เอเยนซี - สัญญาณที่บ่งบอกว่าศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2015-16 กำลังจะมาเยือนแล้วก็คือเกมชิงโล่การกุศล “เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์” ซึ่งปีนี้จะมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม ณ เวมบลีย์ สเตเดียม เป็นการเจอกันของ เชลซี แชมป์ลีกปะทะ อาร์เซนอล แชมป์ เอฟเอ คัพ ตรงกับเวลาไทยคือ 21.00น.ช่อง 7 สี และ bugaboo.tv ถ่ายทอดสด
ปีที่แล้ว อาร์เซนอล คว้าแชมป์นี้ด้วยการถล่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี 3-0 ที่ผ่านมาเป็นแชมป์ 13 สมัย แต่มากที่สุดคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 20 สมัย ส่วน เชลซี เคยคว้ามาแค่เพียง 4 สมัย หนสุดท้ายคือปี 2009 ชนะจุดโทษ “ผีแดง” 4-1 หลังเสมอกัน 2-2
เกมนี้ถือเป็นบททดสอบของ อาร์เซนอล อย่างแท้จริงว่าปีที่กำลังจะเปิดฉากนี้พร้อมแค่ไหนสำหรับการเป็น 1 ในทีมที่จะขึ้นมาท้าทายตำแหน่งแชมป์ เพราะอย่างที่ โชเซ มูรินโญ กุนซือ เชลซี ออกมาจุดประเด็นให้เดือดก่อนแมตช์ด้วยการเหน็บว่าระยะหลัง อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ “ปืนโต” เลือกขี้ตืด โดยนับตั้งแต่ปี 2013-14 จ่ายไปรวม 148.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท) คว้า 10 แข้งมาเสริมทัพ
ที่เป็นน้ำเป็นเนื้อก็คือ 2 แนวรุก เมซุต โอซิล กับ อเล็กซิส ซานเชซ รวมถึงมือกาวป้ายแดงที่ได้มาซัมเมอร์นี้คือ ปีเตอร์ เช็ก จาก เชลซี ค่าตัว 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 540 ล้านบาท) ซึ่งก็เหมือนเป็นการกดดัน เวนเกอร์ ด้วยว่าการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 2 ปีติดต่อกันไม่เพียงพอเสียแล้ว โดยปีที่แล้ว อาร์เซนอล จบที่ 3 ตามหลังแชมป์อริร่วมกรุงลอนดอน 12 แต้ม
ผลงานอุ่นเครื่องของ อาร์เซนอล เชื่อขนมกินได้ซิวแชมป์ถ้วยที่รับหน้าเสื่อคือ “เอมิเรตส์ คัพ” รวมแล้ว 4 นัดยิงไป 14 ประตู แม้ว่าจะยังไม่มี ซานเชซ แนวรุกทีมชาติชิลี ที่อยู่ระหว่างพักผ่อน หลังไปช่วย ชิลี คว้าแชมป์ “โคปา อเมริกา 2015” โดยแข้งที่ซิวมาจาก บาร์เซโลนา รายนี้น่าจะเป็นคีย์แมนอย่างแท้จริง เพราะปีที่แล้วถลุงไป 25 ประตูจาก 52 นัด
นอกจากนี้ อาร์เซนอล เสียแค่ประตูเดียวเท่านั้นจากเกมชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1 ซึ่งต้องดูกันยาวๆ ว่าเป็นผลมาจากการคว้า เช็ก มือกาวประสบการณ์สูงมาจาก เชลซี หรือไม่ เวนเกอร์ เผยว่า “เกมรับของเราแน่นอนมากขึ้น เหมือนเป็นตัวส่งให้ยิงได้เป็นกอบเป็นกำ ถือเป็นเรื่องดีมาก อย่างไรก็ตามแม้คุณมีการเตรียมทีมช่วงปรีซีซันที่ดี แต่ไม่การันตีว่าจะออกสตาร์ทได้เยี่ยม ก็แค่เป็นเรื่องของความมั่นใจ คือโอกาสที่แสดงให้ทุกคนเห็นว่าเรายกระดับขึ้นก็เท่านั้น”
ส่วนแนวรุก อาร์เซนอล ยังไม่มี ซานเชซ ที่ยังไม่พร้อม รวมถึง แดนนี เวลเบ็ค ที่บาดเจ็บ แต่ก็ถือว่าตัวเลือกล้นมือนำโดย โอซิล กับ แจ๊ค วิลเชียร์ โดยเฉพาะกองกลางทีมชาติอังกฤษที่ดูเหมือนว่าจะดีวันดีคืน กองหน้าคงเป็น โอลิวิเยร์ ชิรูด์
แต่ปัญหาคือ อาร์เซนอล ยิง เชลซี ไม่ได้มา 482 นาทีแล้ว ลูกสุดท้ายที่ทำได้คือมกราคมปี 2013 บุกแพ้ 1-2 เป็น ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ซัดได้ ส่วนชัยชนะครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2011 บุกชนะ 5-3 ซึ่งทั้ง 2 นัดเป็นเกม พรีเมียร์ ลีก
ส่วนการเจอกันในศึก “เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์” ล่าสุดคือเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2005 เป็น เชลซี ชนะ 2-1 จากการเหมายิงของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าไอวอรี โคสต์ ตอนนั้นเตะกันที่ มิลเลนเนียม สเตเดียม เมืองคาร์ดิฟฟ์
ระยะหลังเหมือนว่าทั้งสองทีมจะกลายเป็นบอลแพ้ทางไปเสียแล้ว เพราะ เชลซี ของ โชเซ มูรินโญ กุนซือชาวโปรตุกีส ค่อนข้างเหนียวแน่น ขณะที่ อาร์เซนอล บุกแต่ยิงไม่ได้สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเอง เวนเกอร์ ก็ต้องเร่งขจัดปัญหานี้ เพราะ “ปืนโต” ไม่ออกสตาร์ทดีก็แผ่วหรือเป็นม้าตีนปลาย ปีที่แล้วครึ่งฤดูกาลหลังกวาดไป 44 แต้มจากความเป็นไปได้ 54 แต้ม ทว่าสายเกินไป แชมป์ลีกครั้งสุดท้ายถูกลำเลียงไปยัง เอมิเรตส์ สเตเดียม คือเมื่อปี 2004 ก็เรียกได้ว่ากำลังจะครบ 12 ปีพอดีที่ห่างหายไป
แมตช์นี้จะเป็นการหวนเจอทีมเก่าอย่างรวดเร็วของ เช็ก มือกาว อาร์เซนอล รวมถึง เชส ฟาเบรกาส กองกลางจอมทัพ เชลซี ที่ย้ายจาก บาร์เซโลนา คืน พรีเมียร์ ลีก เมื่อปีที่แล้วเป็นปีแรก ซึ่งจะว่าไปแล้ว 2 ปีที่ผ่านมา มูรินโญ ก็เสริมทัพไปไม่น้อยเหมือนกัน แต่ซัมเมอร์นี้เพลามือได้แค่ อัสเมียร์ เบโกวิช มือกาวจาก สโต๊ค ซิตี 8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 432 ล้านบาท) กับ ราดาเมล ฟัลเกา หอกที่ยืมจาก โมนาโก
เชลซี เพิ่งอุ่นเครื่องชนะจุดโทษ บาร์เซโลนา 4-2 หลังเวลาปกติเสมอ 2-2 มูรินโญ ชี้ว่าการกำชัยแบบนี้วัดอะไรไม่ได้อยู่แล้วสำหรับทั้งสองฝ่าย ส่วนตัวผู้เล่นก็คงไม่เปลี่ยนแปลงมากนำทัพโดย เอเดน ฮาซาร์ด เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ส่วน ดิเอโก กอสตา หอกสเปนก็เจ็บออดๆ แอดๆ ดูว่าจะเสี่ยงใช้งานหรือไม่ ด้าน แกรี เคฮิลล์ กองหลังที่จะจมูกหักอาจสวมหน้ากากลงเล่น
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *