จากกระแสความนิยมรถสปอร์ตที่กำลังมาแรงในตลาดสองล้อบ้านเรา ส่งผลให้ปัจจุบันเกิดการแข่งขันค่อนข้างดุเดือดทีเดียว เห็นได้จากค่ายผู้ผลิตทั้งหลายต่างมีโมเดลเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคกันเกือบทุกยี่ห้อ ไล่เรียงตั้งแต่กลุ่มเครื่องยนต์ขนาดใหญ่อย่างบิ๊กไบค์จนถึงระดับกลางหรือกระทั่งรถใช้งานทั่วไป ขณะที่กลุ่มไซด์เล็กขนาดกะทัดรัดก็เปิดศึกแข่งขันรุนแรงไม่น้อยหน้า ทั้งแบรนด์เก่าและค่ายใหม่ “ญี่ปุ่น-ไทย-จีน” พร้อมใจรุกตลาดสวนหมัดหวังชิงส่วนแบ่งกันอย่างเต็มที่
“ความนิยมของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อรถจักรยานยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงไป สังเกตุได้จากสัดส่วนสองล้อประเภทออโตเมติกจากเดิม 47% ลดลงเหลือ 37% ส่วนกลุ่มรถสปอร์ตรวมถึงบิ๊กไบค์มีแนวโน้มที่เติบโตมากขึ้น โดยจากเดิมมีสัดส่วน 3% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 13% ในปีนี้” เป็นคำกล่าวของสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ที่ยืนยันถึงกระแสความนิยมรถสปอร์ตในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
โดยตัวเลือกหนึ่งของค่ายปีกนกที่กำลังมาแรงในกลุ่มรถประเภทนี้ คือ เอ็มเอสเอ็กซ์125 (MSX125) มินิไบค์ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว ชูจุดขายด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกคล่องตัว เปิดตัวครั้งแรกเมื่อต้นปี 2013 สนนราคา 66,000 บาท (ล่าสุดอยู่ที่ 68,900 บาท)
หากพิจารณาด้านราคาค่าตัวแล้ว แม้ถือว่าไม่คุ้มค่าเท่าไรนักเมื่อเทียบกับความสะดวกสบายสำหรับการใช้งาน ทว่าด้วยตำแหน่งการทำตลาดเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการตัดสินใจ สอดรับกับการกระตุ้นความต้องการและสร้างความเคลื่อนไหวให้ผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ โดยเพิ่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ฮอนด้าก็ยังรุกตลาดต่อเนื่องจ่อคิวปรับโฉมอีกครั้งภายในปีนี้อีกด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อมองด้านออฟชั่นติดรถที่ให้มาค่อนข้างเหนือกว่าคู่แข่งในท้องตลาด อาทิ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดที่ให้ความประหยัดมากกว่า หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอลบอกสถานะต่างๆ ได้แม่นยำชัดเจนและครบถ้วนมากกว่า รวมถึงควบคุมการส่งกำลังด้วยคลัทช์มือให้อรรถรสการขับขี่ที่ดีกว่า ตลอดจนชื่อชั้นแบรนด์ใหญ่เป็นเจ้าตลาด ซึ่งจากข้อได้เปรียบทั้งหมดจึงผลักดันให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยม จนกลายเป็นโมเดลที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในกลุ่มรถสปอร์ตของค่ายปีกนกไปแล้ว ด้วยยอดขายเฉลี่ย 5,000-7,000 คันต่อเดือน
ขยับมาดูตัวเลือกฝั่งคาวาซากิ แบรนด์สัญชาติเดียวกันที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดกลุ่มนี้ในเมืองไทย สำหรับโมเดลเลื่องชื่ออย่าง เคเอสอาร์ (KSR) ซึ่งเคยตีกินยอดขายแบบไร้คู่แข่งมานานเกือบ 10 ปี (เริ่มทำตลาดในไทยปี 2006 ล่าสุดมีเวอร์ชันลายกราฟฟิกลิมิเต็ดฉลองครบรอบ 10 ปีด้วย) ตอนนี้ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ปรับโฉมผลิตภัณฑ์กันขนานใหญ่ทีเดียว ด้วยการแตกไลน์เติมคำว่า “โปร” (Pro) และ “เดิร์ท” (Dirt) ต่อท้าย พร้อมทางเลือกที่เพิ่มขึ้นแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย สนนราคา 62,000-64,900 บาท
โดยในแต่ละรุ่นย่อยจะมีออฟชั่นที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ ระบบสตาร์ทมือ การใส่คลัทช์มือ ประเภทยางติดรถ และโช้กหลังปรับระดับความแข็งของสปริงได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะมีแต่ค่ายสองล้อจากแดนปลาดิบที่เดินหน้ารุกตลาดรถสปอร์ตไซส์เล็กแบบจริงจังเท่านั้น สำหรับแบรนด์น้องใหม่ที่กำลังมาแรงอย่างจีพีเอ็กซ์ ซึ่งเป็นยี่ห้อของคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ก็นำเสนอโมเดลทางเลือกลงชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยเช่นกัน ภายใต้ชื่อรุ่นเดมอน (Demon) เน็กเก็ตสปอร์ตไบค์ในโฉมมินิ
ว่ากันที่จุดขายหลักน่าจะอยู่ที่รูปร่างหน้าตา แต่ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม ดูไปแล้วช่างละม้ายคล้ายคลึงกับรุ่นฮิตของยี่ห้อดังจากแดนมักโรนีเหลือเกิน แถมมาพร้อมสโลแกนว่า “Dream Come True” เสียด้วย แบบนี้จะไม่ให้คิดว่าเป็นงานเลียนแบบแต่ย่อส่วนได้อย่างไร
ถึงกระนั้นแม้รูปโฉมจะยั่วกิเลสนักบิดได้มากขนาดไหนก็ตาม แต่ด้วยหัวใจหลักเครื่องยนต์มาจากประเทศจีน ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังกังวลเรื่องคุณภาพ ดังนั้นเจ้าของผลิตภัณฑ์จึงจัดออฟชันติดรถมาให้ไม่น้อยหน้าคู่แข่งค่ายญี่ปุ่น และตบท้ายด้วยกลยุทธ์ด้านราคากับการวางจำหน่ายในราคาสบายกระเป๋า 53,900 บาท
ทั้งนี้เมื่อกล่าวถึงรถจักรยานยนต์จากแดนมังกร ยังมีอีกตัวเลือกหนึ่งที่ลงทำศึกในสังเวียนนี้ด้วยอย่างยี่ห้อริวก้า(RYUKA) ซึ่งเป็นผลผลิตจากจงเซิน กรุ๊ป (Zongshen) กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของจีนที่เข้ามาเจาะตลาดสองล้อในบ้านเรา โดยมีรุ่นแซดเอสอาร์ (ZSR) ส่งเข้าประกวด
สำหรับข้อสังเกตุด้านงานออกแบบ ค่อนข้างชัดเจนว่าอ้างอิงกับรุ่นบุกเบิกจากแดนอาทิตย์อุทัยมากทีเดียว ตลอดจนกระทั่งชื่อรุ่นก็ใกล้เคียงกัน ขณะที่ออฟชันติดรถก็ไม่หนีกันสักเท่าไร ส่วนจุดขายที่แตกต่างและใช้ดึงดูดลูกค้ากลุ่มผู้มีงบประมาณจำกัด คงอยู่ที่การเปิดราคาจำหน่ายห่างกันเกือบสองหมื่นบาท หรืออยู่ที่ 46,000 บาท
ขณะเดียวกันนอกจากที่กล่าวมาทั้งหมด ยังมีอีกรุ่นที่น่าสนใจและเป็นมอเตอร์ไซค์แบรนด์คนไทยด้วย สำหรับสตาเลียน (Stallions) รุ่น@1 โดยรูปโฉมเป็นสปอร์ตฟูลแฟริ่งแบบมินิจีพี เพียงแต่น่าเสียดายที่จดทะเบียนใช้งานบนถนนไม่ได้ เพราะขาดการติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบอย่างพวกระบบไฟส่องสว่างและหน้าปัดแสดงสถานะต่างๆ ของตัวรถ
...ท้ายที่สุดต้องบอกว่าแค่สี่ตัวเลือกที่มีขณะนี้ก็เพียงพอทำให้ตลาดสปอร์ตไบค์ไซส์เล็กร้อนระอุอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่ายังมีค่ายยักษ์ใหญ่อีกสองแบรนด์ทั้ง “ยามาฮ่า” และ “ซูซูกิ” ที่ยังไม่มีอาวุธเด็ดลงทำศึก แต่หากดูจากแนวโน้มและทิศทางที่กระแสความนิยมรถสปอร์ตกำลังดีวันดีคืน เชื่อว่าอีกไม่นานคงต้องปล่อยหมัดสวนออกมาแน่นอน!
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
“ความนิยมของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อรถจักรยานยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงไป สังเกตุได้จากสัดส่วนสองล้อประเภทออโตเมติกจากเดิม 47% ลดลงเหลือ 37% ส่วนกลุ่มรถสปอร์ตรวมถึงบิ๊กไบค์มีแนวโน้มที่เติบโตมากขึ้น โดยจากเดิมมีสัดส่วน 3% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 13% ในปีนี้” เป็นคำกล่าวของสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ที่ยืนยันถึงกระแสความนิยมรถสปอร์ตในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
โดยตัวเลือกหนึ่งของค่ายปีกนกที่กำลังมาแรงในกลุ่มรถประเภทนี้ คือ เอ็มเอสเอ็กซ์125 (MSX125) มินิไบค์ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว ชูจุดขายด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกคล่องตัว เปิดตัวครั้งแรกเมื่อต้นปี 2013 สนนราคา 66,000 บาท (ล่าสุดอยู่ที่ 68,900 บาท)
หากพิจารณาด้านราคาค่าตัวแล้ว แม้ถือว่าไม่คุ้มค่าเท่าไรนักเมื่อเทียบกับความสะดวกสบายสำหรับการใช้งาน ทว่าด้วยตำแหน่งการทำตลาดเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการตัดสินใจ สอดรับกับการกระตุ้นความต้องการและสร้างความเคลื่อนไหวให้ผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ โดยเพิ่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ฮอนด้าก็ยังรุกตลาดต่อเนื่องจ่อคิวปรับโฉมอีกครั้งภายในปีนี้อีกด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อมองด้านออฟชั่นติดรถที่ให้มาค่อนข้างเหนือกว่าคู่แข่งในท้องตลาด อาทิ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดที่ให้ความประหยัดมากกว่า หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอลบอกสถานะต่างๆ ได้แม่นยำชัดเจนและครบถ้วนมากกว่า รวมถึงควบคุมการส่งกำลังด้วยคลัทช์มือให้อรรถรสการขับขี่ที่ดีกว่า ตลอดจนชื่อชั้นแบรนด์ใหญ่เป็นเจ้าตลาด ซึ่งจากข้อได้เปรียบทั้งหมดจึงผลักดันให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยม จนกลายเป็นโมเดลที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในกลุ่มรถสปอร์ตของค่ายปีกนกไปแล้ว ด้วยยอดขายเฉลี่ย 5,000-7,000 คันต่อเดือน
ขยับมาดูตัวเลือกฝั่งคาวาซากิ แบรนด์สัญชาติเดียวกันที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดกลุ่มนี้ในเมืองไทย สำหรับโมเดลเลื่องชื่ออย่าง เคเอสอาร์ (KSR) ซึ่งเคยตีกินยอดขายแบบไร้คู่แข่งมานานเกือบ 10 ปี (เริ่มทำตลาดในไทยปี 2006 ล่าสุดมีเวอร์ชันลายกราฟฟิกลิมิเต็ดฉลองครบรอบ 10 ปีด้วย) ตอนนี้ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ปรับโฉมผลิตภัณฑ์กันขนานใหญ่ทีเดียว ด้วยการแตกไลน์เติมคำว่า “โปร” (Pro) และ “เดิร์ท” (Dirt) ต่อท้าย พร้อมทางเลือกที่เพิ่มขึ้นแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย สนนราคา 62,000-64,900 บาท
โดยในแต่ละรุ่นย่อยจะมีออฟชั่นที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ ระบบสตาร์ทมือ การใส่คลัทช์มือ ประเภทยางติดรถ และโช้กหลังปรับระดับความแข็งของสปริงได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะมีแต่ค่ายสองล้อจากแดนปลาดิบที่เดินหน้ารุกตลาดรถสปอร์ตไซส์เล็กแบบจริงจังเท่านั้น สำหรับแบรนด์น้องใหม่ที่กำลังมาแรงอย่างจีพีเอ็กซ์ ซึ่งเป็นยี่ห้อของคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ก็นำเสนอโมเดลทางเลือกลงชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยเช่นกัน ภายใต้ชื่อรุ่นเดมอน (Demon) เน็กเก็ตสปอร์ตไบค์ในโฉมมินิ
ว่ากันที่จุดขายหลักน่าจะอยู่ที่รูปร่างหน้าตา แต่ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม ดูไปแล้วช่างละม้ายคล้ายคลึงกับรุ่นฮิตของยี่ห้อดังจากแดนมักโรนีเหลือเกิน แถมมาพร้อมสโลแกนว่า “Dream Come True” เสียด้วย แบบนี้จะไม่ให้คิดว่าเป็นงานเลียนแบบแต่ย่อส่วนได้อย่างไร
ถึงกระนั้นแม้รูปโฉมจะยั่วกิเลสนักบิดได้มากขนาดไหนก็ตาม แต่ด้วยหัวใจหลักเครื่องยนต์มาจากประเทศจีน ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังกังวลเรื่องคุณภาพ ดังนั้นเจ้าของผลิตภัณฑ์จึงจัดออฟชันติดรถมาให้ไม่น้อยหน้าคู่แข่งค่ายญี่ปุ่น และตบท้ายด้วยกลยุทธ์ด้านราคากับการวางจำหน่ายในราคาสบายกระเป๋า 53,900 บาท
ทั้งนี้เมื่อกล่าวถึงรถจักรยานยนต์จากแดนมังกร ยังมีอีกตัวเลือกหนึ่งที่ลงทำศึกในสังเวียนนี้ด้วยอย่างยี่ห้อริวก้า(RYUKA) ซึ่งเป็นผลผลิตจากจงเซิน กรุ๊ป (Zongshen) กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของจีนที่เข้ามาเจาะตลาดสองล้อในบ้านเรา โดยมีรุ่นแซดเอสอาร์ (ZSR) ส่งเข้าประกวด
สำหรับข้อสังเกตุด้านงานออกแบบ ค่อนข้างชัดเจนว่าอ้างอิงกับรุ่นบุกเบิกจากแดนอาทิตย์อุทัยมากทีเดียว ตลอดจนกระทั่งชื่อรุ่นก็ใกล้เคียงกัน ขณะที่ออฟชันติดรถก็ไม่หนีกันสักเท่าไร ส่วนจุดขายที่แตกต่างและใช้ดึงดูดลูกค้ากลุ่มผู้มีงบประมาณจำกัด คงอยู่ที่การเปิดราคาจำหน่ายห่างกันเกือบสองหมื่นบาท หรืออยู่ที่ 46,000 บาท
ขณะเดียวกันนอกจากที่กล่าวมาทั้งหมด ยังมีอีกรุ่นที่น่าสนใจและเป็นมอเตอร์ไซค์แบรนด์คนไทยด้วย สำหรับสตาเลียน (Stallions) รุ่น@1 โดยรูปโฉมเป็นสปอร์ตฟูลแฟริ่งแบบมินิจีพี เพียงแต่น่าเสียดายที่จดทะเบียนใช้งานบนถนนไม่ได้ เพราะขาดการติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบอย่างพวกระบบไฟส่องสว่างและหน้าปัดแสดงสถานะต่างๆ ของตัวรถ
...ท้ายที่สุดต้องบอกว่าแค่สี่ตัวเลือกที่มีขณะนี้ก็เพียงพอทำให้ตลาดสปอร์ตไบค์ไซส์เล็กร้อนระอุอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่ายังมีค่ายยักษ์ใหญ่อีกสองแบรนด์ทั้ง “ยามาฮ่า” และ “ซูซูกิ” ที่ยังไม่มีอาวุธเด็ดลงทำศึก แต่หากดูจากแนวโน้มและทิศทางที่กระแสความนิยมรถสปอร์ตกำลังดีวันดีคืน เชื่อว่าอีกไม่นานคงต้องปล่อยหมัดสวนออกมาแน่นอน!
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring