หลังซูบารุปรับกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ทั้งในเรื่องตัวสินค้าและการปรับราคาลงเมื่อต้นปีที่ผ่านมาส่งผลให้ตัวเลขยอดขายเพิ่มขึ้นเกินคาด ทั้งซูบารุ เอ็กซ์วี ,ซูบารุ บีอาร์ซี และปลายปีนี้ซูบารุ เตรียมนำเข้ารถรุ่นใหม่ “ซูบารุ เลอวอร์ค “ (Subaru Levorg) รถอเนกประสงค์สเตชันแวกอน มาเสริมไลน์ผลิตภัณฑ์ในไทย
ล่าสุด ทีซี ซูบารุ ประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชนไทยพร้อมสื่อมวลชนในแถบเอเชีย ร่วมเปิดตัว ซูบารุ เลอวอร์ค ณ ประเทศไต้หวัน โดยรถที่นำมาโชว์มีให้ 2 เครื่องยนต์ เริ่มจากรหัส FB16 เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบนอน ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน AVCS และระบบไดเร็กอินเจ็กชั่นหรือ DIT พร้อมเทอร์โบเพื่อช่วยเพิ่มกำลัง โดยความจุของเครื่องยนต์อยู่ในระดับ 1,600 ซีซี แต่สามารถเค้นกำลังออกมาได้ 170 แรงม้า ที่ 4,800-5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 1,800-4,800 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 8.9 วินาที และความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามโหมด JC08 ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 16.0-17.6 กิโลเมตร/ลิตร
และเครื่องยนต์ FA20 แบบ 4 สูบนอน ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี เทอร์โบ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทั้ง DIT และ AVCS เหมือนกับรุ่น 1,600 ซีซี และแรงสะใจด้วยกำลังในระดับ 300 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 2,000-4,800 รอบ/นาที มีความประหยัดน้ำมันตามการทดสอบในโหมด JC08 อยู่ที่ 13.2 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนประเทศไทยน่าจะนำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นรุ่น 1,600 ซีซี เพื่อมาทำตลาดในช่วงปลายปี หรืองานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2015 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์แบบแวกอน จากปัจจุบันที่มีรถอเนกประสงค์ให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ กับรุ่น เอ็กซ์วี ,เอาท์แบ็ก และรุ่นใหญ่ ฟอเรสเตอร์ โดยราคาของเลอวอร์คไม่น่าจะเกิน 2.5 ล้านบาท
สำหรับเลอวอร์คเปิดตัวเป็นรถยนต์แบบในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2013 และจากนั้นไม่นานเมื่อถึงกลางปี 2014 ซูบารุจัดการผลิตขายจริงเพื่อส่งทำตลาดญี่ปุ่น โดยหน้าที่ของเลอวอร์คคือการเข้ามาทดแทนการขาดหายไปของตัวถังแวกอนของทั้งอิมเพรซา และเลกาซี่ ขณะที่ตลาดยุโรปมีการส่งเข้าไปขายด้วยเช่นกัน โดยเปิดตัว ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยชื่อรุ่น Levorg เป็นคำมาจาก Legacy Revolution Touring
รูปลักษณ์ภายนอกของเลอวอร์คได้รับการถ่ายทอดสไตล์และแนวทางการออกแบบ ที่เราคุ้นเคยกันดีจากอิมเพรซา และเลกาซี่ใหม่ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ด้านหน้า กับกระจังหน้าซึ่งถูกออกแบบ ให้ยาวยื่นออกมาเหมือนกับเป็นจมูกของตัวรถ คล้ายกับสไตล์ของวอลโว่ ไฟหน้าทรงเหลี่ยมแบบสปอร์ต ออกแบบได้รับกระจังหน้าเป็นอย่างดี
ส่วนไฟ Daytime Running Light ถูกย้ายมาอยู่ที่บนกันชนหน้า ในตำแหน่งใกล้กับสปอตไลท์ -ขณะที่ด้านท้ายออกแบบได้อย่างสวยและลงตัวกับการใช้ไฟท้ายทรงเหลี่ยม พร้อมกับหลอดแบบ LED ที่วางตัวในลักษณะเป็นตัว C
ด้านความอเนกประสงค์ ตอบสนองได้อย่างเต็มที่กับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ซึ่งมีความจุ 522 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 1,446 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเลกาซี่ แวกอนรุ่นที่แล้ว ในด้านพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวพื้นที่วางขาและช่วงไหล่เบาะนั่งหลัง
มิติตัวถังของเลอวอร์คมากับความยาว 4,690 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,485-1,490 มิลลิเมตรขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย โดยที่ระยะฐานล้อมีความยาว 2,650 มิลลิเมตร ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกับเกียร์ซึ่งเป็นอัตโนมัติอัตราทดแปรผัน ต่อเนื่อง หรือ CVT ซึ่งทางซูบารุเรียกว่า Lineartronic และมีการแบ่งจังหวะเกียร์เดินหน้าออกเป็น 6 จังหวะด้วยกันในกรณีที่ผู้ขับขี่ต้องการขับแบบสปอร์ตด้วยการเลือกเปลี่ยนเกียรเองผ่านทาง Paddle Shift โดยเกียร์ที่ใช้ในรุ่น 1,600 ซีซี จะมีอัตราทดระหว่าง 3.581-0.570 ส่วนรุ่น 2,000 ซีซี จะมีอัตราทดระหว่าง 3.105-0.482 สำหรับในยุโรปจะมีขายกับรุ่น 1,600 ซีซี DIT เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น เพราะกับตัวเลข 170 แรงม้า ก็มีความเร้าใจเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี แล้วแต่มีความจุน้อยกว่าถึง 36%
ในแง่ของการยึดเกาะถนน สามารถตอบสนองได้ด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบปีกนก 2 ชั้น โดยล้อและยางขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยแต่จะมีให้เลือกทั้งขนาด 17-18 นิ้ว โดยที่ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมเอบีเอส อีบีดี และอีเอสพีมาจากโรงงานเลย
ราคาของเลอวอร์คในตลาดญี่ปุ่นตั้งเอาไว้ที่ 2,775,600-3,013,200 เยน หรือคิดเป็นเงินไทย แบบยังไม่รวมภาษีนำเข้าอยู่ที่ 832,000-903,000 บาท
ล่าสุด ทีซี ซูบารุ ประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชนไทยพร้อมสื่อมวลชนในแถบเอเชีย ร่วมเปิดตัว ซูบารุ เลอวอร์ค ณ ประเทศไต้หวัน โดยรถที่นำมาโชว์มีให้ 2 เครื่องยนต์ เริ่มจากรหัส FB16 เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบนอน ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน AVCS และระบบไดเร็กอินเจ็กชั่นหรือ DIT พร้อมเทอร์โบเพื่อช่วยเพิ่มกำลัง โดยความจุของเครื่องยนต์อยู่ในระดับ 1,600 ซีซี แต่สามารถเค้นกำลังออกมาได้ 170 แรงม้า ที่ 4,800-5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 1,800-4,800 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 8.9 วินาที และความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามโหมด JC08 ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 16.0-17.6 กิโลเมตร/ลิตร
และเครื่องยนต์ FA20 แบบ 4 สูบนอน ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี เทอร์โบ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทั้ง DIT และ AVCS เหมือนกับรุ่น 1,600 ซีซี และแรงสะใจด้วยกำลังในระดับ 300 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 2,000-4,800 รอบ/นาที มีความประหยัดน้ำมันตามการทดสอบในโหมด JC08 อยู่ที่ 13.2 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนประเทศไทยน่าจะนำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นรุ่น 1,600 ซีซี เพื่อมาทำตลาดในช่วงปลายปี หรืองานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2015 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์แบบแวกอน จากปัจจุบันที่มีรถอเนกประสงค์ให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ กับรุ่น เอ็กซ์วี ,เอาท์แบ็ก และรุ่นใหญ่ ฟอเรสเตอร์ โดยราคาของเลอวอร์คไม่น่าจะเกิน 2.5 ล้านบาท
สำหรับเลอวอร์คเปิดตัวเป็นรถยนต์แบบในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2013 และจากนั้นไม่นานเมื่อถึงกลางปี 2014 ซูบารุจัดการผลิตขายจริงเพื่อส่งทำตลาดญี่ปุ่น โดยหน้าที่ของเลอวอร์คคือการเข้ามาทดแทนการขาดหายไปของตัวถังแวกอนของทั้งอิมเพรซา และเลกาซี่ ขณะที่ตลาดยุโรปมีการส่งเข้าไปขายด้วยเช่นกัน โดยเปิดตัว ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยชื่อรุ่น Levorg เป็นคำมาจาก Legacy Revolution Touring
รูปลักษณ์ภายนอกของเลอวอร์คได้รับการถ่ายทอดสไตล์และแนวทางการออกแบบ ที่เราคุ้นเคยกันดีจากอิมเพรซา และเลกาซี่ใหม่ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ด้านหน้า กับกระจังหน้าซึ่งถูกออกแบบ ให้ยาวยื่นออกมาเหมือนกับเป็นจมูกของตัวรถ คล้ายกับสไตล์ของวอลโว่ ไฟหน้าทรงเหลี่ยมแบบสปอร์ต ออกแบบได้รับกระจังหน้าเป็นอย่างดี
ส่วนไฟ Daytime Running Light ถูกย้ายมาอยู่ที่บนกันชนหน้า ในตำแหน่งใกล้กับสปอตไลท์ -ขณะที่ด้านท้ายออกแบบได้อย่างสวยและลงตัวกับการใช้ไฟท้ายทรงเหลี่ยม พร้อมกับหลอดแบบ LED ที่วางตัวในลักษณะเป็นตัว C
ด้านความอเนกประสงค์ ตอบสนองได้อย่างเต็มที่กับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ซึ่งมีความจุ 522 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 1,446 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเลกาซี่ แวกอนรุ่นที่แล้ว ในด้านพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวพื้นที่วางขาและช่วงไหล่เบาะนั่งหลัง
มิติตัวถังของเลอวอร์คมากับความยาว 4,690 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,485-1,490 มิลลิเมตรขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย โดยที่ระยะฐานล้อมีความยาว 2,650 มิลลิเมตร ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกับเกียร์ซึ่งเป็นอัตโนมัติอัตราทดแปรผัน ต่อเนื่อง หรือ CVT ซึ่งทางซูบารุเรียกว่า Lineartronic และมีการแบ่งจังหวะเกียร์เดินหน้าออกเป็น 6 จังหวะด้วยกันในกรณีที่ผู้ขับขี่ต้องการขับแบบสปอร์ตด้วยการเลือกเปลี่ยนเกียรเองผ่านทาง Paddle Shift โดยเกียร์ที่ใช้ในรุ่น 1,600 ซีซี จะมีอัตราทดระหว่าง 3.581-0.570 ส่วนรุ่น 2,000 ซีซี จะมีอัตราทดระหว่าง 3.105-0.482 สำหรับในยุโรปจะมีขายกับรุ่น 1,600 ซีซี DIT เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น เพราะกับตัวเลข 170 แรงม้า ก็มีความเร้าใจเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี แล้วแต่มีความจุน้อยกว่าถึง 36%
ในแง่ของการยึดเกาะถนน สามารถตอบสนองได้ด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบปีกนก 2 ชั้น โดยล้อและยางขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยแต่จะมีให้เลือกทั้งขนาด 17-18 นิ้ว โดยที่ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมเอบีเอส อีบีดี และอีเอสพีมาจากโรงงานเลย
ราคาของเลอวอร์คในตลาดญี่ปุ่นตั้งเอาไว้ที่ 2,775,600-3,013,200 เยน หรือคิดเป็นเงินไทย แบบยังไม่รวมภาษีนำเข้าอยู่ที่ 832,000-903,000 บาท