แม้จะจัดหนักแบบเงียบๆ แต่ก็เรียกกระแสความสนใจได้คึกคักกว่าที่คิด สำหรับโมเดลใหม่ 4 รุ่นจากค่ายส้อมเสียง “ยามาฮ่า” ที่ซุ่มเผยโฉมครั้งแรกในงานประชุมเครือข่ายการขาย และต่อเนื่องถึงการเปิดตัวพร้อมราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการรอบสื่อมวลชน คลิ๊กอ่านข่าว ยามาฮ่าส่งรถใหม่ 4 รุ่นกระตุ้นตลาดครึ่งปีหลังเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยหลังจากแนะนำผลิตภัณฑ์กันเสร็จสิ้นในช่วงเช้า ค่ายดังจากแดนอาทิตย์อุทัยยังจัดกิจกรรมทดสอบสั้นๆ แบบอุ่นเครื่องให้กับอาวุธเด็ดที่จะใช้กระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลังในวันเดียวกันด้วย ภายในบริเวณสนามฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าหรือเรียกสั้นๆ ว่า ศูนย์ฝึกขับขี่ YRA นั่นเอง
อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนผู้ร่วมทดสอบมาจากสื่อหลายสำนักและมีเป็นจำนวนมาก รวมถึงรถใหม่ทั้ง 4 รุ่น ประกอบด้วย “MT-03”, “GT125”, “Fino125” และ “NMAX” มีจำนวนรุ่นละ 2 คัน ส่งผลให้ช่วงเวลาการลองขี่ของแต่ละคนต่อรุ่นจะจำกัดได้เพียงรุ่นละ 3 รอบเท่านั้น
MT-03
สำหรับโมเดลใหม่ที่ “ASTVผู้จัดการ Motoring” ได้คิวทำความรู้จักเป็นคันแรก คือ MT-03น้องใหม่ในตระกูล MT (Master of Torque) สำรวจรูปร่างหน้าตามีความโฉบเฉี่ยว มุ่งเจาะตลาดนักบิดที่ต้องการรถใช้งานในเมือง ส่วนออฟชันเด่นที่ติดตั้งมาให้ยกชุดมาจากโฉมสปอร์ตซีรีย์ R3 โดยมิติตัวรถดูเพรียวขึ้นจากการปลดเปลื้องชุดแฟริ่งที่ด้านหน้าและด้านข้าง ซึ่งแทนที่ด้วยโคมไฟและหน้ากากขนาดกะทัดรัด พร้อมเสริมความดุดันด้วยชุดบังลมหรืออกไก่ในด้านล่าง
ขณะที่ขุมพลังก็เป็นบล็อกเดียวกันแบบ 2 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ ปริมาตรสุทธิ 321 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 42 แรงม้า
ด้านการทดสอบสัมผัสแรกท่านั่งให้ความสบาย ตำแหน่งแฮนด์บาร์สูงและกว้างกำลังดี ถังน้ำมันและช่วงเบาะมีส่วนเว้า หัวเข่าโอบรัดได้กระชับ ส่วนการควบคุมทั้งสถานีสลาลอม โค้งแคบและกว้าง สามารถพลิกรถซิกแซกได้คล่องตัว อัตราเร่งตอบสนองทันใจ ระบบช่วงล่างและเบรกภายใต้รูปแบบการขับขี่ครั้งนี้ยังไม่มีข้อด้อยให้ตำหนิ
GT125
ขยับมาคันที่สองรุ่น GT125 สกู๊ตเตอร์โฉมใหม่ที่มากับเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี. พร้อมเทคโนโลยี “Blue Core” ซึ่งยามาฮ่าภูมิใจนำเสนอว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดสำหรับรถออโตเมติก เพราะมีทั้งความแรง ความประหยัด และรักษ์โลกไปพร้อมๆ กัน
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกเน้นเส้นสายที่มีเหลี่ยมสัน ให้อารมณ์ความสปอร์ต ไฟหน้าใช้แบบ Full LED ด้านความสะดวกสบายในการใช้งานก็ชูจุดขายหลักตามสไตล์ของรถประเภทนี้ สำหรับช่องเก็บของขนาดเล็กในด้านหน้าและขนาดใหญ่ที่ใต้เบาะ โดยมีสวิตซ์ล็อกเบรกหลังติดตั้งมาให้สำหรับจอดในที่ลาดชันด้วย
ทางด้านสมรรถนะการขับขี่ ตำแหน่งท่านั่งมีความสบาย แต่รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างหัวเข่าและตัวรถ รวมถึงพื้นที่วางเท้าจะแคบไปหน่อย ขณะที่การตอบสนองของอัตราเร่งและการควบคุมทำได้คล่องตัว แม้จะไม่จี๊ดจ๊าดอย่างที่คิด เมื่อเทียบกับบุคลิกของตัวรถที่มาพร้อมสโลแกนเฟี้ยวฟาสต์บาดใจ แต่หากรวมจุดเด่นในส่วนของการยึดเกาะถนน ด้วยหน้าสัมผัสของยางที่กว้างทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เบื้องต้นในภาพรวมยังถือว่าเป็นสกู๊ตเตอร์ที่ให้อรรถรสการขับขี่ดีใช้ได้ทีเดียว
Fino125
ต่อเนื่องคันที่สามกับโมเดลยอดนิยมที่มียอดขายกว่า 2 ล้านคัน และทำตลาดมาอย่างยาวนานเกือบ 10 ปีแล้ว สำหรับ Fino125 ในโฉมล่าสุดกับการขยายความจุเครื่องยนต์ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้สนุกสนานและเร้าใจยิ่งขึ้น โดยในขณะขับขี่สั้นๆ ที่ศูนย์ฝึก YRA ผู้เขียนก็รู้สึกว่าทำได้อย่างนั้นจริงๆ
ขณะที่ความโดดเด่นของออฟชันที่เพิ่มเข้ามาเช่นเดียวกับน้องใหม่คันที่สอง คือ การใช้เทคโนโลยี “Blue Core” เป็นจุดขายหลัก แต่รุ่นนี้เพิ่มความพิเศษตรงที่กล้ารับประกันว่าสามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้จนถึง E85
อย่างไรก็ตามการทดสอบครั้งนี้ยังไม่ได้พิสูจน์ว่า สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์ของผู้ขับขี่ไม่มากน้อยขนาดไหน เมื่อเทียบกับการเติม E20 ซึ่งเป็นชนิดเชื้อเพลิงที่สองล้อในท้องตลาดใช้กันทั่วไป(ในรุ่นที่ค่ายรถรับประกันว่าใช้ได้)
NMAX
สำหรับรุ่นสุดท้าย NMAX สกู๊ตเตอร์กลุ่มสปอร์ตพรีเมี่ยมที่ค่ายส้อมเสียงพร้อมส่งชนกับคู่แข่งโดยตรง และมั่นใจว่ามีจุดขายที่เหนือกว่า โดยนอกจากจะชูเทคโนโลยีล่าสุดที่พกทั้งความแรงและความประหยัด ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 155 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำแล้ว ยังจัดเต็มกับระบบวาล์วแปรผัน VVA และระบบดิสก์เบรกพร้อม ABS หน้า-หลัง อีกด้วย
โดยสิ่งที่เห็นภายนอก การออกแบบอ้างอิงมาจากตระกูลบิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นใหญ่ในค่าย หน้าตามีความทันสมัยหรูหราและความสปอร์ตในตัว ออฟชันติดรถ ไฟหน้าและไฟท้าย แบบ LED หน้าปัดแสดงสถานะแบบดิจิตอล ดีไซน์ขนาดกะทัดรัดสวยงาม แต่อ่านค่าค่อนข้างลำบากเพราะตัวเลขเล็กไปหน่อย
ส่วนการทดสอบสัมผัสแรกแม้จะแค่อุ่นเครื่อง 3 รอบ แต่การขับขี่มีความทับใจมากทีเดียว จากท่านั่งที่ยืดหยุ่นได้ ด้วยตำแหน่งการวางเท้ารองรับการใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง พร้อมมีอัตราเร่งตอบสนองทันใจ ให้กำลังมาเร็วตามแรงบิดที่ข้อมือ รวมถึงมีการควบคุมที่คล่องตัว สอดประสานกับการทำงานของช่วงล่างที่แน่นหนึบ ตัวรถมีความสมดุลดีจนรู้สึกว่าความสูงจากพื้นของตำแหน่งขาตั้งคู่จะวางต่ำไปหน่อย เพราะเลี้ยวแล้วขูดติดพื้น
ขณะเดียวกันระบบเบรก ABS แสดงประสิทธิภาพการช่วยชะลอความเร็วได้ดีเกินคาด เนื่องจากเซตค่าการตอบสนองตามแรงกดเบรกได้ฉับไว ซึ่งผู้เขียนรู้สึกว่าค่อนข้างตอบสนองเร็วเกินไปด้วยซ้ำ
...ทั้งหมดเป็นการทดสอบสั้นๆ ของโมเดลใหม่ทั้ง 4 รุ่นจากยามาฮ่าที่จะส่งกระตุ้นตลาดสองล้อในครึ่งปีหลังนี้ โดยผลิตภัณฑ์สามรุ่น ได้แก่ MT-03 ราคา 177,000 บาท, GT125 ราคา 43,000 บาท และ NMAX ราคา 78,200 บาท นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย ส่วน Fino125 ราคาเริ่มต้น 46,000 บาท ยังมีฐานการผลิตอยู่ในบ้านเราเช่นเดิม
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring