นิสสันส่ง “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” รุกตลาดเอสยูวี ครั้งแรกของระบบ Pure Drive Hybrid ที่มาพร้อมเทคโนโลยี คลัทช์คู่อัจฉริยะ ให้กำลังและแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5L แต่อัตราการสิ้นเปลืองดีขึ้นกว่า 20% ส่วนเบาะจะเหลือ 2 แถว 5 ที่นั่ง วางขาย 3 รุ่นย่อย ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ ราคา 1.249 - 1.395 ล้านบาท เปิดจองพร้อมส่งมอบได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
คะซุทากะ นัมบุ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นิสสันยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่ตื่นเต้นเร้าใจ หรือ Innovation that Excites ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในทุกๆด้าน และเพื่อการบรรลุเป้าหมายเป้าหมายของความพยายามลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ นอกเหนือจากการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้มลพิษ ที่นิสสันมีความเป็นผู้นำในระดับโลกแล้วนั้น การสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์พลังงานทางเลือก ถือเป็นอีกส่วนสำคัญในการบรรลุสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
“เหตุนี้นิสสันจึงได้แนะนำรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์พลังงานทางเลือกอย่าง “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” ใหม่ สู่ตลาดประเทศไทย ซึ่งนิสสันมีความมั่นใจในสมรรถนะในทุกๆด้านของรถยนต์รุ่นนี้อย่างยิ่ง โดยเชื่อมั่นว่าจะทำให้ลูกค้าที่รอคอยเทคโนโลยีไฮบริดนี้ของนิสสัน มีประสบการณ์ที่ประทับใจและเชื่อมั่นกับความเหนือระดับอันแตกต่างที่นิสสันได้พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าในกลุ่มที่ชื่นชอบรถยนต์แบบ SUV และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีรวมถึงใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม”
Pure Drive Hybrid มาพร้อมเทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจฉริยะ
โนบูซูเกะ โทคุระ หัวหน้าวิศวกรโครงการพัฒนารถยนต์รุ่น เอ็กซ์เทรล ไฮบริด (Chief Vehicle Engineering - CVE) บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ความโดดเด่นของระบบ นิสสัน เพียวไดรฟ์ ไฮบริด (Pure Drive Hybrid) คือการใช้เทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจริยะ (Intelligence Dual Clutch System) เอกสิทธิ์ของนิสสันที่สามารถประยุกต์ใช้กับรถยนต์วางเครื่องยนต์ด้านหน้า ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อโดยไม่ต้องมีการดัดแปลงในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม จากเอ็กซ์-เทรลที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินมาสู่เครื่องยนต์แบบไฮบริด”
สำหรับเทคโนโลยี คลัทช์คู่อัจริยะ (Intelligence Dual Clutch System) ประกอบด้วยคลัทช์จำนวน 2 ตัว โดยคลัทช์ตัวที่ 1 ติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเกียร์แบบ XTRONIC CVT คลัทช์ตัวที่ 2 อยู่ระหว่างมอเตอร์และเกียร์ CVT โดยมีรูปแบบการทำงานดังนี้
-เมื่อรถยนต์ต้องการกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ เช่น ช่วงการเร่งแซง หรือ ทำความเร็ว คลัทช์ทั้ง 2 ตัวจะทำงานพร้อมกัน ทำให้เกียร์ CVT ได้รับกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
-การขับขี่ในช่วงที่ใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว จะมีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่จากเครื่องยนต์ คลัทช์ตัวที่ 1 จะทำงาน เพื่อถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ส่งไปขับเคลื่อนเกียร์ ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า จะทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์เพื่อรีชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่
-เมื่อระบบไม่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์ คลัทช์ตัวที่ 1 ที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ จะตัดการทำงานจากเครื่องยนต์ ผลที่ตามมาคือ เครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน ทำให้ไม่มีแรงเสียดทานจากการหมุนของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เหลือเพียงมอเตอร์ไฟฟ้ากับเกียร์เท่านั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องยนต์จะทำงานเหมือนกับเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV)
-และอีกคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากระบบไฮบริดอื่นๆ คือ ระบบคลัทช์คู่อัจฉริยะ สามารถทำงานที่ความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงกว่าระบบไฮบริดทั่วไป อันจะนำมาซึ่งการประหยัดน้ำมันในย่านความเร็วสูงอีกด้วย
เทียบเบนซินประหยัดที่สุดในคลาส
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ เบนซิน 2.0 ลิตร MR20DD 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Twin C-VCT ไดเร็ค อินเจคชั่น ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมถึง 179 แรงม้า เทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร โดยเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับระบบไฮบริด ปั๊มน้ำและคอมเพรสเซอร์ ไม่ใช้สายพาน ช่วยลดแรงเสียดทาน ขณะที่วาล์วไอเสียหล่อโซเดียม เพิ่มการระบายความร้อนของห้องเครื่องได้ดียิ่งขึ้น
จากการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และมอเตอร์และเทคโนโลยี คลัทช์คู่อัจฉริยะ รวมถึงเกียร์ XTRONIC CVT พร้อม Manual Mode 7 สปีด ช่วยให้ เอ็กซ์เทรล ไฮบริด เป็นรถที่มีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่โดดเด่นที่สุดในคลาส โดยประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร อย่างเดียวถึง 25.6%
ออพชั่น-ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้สนุกแต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยรอบด้าน อาทิ ระบบ Advance Chassis Control ที่ประกอบด้วยระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (ARC) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (ATC) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเสริมระบบความปลอดภัยตามแนวคิด Safety shield อย่างถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง (SRS) และยังเติมเต็มความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็น กุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
ภายนอก-ในตกแต่งใหม่สปอร์ต-หรูหรา
ภายนอกติดตั้งไฟหน้าแอลอีดีโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน (DRL) แบบแอลอีดีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็กซ์เทรล ไฟตัดหมอกหน้า กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครมสีพิเศษ คิ้วขอบกันชนหน้าสีพิเศษ คิ้วขอบประตูท้ายตกแต่งด้วยโครมสีพิเศษ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวระบบ Heated Mirror ปรับและพับด้วยไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ให้ความรู้สึกสปอร์ต ล้ออัลลอย ขนาด17 นิ้ว ติดตั้งราวหลังคาเพิ่มความสะสะดวกในการใช้งาน บรรทุกสิ่งของ สัมภาระ พร้อมสัญลักษณ์ไฮบริดที่ด้านท้าย
ภายในห้องโดยสารหรูหราและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งหนังแท้ โดยเบาะคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย-ขวา พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่ยังคงขนาดใหญ่ เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบนราบ เพิ่มพื้นที่บรรทุกสิ่งของ ขณะที่ยังคงประตูท้ายเปิดปิดอัตโนมัติ (Auto Lift gate) ที่ได้รับความชื่นชอบจากลูกค้า ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง (AVM) หน้าจอ แสดงผล 3 มิติ (MID) รวมถึงข้อมูล ขับเคลื่อนของระบบไฮบริด
วางขาย 3 รุ่นย่อย 2.0S 2WD HEV ราคา 1.249 ล้านบาท 2.0E 2WD HEV ราคา 1.324 ล้านบาท และรุ่นท็อป 2.0V 4WD HEV ราคา 1.395 ล้านบาท
ตารางเปรียบเทียบราคาระหว่างรุ่นไฮบริดกับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร
ประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขายกล่าวว่า สำหรับแนวทางการสื่อสารการตลาดจะเน้นเชิงรุก เพื่อเข้าถึงลูกค้าผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์โฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ ภายใต้แนวคิดว่า “ตอบทุกความสมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิต” หรือ Redefine Your Drive รวมถึงเพิ่มการรับรู้จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ และยังมีกิจกรรมทางการขายและการตลาดหลากหลายเพื่อให้ลูกค้าและผู้สนใจได้มีโอกาสทดสอบสมรรถนะที่โดดเด่นและแตกต่างของระบบ Nissan Pure Drive Hybrid
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาวสตอร์มไวท์ สีเงิน บริลเลี่ยนท์ซิลเวอร์ สีเขียวมิดไนท์เจด สีเทา ดีพไอริสเกรย์ สีดำ แบล็คสตาร์
นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นิสสัน รับประกันรถยนต์ 3 ปี หรือ 1 แสน กม.รับประกันระบบไฮบริด 3 ปี หรือ 1 แสน กม. และยังรับประกันแบตเตอรีถึง 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย นอกจากนี้นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริดยัง มาพร้อมกับข้อเสนอพิเศษเพื่อการเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้นจากนิสสัน โดยแถมประกันภัยชั้น 1 (Nissan Premium Protection) 1 ปี พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษา 60,000 กม.หรือ 36 เดือน และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.79%
คะซุทากะ นัมบุ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นิสสันยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่ตื่นเต้นเร้าใจ หรือ Innovation that Excites ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในทุกๆด้าน และเพื่อการบรรลุเป้าหมายเป้าหมายของความพยายามลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ นอกเหนือจากการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้มลพิษ ที่นิสสันมีความเป็นผู้นำในระดับโลกแล้วนั้น การสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์พลังงานทางเลือก ถือเป็นอีกส่วนสำคัญในการบรรลุสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
“เหตุนี้นิสสันจึงได้แนะนำรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์พลังงานทางเลือกอย่าง “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” ใหม่ สู่ตลาดประเทศไทย ซึ่งนิสสันมีความมั่นใจในสมรรถนะในทุกๆด้านของรถยนต์รุ่นนี้อย่างยิ่ง โดยเชื่อมั่นว่าจะทำให้ลูกค้าที่รอคอยเทคโนโลยีไฮบริดนี้ของนิสสัน มีประสบการณ์ที่ประทับใจและเชื่อมั่นกับความเหนือระดับอันแตกต่างที่นิสสันได้พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าในกลุ่มที่ชื่นชอบรถยนต์แบบ SUV และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีรวมถึงใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม”
Pure Drive Hybrid มาพร้อมเทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจฉริยะ
โนบูซูเกะ โทคุระ หัวหน้าวิศวกรโครงการพัฒนารถยนต์รุ่น เอ็กซ์เทรล ไฮบริด (Chief Vehicle Engineering - CVE) บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ความโดดเด่นของระบบ นิสสัน เพียวไดรฟ์ ไฮบริด (Pure Drive Hybrid) คือการใช้เทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจริยะ (Intelligence Dual Clutch System) เอกสิทธิ์ของนิสสันที่สามารถประยุกต์ใช้กับรถยนต์วางเครื่องยนต์ด้านหน้า ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อโดยไม่ต้องมีการดัดแปลงในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม จากเอ็กซ์-เทรลที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินมาสู่เครื่องยนต์แบบไฮบริด”
สำหรับเทคโนโลยี คลัทช์คู่อัจริยะ (Intelligence Dual Clutch System) ประกอบด้วยคลัทช์จำนวน 2 ตัว โดยคลัทช์ตัวที่ 1 ติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเกียร์แบบ XTRONIC CVT คลัทช์ตัวที่ 2 อยู่ระหว่างมอเตอร์และเกียร์ CVT โดยมีรูปแบบการทำงานดังนี้
-เมื่อรถยนต์ต้องการกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ เช่น ช่วงการเร่งแซง หรือ ทำความเร็ว คลัทช์ทั้ง 2 ตัวจะทำงานพร้อมกัน ทำให้เกียร์ CVT ได้รับกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
-การขับขี่ในช่วงที่ใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว จะมีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่จากเครื่องยนต์ คลัทช์ตัวที่ 1 จะทำงาน เพื่อถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ส่งไปขับเคลื่อนเกียร์ ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า จะทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์เพื่อรีชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่
-เมื่อระบบไม่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์ คลัทช์ตัวที่ 1 ที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ จะตัดการทำงานจากเครื่องยนต์ ผลที่ตามมาคือ เครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน ทำให้ไม่มีแรงเสียดทานจากการหมุนของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เหลือเพียงมอเตอร์ไฟฟ้ากับเกียร์เท่านั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องยนต์จะทำงานเหมือนกับเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV)
-และอีกคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากระบบไฮบริดอื่นๆ คือ ระบบคลัทช์คู่อัจฉริยะ สามารถทำงานที่ความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงกว่าระบบไฮบริดทั่วไป อันจะนำมาซึ่งการประหยัดน้ำมันในย่านความเร็วสูงอีกด้วย
เทียบเบนซินประหยัดที่สุดในคลาส
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ เบนซิน 2.0 ลิตร MR20DD 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Twin C-VCT ไดเร็ค อินเจคชั่น ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมถึง 179 แรงม้า เทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร โดยเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับระบบไฮบริด ปั๊มน้ำและคอมเพรสเซอร์ ไม่ใช้สายพาน ช่วยลดแรงเสียดทาน ขณะที่วาล์วไอเสียหล่อโซเดียม เพิ่มการระบายความร้อนของห้องเครื่องได้ดียิ่งขึ้น
จากการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และมอเตอร์และเทคโนโลยี คลัทช์คู่อัจฉริยะ รวมถึงเกียร์ XTRONIC CVT พร้อม Manual Mode 7 สปีด ช่วยให้ เอ็กซ์เทรล ไฮบริด เป็นรถที่มีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่โดดเด่นที่สุดในคลาส โดยประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร อย่างเดียวถึง 25.6%
ออพชั่น-ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้สนุกแต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยรอบด้าน อาทิ ระบบ Advance Chassis Control ที่ประกอบด้วยระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (ARC) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (ATC) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเสริมระบบความปลอดภัยตามแนวคิด Safety shield อย่างถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง (SRS) และยังเติมเต็มความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็น กุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
ภายนอก-ในตกแต่งใหม่สปอร์ต-หรูหรา
ภายนอกติดตั้งไฟหน้าแอลอีดีโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน (DRL) แบบแอลอีดีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็กซ์เทรล ไฟตัดหมอกหน้า กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครมสีพิเศษ คิ้วขอบกันชนหน้าสีพิเศษ คิ้วขอบประตูท้ายตกแต่งด้วยโครมสีพิเศษ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวระบบ Heated Mirror ปรับและพับด้วยไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ให้ความรู้สึกสปอร์ต ล้ออัลลอย ขนาด17 นิ้ว ติดตั้งราวหลังคาเพิ่มความสะสะดวกในการใช้งาน บรรทุกสิ่งของ สัมภาระ พร้อมสัญลักษณ์ไฮบริดที่ด้านท้าย
ภายในห้องโดยสารหรูหราและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งหนังแท้ โดยเบาะคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย-ขวา พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่ยังคงขนาดใหญ่ เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบนราบ เพิ่มพื้นที่บรรทุกสิ่งของ ขณะที่ยังคงประตูท้ายเปิดปิดอัตโนมัติ (Auto Lift gate) ที่ได้รับความชื่นชอบจากลูกค้า ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง (AVM) หน้าจอ แสดงผล 3 มิติ (MID) รวมถึงข้อมูล ขับเคลื่อนของระบบไฮบริด
วางขาย 3 รุ่นย่อย 2.0S 2WD HEV ราคา 1.249 ล้านบาท 2.0E 2WD HEV ราคา 1.324 ล้านบาท และรุ่นท็อป 2.0V 4WD HEV ราคา 1.395 ล้านบาท
ตารางเปรียบเทียบราคาระหว่างรุ่นไฮบริดกับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร
ไฮบริด | เครื่องยนต์สันดาปภายใน |
2.0S 2WD ราคา 1,249,000 บาท | 2.0S 2WD ราคา 1,172,000 บาท |
2.0E 2WD ราคา 1,324,000 บาท | 2.0E 2WD ราคา 1,246,000 บาท |
- | 2.0V 4WD ราคา 1,325,000 บาท |
2.0V 4WD ราคา 1,395,000 บาท | 2.5V 4WD ราคา 1,551,000 บาท |
ประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขายกล่าวว่า สำหรับแนวทางการสื่อสารการตลาดจะเน้นเชิงรุก เพื่อเข้าถึงลูกค้าผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์โฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ ภายใต้แนวคิดว่า “ตอบทุกความสมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิต” หรือ Redefine Your Drive รวมถึงเพิ่มการรับรู้จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ และยังมีกิจกรรมทางการขายและการตลาดหลากหลายเพื่อให้ลูกค้าและผู้สนใจได้มีโอกาสทดสอบสมรรถนะที่โดดเด่นและแตกต่างของระบบ Nissan Pure Drive Hybrid
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาวสตอร์มไวท์ สีเงิน บริลเลี่ยนท์ซิลเวอร์ สีเขียวมิดไนท์เจด สีเทา ดีพไอริสเกรย์ สีดำ แบล็คสตาร์
นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นิสสัน รับประกันรถยนต์ 3 ปี หรือ 1 แสน กม.รับประกันระบบไฮบริด 3 ปี หรือ 1 แสน กม. และยังรับประกันแบตเตอรีถึง 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย นอกจากนี้นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริดยัง มาพร้อมกับข้อเสนอพิเศษเพื่อการเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้นจากนิสสัน โดยแถมประกันภัยชั้น 1 (Nissan Premium Protection) 1 ปี พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษา 60,000 กม.หรือ 36 เดือน และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.79%