยูวีจากฮอนด้ายังได้เปรียบเรื่องความอเนกประสงค์ที่น่าจะตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ขณะเดียวกันยังมีทีเด็ดกับน้องใหม่ “บีอาร์-วี” ที่เตรียมเข้ามาขายประกบล่างอีกหนึ่งรุ่น(ขนาดตัวก็พอๆกับเอชอาร์-วี แต่วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร) น่าจะช่วยให้การทำตลาดของฮอนด้าชัดเจนกว่าพอสมควร
...เหมือนมาสด้า ถ้าไม่ซื้อน้อง 2 อีโคคาร์ ก็ซื้อ ซีเอ็กซ์-5 ไปเลย ว่ากันอย่างนั้น
…ขับสนุก เครื่องยนต์เด่น เกียร์ดี ช่วงล่างการควบคุมยกระดับขึ้นไปเทียบกับพวกรถยุโรป แต่ยังจ่ายค่าตัวในราคารถตลาดทั่วไป แถมด้วยออปชันล้ำสมัยคอยช่วยอำนวยความสะดวกปลอดภัยอีกเพียบ
การทำตลาดในบ้านเรา ก็ไล่มาตั้งแต่ เอสยูวี ซีเอ็กซ์-5,คอมแพกต์คาร์ มาสด้า3,อีโคคาร์ มาสด้า2 ซึ่งรุ่นหลังนี้ราคาคุ้ม เมื่อเทียบกับกับสิ่งที่ได้รับ(ส่วนหนึ่งเพราะเสียภาษีต่ำ) ล่าสุดกับ“มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” เอสยูวี/ครอสโอเวอร์ ขนาดเล็กที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับมาสด้า2
“มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” เปิดตัววันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซปต์ “มองโลกมุมใหม่...อิสระไร้ขีดจำกัด” (คุ้นๆอย่างกับโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) ทำตลาดพร้อมสองทางเลือกเครื่องยนต์คือ เบนซินสกายแอคทีฟ-จี 2.0 ลิตร (บล็อกเดียวกับที่วางในมาสด้า 3 แต่ปรับจูนใหม่) แบ่งขาย 3 รุ่นย่อยราคา 8.35 แสนบาท - 1.045 ล้านบาท และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล สกายแอคทีฟ-ดี 1.5 ลิตร (บล็อกเดียวกับ มาสด้า2 ดีเซล) มีรุ่นย่อยเดียว ราคา 1.155 ล้านบาท
….ตรวจสอบยอดจองล่าสุดมีเข้ามาร่วม 2,000 คันแล้ว ในจำนวนนี้แบ่งเป็นสัดส่วนของรุ่นเครื่องยนต์เบนซินถึง 95% และหากใครกลัวว่าราคาปีหน้าจะแพงขึ้นจากโครงสร้างภาษีใหม่ มาสด้าบอกครับว่า จะพยายามยืนราคาเดิมไว้ให้นานที่สุด แม้ลูกค้าจะซื้อในปีหน้าก็ตาม
ในส่วนทริปการลองขับ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เลือกเส้นทางในจังหวัดเชียงใหม่ โดยวิ่งจากตัวเมืองไปดอยอินทนนท์ พร้อมเตรียมซีเอ็กซ์-3 รุ่นเครื่องยนต์เบนซินเอาไว้รวม 14 คันส่วนใหญ่เป็นตัวท็อป 2.0SP ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร ยังไม่มีให้ลองขับ เพราะตัวรถจะพร้อมเดือนมกราคมปีหน้า
สำหรับรุ่นท็อป 2.0SP และรองท็อป 2.0S ดูภายนอกแทบไม่รู้ถึงความแตกต่าง เพราะไม่มีสัญลักษณ์ใดๆบอก และใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วเหมือนกัน เช่นเดียวกับการตกแต่งภายใน ทั้งเบาะหนังดำตะเข็บแดง แผงคอนโซล และออปชันหลักๆ เพียงแต่สองรุ่นนี้จะมีข้อสังเกตคือ ชุดเซนเซอร์เรดาร์ที่ติดอยู่ตรงกลางด้านบนของกระจกบังลมหน้า ลักษณะคล้ายกล่องสีดำๆซ่อนอยู่หลังกระจกมองหลัง
โดยชุดเซนเซอร์ด้านหน้านี้จะเข้ามารองรับการทำงานของ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (ABSM) ทำงานบนความเร็ว 4-30 กม./ชม. รวมถึงระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ (HBC) และระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน(LDWS) กรณีขับบนความเร็วสูงระดับหนึ่งแล้ววิ่งคร่อมเลน จะมีเสียงเตือนดังออกมาจากลำโพงข้างที่ตัวรถเป๋ออกไป (เสียงจะดังตื่อๆคล้ายสายกราวด์เครื่องเสียงมีปัญหา) หวังเตือนระวังเผื่อผู้ขับหลับใน
เมื่อเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้ขับจัดท่านั่งให้ดี อารมณ์ที่ได้ไม่เหมือนพวกเอสยูวียกสูง ซึ่งดูจากกราวด์เคลียร์แลนซ์พบว่า ซีเอ็กซ์-3 นี่ต่ำสุดในบรรดาเอสยูวีรุ่นเริ่มต้น(Entry Level) นะครับ เพราะสูงแค่ 160 มม. ขณะที่ฮอนด้า เอชอาร์-วี 185 มม. นิสสัน จู๊ค 180 มม. ส่วนฟอร์ด เอคโคสปอร์ต ล่อไป 200 มม.
คอกพิตคนขับไม่ได้อึดอัด เพียงแต่มุมมองไม่สูงเหมือนรถเอสยูวีทั่วไป เสาเอ (A-Pillar) เหมือนจะขวางหางตาทางขวาเล็กๆ แต่ปรับตัวได้สักพักก็ไม่มีปัญหาอะไรกับทัศนวิสัยโดยรวม
ภายในห้องโดยสารดูสปอร์ตแฝงความทันสมัย มีจอใส Head up Display แสดงความเร็วของรถ (กม./ชม.) และระบบนำทางตั้งโด่อยู่หลังพวงมาลัย แยกส่วนกับจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมรองรับระบบนำทาง และปุ่มควบคุม Center Command บริเวนคอนโซลกลาง รวมถึงระบบ MZD Connect เชื่อมต่อโลกออนไลน์
การเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกถือว่าชนะเลิศ และน่าจะดีที่สุดในคลาส ซึ่งมาสด้าบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มฉนวนซับเสียงในหลายๆจุด (เมื่อเทียบกับมาสด้า 2)
ภายในห้องโดยสารเงียบจริงนะครับ ทั้งเวลารถจอดนิ่งๆติดเครื่องยนต์ (แต่การจราจรภายนอกจอแจ) และการขับขี่ในเมืองความเร็วต่ำ ส่วนการใช้ความเร็วสูงเกิน 120 กม./ชม. ก็มีเสียงลมปะทะ และเสียงเข่นคันเร่งเครื่องยนต์ให้ได้ยินอยู่บ้างเป็นปกติ
รุ่น 2.0 SP ใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว ประกบยางโตโยไทร์ 215/50 R18 การขับจริงไม่กระด้าง ช่วงล่างออกแนวหนึบแน่น การทรงตัวดี บวกกับการเซ็ทพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้าให้สอดคล้องกับการขับขี่ คือสบายในความเร็วต่ำ แต่ก็มั่นคงมั่นใจเมื่อขับบนความเร็วสูงเกิน 100 กม./ชม. การตอบสนองเป็นธรรมชาติ ทิศทางรถกับระยะสั่งงานซ้าย-ขวาแม่นยำตามการควบคุม
มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 เป็นรถที่ขับขี่คล่องตัว ทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการลดแรงเหวี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวคนขับและผู้โดยสาร เรียกว่า ขับเร็ว เข้าโค้ง ขึ้น-ลง สะพาน ตัวเราก็ไม่โยนโยกจนเวียนหัวเกินไป (พิสูจน์จากการขับขึ้น-ลงเขาและผ่านเป็นร้อยโค้งที่ดอยอินทนนท์)
ด้านเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 รอบต่อนาที และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ช่วยส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้าได้อย่างนุ่มนวล
แรงฉุดดึงของรถต่อการตอบสนองของคันเร่ง ไม่ถึงกับทะเยอทะยานจนน่ากลัว พลังจะออกแนวสุภาพ ปลดปล่อยแบบเนียนๆ แต่ถ้าต้องการเรียกใช้เมื่อไหร่ก็จัดให้เพียงพอในทุกย่านความเร็ว
…ดูจากตัวเลขประสิทธิผลแล้ว อัตราเร่ง ความเร็วไม่มีปัญหาครับ เพียงแต่จะบอกว่ามันไม่ได้จี๊ดจ๊าดขนาดนั้น!!!
ด้านอัตราบริโภคน้ำมัน ผู้เขียนลองวัดในช่วง 50-60 กิโลเมตรสุดท้าย ขากลับจากดอยอินทนนท์แล้ววิ่งเข้าเมือง บนความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. และมาชะลอความเร็วในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ สรุปได้ตัวเลข 6.2 ลิตรต่อ 100 กม. หรือประมาณ 16 กม./ลิตรครับ
โดยหนึ่งในตัวช่วยให้รถประหยัดน้ำมันและปล่อยไอเสียน้อยลงอย่าง i-stop ระบบดับเครื่องยนต์เวลารถหยุดนิ่ง(จอดติดไฟแดง) การขับในทริปนี้ทำงานให้เห็นบ่อย จังหวะดับและจังหวะสตาร์ทติดเครื่องยนต์อยู่ในเกณฑ์นุ่มนวล ไม่น่ารำคาญ
อย่างไรก็ตาม มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 เป็นเอสยูวีหรือครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด เน้นเรื่องสมรรถนะการขับขี่ เสถียรภาพการทรงตัวยอดเยี่ยม ดังนั้นต้องแลกมาด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร ซึ่งการนั่งเบาะแถวสองก็คล้ายๆ นิสสัน จู๊ค หรือ ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต ที่ไม่ได้กว้างขวาง ยืดขาได้เหยียดยาวนัก
เมื่อดูจากสัดส่วนตัวถังยาว 4,275 มิลลิเมตร ความสูง 1,550 มิลลิเมตร และการวางโครงสร้างต่างๆ ส่งผลให้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังค่อนข้างจำกัด แม้จะพับเบาะนั่งแถวสองลงมาแล้วก็ตาม (วางนอนจักรยานเสือหมอบไซส์ใหญ่ได้ แต่คงต้องถอดล้อ) ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ฮอนด้า เอชอาร์-วี กว้างขวางกว่า
วิศวกรของมาสด้าให้เหตุผลว่า การพัฒนาซีเอ็กซ์-3 มุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่คนรุ่นใหม่ มีความคิดนอกกรอบ เน้นการออกแบบโดดเด่นสวยงาม การขับขี่คล่องตัว (ตัวรถเลยเตี้ย ปราดเปรียว) ตอบสนองการใช้ชีวิตที่หลากหลาย และมองว่ารถระดับนี้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ดังกล่าวแล้ว
ส่วนใครอยากได้รถครอบครัว มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น (ตัวรถใหญ่กว่า) คงต้องมองไปที่ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 หรือ มาสด้า 3 น่าจะดีกว่า
รวบรัดตัดความ...แคมเปญการสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ ภายใต้สโลแกนใหม่ Feel the drive คงไม่ใช่การโฆษณากรอกหู หรือเพียงเอาใครที่ไหนมานั่งขับลมผสมจินตนาการ แต่วลีนี้มันสะท้อนออกมาเป็นสมรรถนะที่สมบูรณ์แบบ ของรถยนต์ทุกคันที่มาสด้าผลิตออกมาจริงๆ (ในรถยนต์เจเนอเรชันใหม่ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองครบยกเว้น มาสด้า6)
เช่นเดียวกับ ซีเอ็กซ์-3 แม้ใครจะว่าเล็กแคบ อรรถประโยชน์น้อย(เมื่อเทียบกับการเป็นเอสยูวี) มาสด้ายอมรับได้ครับ แต่ถ้าบอกว่า รถขับไม่ดี สมรรถนะไม่เร้าใจ...สงสัยต้องคุยกันยาว!!!
ดังนั้นเมื่อแนวคิดของการพัฒนารถเป็นแบบนี้ และราคาขายชนเต็มๆกับ “เอชอาร์-วี” จริงอยู่ที่ “ซีเอ็กซ์-3” เด่นเรื่องสมรรถนะการขับขี่และให้ออปชันคุ้มค่ามาเพียบ แต่เอสยูวีจากฮอนด้ายังได้เปรียบเรื่องความอเนกประสงค์ที่น่าจะตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ขณะเดียวกันยังมีทีเด็ดกับน้องใหม่ “บีอาร์-วี” ที่เตรียมเข้ามาขายประกบล่างอีกหนึ่งรุ่น(ขนาดตัวก็พอๆกับเอชอาร์-วี แต่วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร) น่าจะช่วยให้การทำตลาดของฮอนด้าชัดเจนกว่าพอสมควร
...เหมือนมาสด้า ถ้าไม่ซื้อน้อง 2 อีโคคาร์ ก็ซื้อ ซีเอ็กซ์-5 ไปเลย ว่ากันอย่างนั้น