ในตอนนี้ซูซูกิพร้อมลุยตลาดเก๋งเล็กอีกครั้ง กับผลผลิตใหม่ที่สวยและสปอร์ตในทุกรายละเอียดกับชื่อ บาเลโน โดยมีระดับตลาดอยู่ในกลุ่ม B-Segment แม้ว่าตัวถังจะมีขนาดใกล้เคียงกับรถยนต์ที่อยู่สูงกว่าอย่าง C-Segment



บาเลโนได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นตัวถังรุ่นใหม่ของซูซูกิ พร้อมกับแนวทางการออกแบบที่เรียกว่า Liquid Flow ซึ่งถือเป็น Concept Design แบบใหม่ที่ซูซูกิจะนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในอนาคต โดยตัวรถมากับตัวถังทรงแฮทช์แบ็ค 5 ประตูที่มีความยาว 3,995 มิลลิเมตร กว้าง 1,745 มิลลิเมตร และสูง 1,470 มิลลิเมตร พร้อมพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายระดับ 355 ลิตร ซึ่งทางซูซูกิเผยว่าด้วยไซส์ของตัวรถในระดับนี้ เท่ากับว่าบาเลโนจะมีขนาดตัวถังใหญ่กว่ารถยนต์ในกลุ่ม B-Segment ทั่วไป และใกล้เคียงกับ C-Segment แต่ทว่าการเลือกใช้ครื่องยนต์และการกำหนดกลุ่มตลาดจะอยู่ในกลุ่มของ B-Segment
สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาดก็มีบล็อกใหม่แบบ Boosterjet แบบ 3 สูบที่ใช้เทคโนโลยี Di หรือ Direct Injection บล็อกใหม่ พร้อมเทอร์โบ มีความจุในระดับ 1,000 ซีซี เทอร์โบ 110 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 17.3 กก.-ม. และอีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ Dualjet มีความจุ 1,200 ซีซี มีกำลังสูงสุด 89 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. โดยจะมีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ อัตโนมัติ 6 จังหวะ หรือ CVT แบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง
โรงงานประกอบของบาเลโนจะอยู่ที่ประเทศฮังการี่ และจะเริ่มวางขายในยุโรปช่วงปลายปีนี้







บาเลโนได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นตัวถังรุ่นใหม่ของซูซูกิ พร้อมกับแนวทางการออกแบบที่เรียกว่า Liquid Flow ซึ่งถือเป็น Concept Design แบบใหม่ที่ซูซูกิจะนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในอนาคต โดยตัวรถมากับตัวถังทรงแฮทช์แบ็ค 5 ประตูที่มีความยาว 3,995 มิลลิเมตร กว้าง 1,745 มิลลิเมตร และสูง 1,470 มิลลิเมตร พร้อมพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายระดับ 355 ลิตร ซึ่งทางซูซูกิเผยว่าด้วยไซส์ของตัวรถในระดับนี้ เท่ากับว่าบาเลโนจะมีขนาดตัวถังใหญ่กว่ารถยนต์ในกลุ่ม B-Segment ทั่วไป และใกล้เคียงกับ C-Segment แต่ทว่าการเลือกใช้ครื่องยนต์และการกำหนดกลุ่มตลาดจะอยู่ในกลุ่มของ B-Segment
สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาดก็มีบล็อกใหม่แบบ Boosterjet แบบ 3 สูบที่ใช้เทคโนโลยี Di หรือ Direct Injection บล็อกใหม่ พร้อมเทอร์โบ มีความจุในระดับ 1,000 ซีซี เทอร์โบ 110 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 17.3 กก.-ม. และอีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ Dualjet มีความจุ 1,200 ซีซี มีกำลังสูงสุด 89 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. โดยจะมีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ อัตโนมัติ 6 จังหวะ หรือ CVT แบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง
โรงงานประกอบของบาเลโนจะอยู่ที่ประเทศฮังการี่ และจะเริ่มวางขายในยุโรปช่วงปลายปีนี้