บนเวทีงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2015 กลุ่มรถครอสโอเวอร์-เอสยูวีมีรุ่นใหม่และคอนเซ็ปต์มาโชว์อย่างคึกคัก นั่นยิ่งตอกย้ำยุคทองของรถประเภทนี้ และเมื่อเป็นเทรนด์ของตลาดโลก ประเทศไทยย่อมได้รับอิทธิพลตาม อย่างที่ “ASTV ผู้จัดมอเตอริ่ง” ได้รายงานมาต่อเนื่อง แต่ที่ได้รับการจับตามองพิเศษเป็นกลุ่มครอสโอเวอร์เล็ก ซึ่งจะโมเดลใหม่ๆ เข้ามาชิงเค้ก หรือผู้เล่นในปัจจุบันก็เริ่มขยับปรับตัวให้เห็นในต่างประเทศ หรือเวทีแสดงรถยนต์ระดับโลกบ้างแล้ว...
แน่นอนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ คงจะไม่พ้นครอสโอเวอร์เล็กรุ่นใหม่ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” (Mazda CX-3) เพราะได้รับความสนใจตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และยิ่งมีการกล่าวถึงอย่างมาก เมื่อมีรายงานข่าวรถรุ่นนี้มาทำตลาดในไทยช่วงปลายปี 2558 นี้ และทุกอย่างก็ชัดเจนเมื่อมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นำสื่อมวลชนไทยรวมถึง “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ไปลองขับรุ่นซีเอ็กซ์-3 ที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ยืนยันว่าจะมีการประกอบรถรุ่นนี้ในไทย และเผยโฉมในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 ปลายปีนี้ พร้อมกับเปิดราคาและรับจองอย่างเป็นทางการทันที โดยจะเริ่มส่งมอบรถได้ในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป ในส่วนของขุมพลังที่จะทำตลาด เบื้องต้นถูกระบุเป็นเครื่องยนต์ Skyactiv G 2.0 หรือรุ่นเบนซิน 2.0 ลิตร บล็อกเดียวกับที่วางในมาสด้า3 ใหม่ปัจจุบัน ให้กำลังสูงสุด 115 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร
ส่วนการทำตลาดเครื่องยนต์ Skyactiv D 1.5 หรือดีเซล 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับที่วางในมาสด้า2 สกายแอคทีฟ ตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้นั้น ล่าสุดมาสด้า เซลล์ ประเทศไทย ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำตลาดพร้อมกันหรือไม่ เพราะกำลังศึกษาความต้องการของตลาดอยู่
มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 พัฒนาจากพื้นฐานโครงสร้างตัวถังมาสด้า2 สกายแอคทีฟ แต่มีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่ารุ่นแฮทช์แบ็ก ด้วยความยาว 4,275 มม. ความกว้าง 1,765 มม. ความสูง 1,550 มม. และระยะฐานล้อเท่ากัน 2,570 มม. ภายในเช่นเดียวกับมาสด้า2 และได้มีการปรับปรุงระบบ MZD Connect เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมกับใส่เทคโนโลยีความปลอดภัยมาเต็ม เช่นเดียวกับครอสโอเวอร์รุ่นพี่ซีเอ็กซ์-5 (อ่านรายละเอียดลองขับมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ในเว็บไซต์ http://astv.mobi/ALGEgek)
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 มีคู่แข่งในกลุ่มครอสโอเวอร์เล็กตรงๆ เป็น “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” (Honda HR-V) ด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่ใกล้เคียงกัน เอชอาร์-วีจะมีขนาด 1.8 ลิตร 141 แรงม้า ถึงมิติตัวถังเล็กกว่าก็ไม่มาก (เอชอาร์-วี พัฒนาจากพื้นตัวถัง ฮอนด้า แจ๊ซ มีมิติตัวถัง 4,294x1,772x1,605x2,610) หรือหากเทียบกับฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต และนิสสัน จู๊ค นับว่าซีเอ็กซ์-3 มีมิติตัวถังในภาพรวมที่ใหญกว่าเล็กน้อย
ส่วนราคาจำหน่ายยังไม่สรุปในรายละเอียด แต่มาสด้ายืนยันจะตั้งให้เหมาะสมและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งเรื่องนี้ดูได้จากแนวทางการตั้งราคาเก๋งคอมแพ็กต์ ระหว่างมาสด้า 3 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และฮอนด้า ซีวิค 1.8 ลิตร นั่นหมายความราคาแทบจะไม่แตกต่างกัน หรือชนกันตรงๆ คาดว่าจะอยู่ระดับกว่า 8 แสนบาท ไปถึงกว่าล้านบาทนิดๆ โดยมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จะเน้นเรื่องของรูปลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่ ขุมพลัง อุปกรณ์มาตรฐานและระบบความปลอดภัย ที่โดดเด่นกว่าครอสโอเวอร์เล็กทุกรุ่นในไทยปัจจุบัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการขับขี่สนุกคล่องตัวเหมือนรถยนต์นั่ง และใช้งานได้อเนกประสงค์กว่า แต่จะไม่เน้นเรื่องของพื้นที่ใช้สอยเหมือนเอชอาร์-วี
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ยังมีทีเด็ดในตลาดครอสโอเวอร์เล็กอีกรุ่น “ฮอนด้า บีอาร์-วี” (Honda BR-V) ซึ่งเป็นโมเดลที่พัฒนามารองรับตลาดในภูมิภาคอาเซียน เพิ่งเผยโฉมตัวโปรโตไทป์ไปในงานอินโดนีเซีย ออโตโชว์ 2015 เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะเริ่มผลิตในอินโดนีเซียต้นปีหน้า จากนั้นน่าจะทยอยทำตลาดในประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยตามที่รายงานข่าวไปก่อนหน้านี้
ฮอนด้า บีอาร์-วี เบื้องต้นเป็นครอสโอเวอร์เล็กแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งน่าจะออกแบบมาเพื่อตลาดอินโดนีเซีย ส่วนประเทศอื่นๆ อาจจะลดเหลือ 2 แถว 5 ที่นั่งทั่วไป ขุมพลังวางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียรธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ CVT (รายละเอียดฮอนด้า บีอาร์-วี http://astv.mobi/AzDlQdo)
ในประเทศอินโดนีเซียเปิดราคารับจองออกมาแล้ว เริ่มที่ 230-265 ล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 5.84-6.73 แสนบาท ซึ่งเมื่อดูราคาคร่าวๆ และเครื่องยนต์ นั่นหมายความว่าฮอนด้าจะวางตำแหน่งรถรุ่นนี้ รองลงมาจาก ฮอนด้า เอชอาร์-วี เพื่อชนกับฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต หรือนิสสัน จู๊ค โดยมีฮอนด้า เอชอาร์-วี จับตลาดครอสโอเวอร์เล็กกลุ่มบน
ขณะที่ "ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต" มีการเผยโฉมรุ่นไมเนอร์เชนจ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากปรับเปลี่ยนกระจังหน้า และด้านท้ายที่ปรับเปลี่ยนใหม่ พร้อมถอดชุดยางอะไหล่ออกไป ทำการปรับปรุงห้องโดยสาร และระบบช่วงล่างใหม่ ตลอดจนสมรรถะเครื่องยนต์ดีเซลให้มีกำลังเพิ่มขึ้น แม้การปรับโฉมครั้งนี้เน้นไปที่ตลาดยุโรปเป็นหลัก แต่เมื่อการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ฟอร์ดย่อมจะต้องปรับในส่วนของตลาดอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มเห็นในปีหน้าเป็นต้นไป
ส่วนอีกรุ่นในไทยอย่าง “นิสสัน จู๊ค” ซึ่งก่อนงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2015 มีการวิเคราะห์ถึงสปอร์ตครอสโอเวอร์ต้นแบบรุ่น GRIPZ ที่จะเผยโฉมในงานนี้ โดยเชื่อว่ามันจะกลายร่างเป็นนิสสัน จู๊ค และบ้างก็ว่าจะเป็นรุ่น Z แต่นิสสันเฉลยในงานดังกล่าวว่าไม่ใช่ตัวแทนของรถรุ่นไหน เพราะมันถูกสร้างมาให้แสดงทิศทางการออกของรถนิสสันรุ่นใหม่ หรือ Design Language ที่อาจจะถูกหยิบแนวทางการออกแบบบางส่วน มาใส่ในรถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ๆ และนั่นรวมถึงนิสสัน จู๊ค โฉมใหม่ ก็เป็นไปได้แต่จะไม่ใช่ทั้งหมด
นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ของบรรดารถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก แม้บางรุ่นอาจจะยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้ แต่หลายรุ่นที่ได้รับความสนใจ ต่างเตรียมเปิดหน้าท้าชนกันแล้ว นับถอยหลังจากนี้ไปอีกไม่นาน...
แน่นอนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ คงจะไม่พ้นครอสโอเวอร์เล็กรุ่นใหม่ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” (Mazda CX-3) เพราะได้รับความสนใจตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และยิ่งมีการกล่าวถึงอย่างมาก เมื่อมีรายงานข่าวรถรุ่นนี้มาทำตลาดในไทยช่วงปลายปี 2558 นี้ และทุกอย่างก็ชัดเจนเมื่อมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นำสื่อมวลชนไทยรวมถึง “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ไปลองขับรุ่นซีเอ็กซ์-3 ที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ยืนยันว่าจะมีการประกอบรถรุ่นนี้ในไทย และเผยโฉมในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 ปลายปีนี้ พร้อมกับเปิดราคาและรับจองอย่างเป็นทางการทันที โดยจะเริ่มส่งมอบรถได้ในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป ในส่วนของขุมพลังที่จะทำตลาด เบื้องต้นถูกระบุเป็นเครื่องยนต์ Skyactiv G 2.0 หรือรุ่นเบนซิน 2.0 ลิตร บล็อกเดียวกับที่วางในมาสด้า3 ใหม่ปัจจุบัน ให้กำลังสูงสุด 115 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร
ส่วนการทำตลาดเครื่องยนต์ Skyactiv D 1.5 หรือดีเซล 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับที่วางในมาสด้า2 สกายแอคทีฟ ตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้นั้น ล่าสุดมาสด้า เซลล์ ประเทศไทย ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำตลาดพร้อมกันหรือไม่ เพราะกำลังศึกษาความต้องการของตลาดอยู่
มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 พัฒนาจากพื้นฐานโครงสร้างตัวถังมาสด้า2 สกายแอคทีฟ แต่มีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่ารุ่นแฮทช์แบ็ก ด้วยความยาว 4,275 มม. ความกว้าง 1,765 มม. ความสูง 1,550 มม. และระยะฐานล้อเท่ากัน 2,570 มม. ภายในเช่นเดียวกับมาสด้า2 และได้มีการปรับปรุงระบบ MZD Connect เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมกับใส่เทคโนโลยีความปลอดภัยมาเต็ม เช่นเดียวกับครอสโอเวอร์รุ่นพี่ซีเอ็กซ์-5 (อ่านรายละเอียดลองขับมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ในเว็บไซต์ http://astv.mobi/ALGEgek)
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 มีคู่แข่งในกลุ่มครอสโอเวอร์เล็กตรงๆ เป็น “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” (Honda HR-V) ด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่ใกล้เคียงกัน เอชอาร์-วีจะมีขนาด 1.8 ลิตร 141 แรงม้า ถึงมิติตัวถังเล็กกว่าก็ไม่มาก (เอชอาร์-วี พัฒนาจากพื้นตัวถัง ฮอนด้า แจ๊ซ มีมิติตัวถัง 4,294x1,772x1,605x2,610) หรือหากเทียบกับฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต และนิสสัน จู๊ค นับว่าซีเอ็กซ์-3 มีมิติตัวถังในภาพรวมที่ใหญกว่าเล็กน้อย
ส่วนราคาจำหน่ายยังไม่สรุปในรายละเอียด แต่มาสด้ายืนยันจะตั้งให้เหมาะสมและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งเรื่องนี้ดูได้จากแนวทางการตั้งราคาเก๋งคอมแพ็กต์ ระหว่างมาสด้า 3 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และฮอนด้า ซีวิค 1.8 ลิตร นั่นหมายความราคาแทบจะไม่แตกต่างกัน หรือชนกันตรงๆ คาดว่าจะอยู่ระดับกว่า 8 แสนบาท ไปถึงกว่าล้านบาทนิดๆ โดยมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จะเน้นเรื่องของรูปลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่ ขุมพลัง อุปกรณ์มาตรฐานและระบบความปลอดภัย ที่โดดเด่นกว่าครอสโอเวอร์เล็กทุกรุ่นในไทยปัจจุบัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการขับขี่สนุกคล่องตัวเหมือนรถยนต์นั่ง และใช้งานได้อเนกประสงค์กว่า แต่จะไม่เน้นเรื่องของพื้นที่ใช้สอยเหมือนเอชอาร์-วี
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ยังมีทีเด็ดในตลาดครอสโอเวอร์เล็กอีกรุ่น “ฮอนด้า บีอาร์-วี” (Honda BR-V) ซึ่งเป็นโมเดลที่พัฒนามารองรับตลาดในภูมิภาคอาเซียน เพิ่งเผยโฉมตัวโปรโตไทป์ไปในงานอินโดนีเซีย ออโตโชว์ 2015 เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะเริ่มผลิตในอินโดนีเซียต้นปีหน้า จากนั้นน่าจะทยอยทำตลาดในประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยตามที่รายงานข่าวไปก่อนหน้านี้
ฮอนด้า บีอาร์-วี เบื้องต้นเป็นครอสโอเวอร์เล็กแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งน่าจะออกแบบมาเพื่อตลาดอินโดนีเซีย ส่วนประเทศอื่นๆ อาจจะลดเหลือ 2 แถว 5 ที่นั่งทั่วไป ขุมพลังวางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียรธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ CVT (รายละเอียดฮอนด้า บีอาร์-วี http://astv.mobi/AzDlQdo)
ในประเทศอินโดนีเซียเปิดราคารับจองออกมาแล้ว เริ่มที่ 230-265 ล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 5.84-6.73 แสนบาท ซึ่งเมื่อดูราคาคร่าวๆ และเครื่องยนต์ นั่นหมายความว่าฮอนด้าจะวางตำแหน่งรถรุ่นนี้ รองลงมาจาก ฮอนด้า เอชอาร์-วี เพื่อชนกับฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต หรือนิสสัน จู๊ค โดยมีฮอนด้า เอชอาร์-วี จับตลาดครอสโอเวอร์เล็กกลุ่มบน
ขณะที่ "ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต" มีการเผยโฉมรุ่นไมเนอร์เชนจ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากปรับเปลี่ยนกระจังหน้า และด้านท้ายที่ปรับเปลี่ยนใหม่ พร้อมถอดชุดยางอะไหล่ออกไป ทำการปรับปรุงห้องโดยสาร และระบบช่วงล่างใหม่ ตลอดจนสมรรถะเครื่องยนต์ดีเซลให้มีกำลังเพิ่มขึ้น แม้การปรับโฉมครั้งนี้เน้นไปที่ตลาดยุโรปเป็นหลัก แต่เมื่อการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ฟอร์ดย่อมจะต้องปรับในส่วนของตลาดอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มเห็นในปีหน้าเป็นต้นไป
ส่วนอีกรุ่นในไทยอย่าง “นิสสัน จู๊ค” ซึ่งก่อนงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2015 มีการวิเคราะห์ถึงสปอร์ตครอสโอเวอร์ต้นแบบรุ่น GRIPZ ที่จะเผยโฉมในงานนี้ โดยเชื่อว่ามันจะกลายร่างเป็นนิสสัน จู๊ค และบ้างก็ว่าจะเป็นรุ่น Z แต่นิสสันเฉลยในงานดังกล่าวว่าไม่ใช่ตัวแทนของรถรุ่นไหน เพราะมันถูกสร้างมาให้แสดงทิศทางการออกของรถนิสสันรุ่นใหม่ หรือ Design Language ที่อาจจะถูกหยิบแนวทางการออกแบบบางส่วน มาใส่ในรถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ๆ และนั่นรวมถึงนิสสัน จู๊ค โฉมใหม่ ก็เป็นไปได้แต่จะไม่ใช่ทั้งหมด
นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ของบรรดารถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก แม้บางรุ่นอาจจะยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้ แต่หลายรุ่นที่ได้รับความสนใจ ต่างเตรียมเปิดหน้าท้าชนกันแล้ว นับถอยหลังจากนี้ไปอีกไม่นาน...
