บมจ.ทิพยประกันภัย กำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 58 เพิ่มขึ้นเกือบ 40% หนุนกำไรสุทธิครึ่งปีแรกรวม 788 ล้านบาท ด้านเอ็มดี “สมพร สืบถวิลกุล” ประกาศปรับกลยุทธ์รุกลูกค้ารายย่อย 3 กลุ่ม ทั้งประกันภัยรถยนต์-พีเอ-อัคคีภัย หวังชดเชยรายได้จากการรับประกันภัยลูกค้ารายใหญ่หดตัว พร้อมจับมือพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ผลักดันเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งปีเข้าเป้าหมายที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 7%
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 2 ปี 2558 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2557 โดยมีกำไรสุทธิรวม 391.05 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.30 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 281.27 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.94 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 109.78 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.03%
โดยบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 4,409.02 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 655.52 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเล และขนส่ง 73.64 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 1,059.85 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 1,544.32 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 1,075.69 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานสะสมงวด 6 เดือน บริษัทกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 788.86 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.63 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิรวม 681.50 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.27 บาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15.75% หรือเพิ่มขึ้น 107.36 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีเบี้ยประกันอัคคีภัย 1,098.09 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 141.70 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,194.54 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 3,274.20 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 2,417.30 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 9,125.83 ล้านบาท
ด้านฐานะการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทฯ ยังมีความมั่นคง และแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม 65,338.13 ล้านบาท หนี้สินรวม 59,868.02 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 5,470.11 ล้านบาท
นายสมพร กล่าวว่า สาเหตุที่ผลการดำเนินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสืบเนื่องจากบริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายฐานการตลาดเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการรับประกันภัย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการสินไหมลดลง ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการรับประกันภัยรวมทั้งสิ้น 4,436.25 ล้านบาท และกำไรจากการรับประกันภัย 624.92 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 นั้น นายสมพร กล่าวว่า ทิพยประกันภัย ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 28,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 7% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ต่างๆ ซึ่งคาดว่าในปีนี้เบี้ยประกันภัยลูกค้ารายใหญ่น่าจะลดลง 20-25% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยที่จะหายไปประมาณ 3,000 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ขยายตลาดสู่การประกันภัยลูกค้ารายย่อย 3 กลุ่ม คือ ประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) และประกันอัคคีภัยเพิ่มขึ้น
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 2 ปี 2558 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2557 โดยมีกำไรสุทธิรวม 391.05 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.30 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 281.27 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.94 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 109.78 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.03%
โดยบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 4,409.02 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 655.52 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเล และขนส่ง 73.64 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 1,059.85 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 1,544.32 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 1,075.69 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานสะสมงวด 6 เดือน บริษัทกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 788.86 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.63 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิรวม 681.50 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.27 บาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15.75% หรือเพิ่มขึ้น 107.36 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีเบี้ยประกันอัคคีภัย 1,098.09 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 141.70 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,194.54 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 3,274.20 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 2,417.30 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 9,125.83 ล้านบาท
ด้านฐานะการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทฯ ยังมีความมั่นคง และแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม 65,338.13 ล้านบาท หนี้สินรวม 59,868.02 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 5,470.11 ล้านบาท
นายสมพร กล่าวว่า สาเหตุที่ผลการดำเนินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสืบเนื่องจากบริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายฐานการตลาดเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการรับประกันภัย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการสินไหมลดลง ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการรับประกันภัยรวมทั้งสิ้น 4,436.25 ล้านบาท และกำไรจากการรับประกันภัย 624.92 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 นั้น นายสมพร กล่าวว่า ทิพยประกันภัย ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 28,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 7% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ต่างๆ ซึ่งคาดว่าในปีนี้เบี้ยประกันภัยลูกค้ารายใหญ่น่าจะลดลง 20-25% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยที่จะหายไปประมาณ 3,000 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ขยายตลาดสู่การประกันภัยลูกค้ารายย่อย 3 กลุ่ม คือ ประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) และประกันอัคคีภัยเพิ่มขึ้น
