นิสสัน ประกาศขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกในไทย “เอ็กซ์-เทรล” และถือเป็นประเทศที่สองต่อจากญี่ปุ่น พร้อมกดราคาต่ำ 1.249 ล้านบาท วางกำลังผลิตถึงสิ้นปี 1,000 คัน จากนั้นเตรียมปรับราคาขึ้นตามโครงสร้างภาษีใหม่
นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศที่สองต่อจากญี่ปุ่นที่มีโอกาสขึ้นไลน์ผลิตนิสสัน “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” ซึ่งจะเข้ามาเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค หลังจากบริษัทเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร) ในช่วงปลายปี 2557 และได้การตอบรับดีด้วยยอดขายสะสมจนถึงปัจจุบัน 5,000 คัน
สำหรับ “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” บริษัทตั้งเป้าหมายการขายในปีหน้าไว้ที่ 5,000 คัน ถือเป็น 60% ของยอดขายเอ็กซ์-เทรลทั้งหมด และด้วยความโดดเด่นของเทคโนโลยี “เพียวไดรฟ์ ไฮบริด” คือการใช้เทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจริยะ กับรถยนต์วางเครื่องยนต์ด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ จึงช่วยให้รถคงสมรรถนะดีเยี่ยมพร้อมอัตราบริโภคน้ำมันที่เป็นมิตร ขณะที่ราคาขายบริษัทตั้งใจทำให้ลูกค้าเอื้อมถึงได้ง่าย หรือเริ่มต้น 1.249 - 1.395 ล้านบาท
โดยถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีกำลังผลิต “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” ประมาณ 1,000 คัน อันเป็นผลมาจากข้อจำกัดของจำนวนแบตเตอรี่ที่ต้องสั่งนำเข้ามา ดังนั้นหลังจากการผลิตรถยนต์ล็อตนี้ ปีหน้าก็ต้องคิดราคาตามโครงสร้างภาษีใหม่ ที่เพิ่มจาก 10% ในปัจจุบัน เป็น 20-30% ตามอัตราการปล่อยมลพิษ ส่วน “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” จะต้องปรับราคาขึ้นเท่าไหร่ ต้องขอเวลาสรุปกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค บริษัทกล้ารับประกันรถยนต์และระบบไฮบริด 3 ปี หรือ 1 แสน กม. และรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง พร้อมกับข้อเสนอพิเศษ แถมประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษา 60,000 กม.หรือ 36 เดือน และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.79%
ส่วนยอดขายนิสสันรวมทุกรุ่นในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะทำได้ประมาณ 5 หมื่นคัน จากตลาดรวม 7.5 แสนคัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 7% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ปรับมาล่่าสุด เพราะต้นปีประเมินไว้ 6 หมื่นคัน จากตลาดรวม 8-9 แสนคัน
ตารางแสดงราคา นิสสัน เอ็กซ-เทรล ไฮบริด เทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร
นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศที่สองต่อจากญี่ปุ่นที่มีโอกาสขึ้นไลน์ผลิตนิสสัน “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” ซึ่งจะเข้ามาเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค หลังจากบริษัทเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร) ในช่วงปลายปี 2557 และได้การตอบรับดีด้วยยอดขายสะสมจนถึงปัจจุบัน 5,000 คัน
สำหรับ “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” บริษัทตั้งเป้าหมายการขายในปีหน้าไว้ที่ 5,000 คัน ถือเป็น 60% ของยอดขายเอ็กซ์-เทรลทั้งหมด และด้วยความโดดเด่นของเทคโนโลยี “เพียวไดรฟ์ ไฮบริด” คือการใช้เทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจริยะ กับรถยนต์วางเครื่องยนต์ด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ จึงช่วยให้รถคงสมรรถนะดีเยี่ยมพร้อมอัตราบริโภคน้ำมันที่เป็นมิตร ขณะที่ราคาขายบริษัทตั้งใจทำให้ลูกค้าเอื้อมถึงได้ง่าย หรือเริ่มต้น 1.249 - 1.395 ล้านบาท
โดยถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีกำลังผลิต “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” ประมาณ 1,000 คัน อันเป็นผลมาจากข้อจำกัดของจำนวนแบตเตอรี่ที่ต้องสั่งนำเข้ามา ดังนั้นหลังจากการผลิตรถยนต์ล็อตนี้ ปีหน้าก็ต้องคิดราคาตามโครงสร้างภาษีใหม่ ที่เพิ่มจาก 10% ในปัจจุบัน เป็น 20-30% ตามอัตราการปล่อยมลพิษ ส่วน “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” จะต้องปรับราคาขึ้นเท่าไหร่ ต้องขอเวลาสรุปกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค บริษัทกล้ารับประกันรถยนต์และระบบไฮบริด 3 ปี หรือ 1 แสน กม. และรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง พร้อมกับข้อเสนอพิเศษ แถมประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษา 60,000 กม.หรือ 36 เดือน และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.79%
ส่วนยอดขายนิสสันรวมทุกรุ่นในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะทำได้ประมาณ 5 หมื่นคัน จากตลาดรวม 7.5 แสนคัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 7% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ปรับมาล่่าสุด เพราะต้นปีประเมินไว้ 6 หมื่นคัน จากตลาดรวม 8-9 แสนคัน
ตารางแสดงราคา นิสสัน เอ็กซ-เทรล ไฮบริด เทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร
| ไฮบริด | เครื่องยนต์สันดาปภายใน |
| 2.0S 2WD ราคา 1,249,000 บาท | 2.0S 2WD ราคา 1,172,000 บาท |
| 2.0E 2WD ราคา 1,324,000 บาท | 2.0E 2WD ราคา 1,246,000 บาท |
| - | 2.0V 4WD ราคา 1,325,000 บาท |
| 2.0V 4WD ราคา 1,395,000 บาท | 2.5V 4WD ราคา 1,551,000 บาท |
