“มาสด้า” เผยเทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ” ช่วยดันยอดขายในไทยขยับขึ้นมาครองอันดับที่ 3 ของตลาดรถยนต์นั่งได้สำเร็จ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ลั่นครึ่งปีหลังรุกหนักรอบทิศทาง เตรียมส่งรถใหม่เสริมทัพอีก 3 รุ่นรวด ครอบคลุมเซ็กเม้นต์หลักๆ ทั้งปิกอัพ รถสปอร์ต และรถอเนกประสงค์
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยในครึ่งปีแรกยังคงชะลอตัว โดยได้รับผลพวงอย่างเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ 6 เดือนแรกของตลาดอยู่ที่ประมาณ 368,000 คัน หรือลดลงประมาณ 16% ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์มีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้น ในส่วนของมาสด้ายอดการขายโดยรวมยังคงทรงตัวไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 16,837 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งแม้ว่ายอดขายจะทรงตัวแต่ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
สำหรับยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมทั้งสิ้น 2,939 คัน โดยรุ่นที่มียอดขายสูงสุดได้แก่รถยนต์นั่งมาสด้า2 มียอดขายสูงถึง 1,513 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 158% และครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 11% ก้าวขึ้นมาครองอันดับที่ 5 ของตลาดบีคาร์รวมกับอีโคคาร์ และกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกๆ เดือน ถัดมาได้แก่รถยนต์นั่งมาสด้า3 มียอดขาย 557 คัน สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 18% ก้าวขึ้นมาครองอันดับ 2 ของตลาดซีเซ็กเม้นต์ ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ยอดขายรวม 653 คัน และรถอเนกประสงค์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 มียอดขายรวม 216 คัน ทั้งนี้ในเดือนมิถุนายนสำหรับตลาดรถยนต์นั่ง มาสด้าสามารถก้าวขึ้นมาครองอันดับ 3 ในตลาดได้สำเร็จ ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 2,070 คัน
ในขณะที่ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มาสด้าดำเนินนโยบายการตลาดในเชิงรุกทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย จากการประเมินสภาวะการตลาดรถยนต์ไทยในช่วงที่ผ่านมาได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และกำลังจะทะยานขึ้น โดยตลาดเก๋งของมาสด้าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 ได้รับกระแสตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างมากๆ จากการประเมินตั้งแต่ต้นปีเราคิดว่าตลาดรถเก๋งเล็กและขนาดกลาง รวมถึงตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ยังมีแนวโน้มและทิศทางที่เป็นบวก และยอดขายรถเก๋งของเราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะมาสด้า2 เรามียอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 7,220 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 110% มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 7% และคาดว่าเดือนกรกฎาคมนี้จะเพิ่มขึ้นทะลุ 1,800 คัน
ทั้งนี้รถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนให้มาสด้าเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาสด้า3 โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 3,751 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4% ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 17% ส่วนอเนกประสงค์เอสยูวี Mazda CX-5 ยอดการจำหน่ายก็เป็นไปในทางที่ดีเช่นกัน ปัจจุบันมียอดขายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 1,734 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 4% ส่วนยอดขายรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร อยู่ที่ 4,117 คัน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดว่ายอดการจำหน่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมาสด้ากำลังจะเปิดตัวเข้าสู่ตลาดในเร็วๆ นี้
นายธีร์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นมาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ทั้งเครื่องยนต์คลีนดีเซลและเครื่องยนต์เบนซิน เข้าสู่ตลาด ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมกับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นส่งผลให้วันนี้มาสด้า2 กลายเป็นรถยนต์นั่งที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ และในช่วงเวลา 5 เดือนกว่าจากนี้ไป มาสด้าพร้อมรุกเต็มที่ เราคาดว่าตลาดจะกลับมาดีขึ้นอย่างมาก เห็นได้จากเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนยอดขายเริ่มดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้มาสด้าเตรียมเปิดตัวรถยนต์หลายรุ่นที่จะเสริมทัพเข้ามาทำตลาด ได้แก่ รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ รถสปอร์ตโรดสเตอร์ มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 และรถยนต์อเนกประสงค์ที่ทุกคนรอคอย มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีรสนิยมแตกต่างไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้การผลักดัน เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ให้เป็นที่ประจักษ์และประสบผลสำเร็จในทุกตลาด คือ เป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจของมาสด้าในอนาคต การคิดค้นนวัตกรรมใหม่คือหัวใจสำคัญของมาสด้า เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในทำงานได้อย่างเหมาะสมให้ผลลัพธ์สูงสุดและงานวิศวกรรมที่ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในรถมาสด้าใหม่ทุกรุ่น และเป็นยานยนต์สีเขียวที่มีราคาไม่แพง เทคโนโลยีนี้จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้ามาสด้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มาสด้านำมาผลิตกับรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งคัน ที่สำคัญลูกค้าสามารถรับรู้และสัมผัสถึงประสิทธิภาพของตัวรถจนเกิดการบอกต่อปากต่อปากทำให้ความร้อนแรงของมาสด้าแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
“มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อยกระดับแบรนด์สู่ความเป็นพรีเมียม ภายใต้แนวคิด “สึนาการิ (Tsunagari)” อันเป็นปรัชญาของมาสด้าในการมุ่งมั่นพัฒนาให้กลายเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือก ในครึ่งหลังของปีนี้ มาสด้าก็ยังคงมุ่งเน้นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นให้เป็นพรีเมียมแบรนด์ และสร้างความแตกต่างของแบรนด์มาสด้าให้เด่นชัดยิ่งขึ้น อันจะเห็นได้จากการปรับรูปลักษณ์ของโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและยกระดับภาพลักษณ์ของโชว์รูมให้ดูพรีเมียมมากขึ้น” นายธีร์กล่าวเสริม
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยในครึ่งปีแรกยังคงชะลอตัว โดยได้รับผลพวงอย่างเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ 6 เดือนแรกของตลาดอยู่ที่ประมาณ 368,000 คัน หรือลดลงประมาณ 16% ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์มีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้น ในส่วนของมาสด้ายอดการขายโดยรวมยังคงทรงตัวไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 16,837 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งแม้ว่ายอดขายจะทรงตัวแต่ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
สำหรับยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมทั้งสิ้น 2,939 คัน โดยรุ่นที่มียอดขายสูงสุดได้แก่รถยนต์นั่งมาสด้า2 มียอดขายสูงถึง 1,513 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 158% และครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 11% ก้าวขึ้นมาครองอันดับที่ 5 ของตลาดบีคาร์รวมกับอีโคคาร์ และกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกๆ เดือน ถัดมาได้แก่รถยนต์นั่งมาสด้า3 มียอดขาย 557 คัน สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 18% ก้าวขึ้นมาครองอันดับ 2 ของตลาดซีเซ็กเม้นต์ ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ยอดขายรวม 653 คัน และรถอเนกประสงค์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 มียอดขายรวม 216 คัน ทั้งนี้ในเดือนมิถุนายนสำหรับตลาดรถยนต์นั่ง มาสด้าสามารถก้าวขึ้นมาครองอันดับ 3 ในตลาดได้สำเร็จ ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 2,070 คัน
ในขณะที่ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มาสด้าดำเนินนโยบายการตลาดในเชิงรุกทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย จากการประเมินสภาวะการตลาดรถยนต์ไทยในช่วงที่ผ่านมาได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และกำลังจะทะยานขึ้น โดยตลาดเก๋งของมาสด้าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 ได้รับกระแสตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างมากๆ จากการประเมินตั้งแต่ต้นปีเราคิดว่าตลาดรถเก๋งเล็กและขนาดกลาง รวมถึงตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ยังมีแนวโน้มและทิศทางที่เป็นบวก และยอดขายรถเก๋งของเราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะมาสด้า2 เรามียอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 7,220 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 110% มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 7% และคาดว่าเดือนกรกฎาคมนี้จะเพิ่มขึ้นทะลุ 1,800 คัน
ทั้งนี้รถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนให้มาสด้าเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาสด้า3 โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 3,751 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4% ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 17% ส่วนอเนกประสงค์เอสยูวี Mazda CX-5 ยอดการจำหน่ายก็เป็นไปในทางที่ดีเช่นกัน ปัจจุบันมียอดขายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 1,734 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 4% ส่วนยอดขายรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร อยู่ที่ 4,117 คัน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดว่ายอดการจำหน่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมาสด้ากำลังจะเปิดตัวเข้าสู่ตลาดในเร็วๆ นี้
นายธีร์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นมาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ทั้งเครื่องยนต์คลีนดีเซลและเครื่องยนต์เบนซิน เข้าสู่ตลาด ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมกับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นส่งผลให้วันนี้มาสด้า2 กลายเป็นรถยนต์นั่งที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ และในช่วงเวลา 5 เดือนกว่าจากนี้ไป มาสด้าพร้อมรุกเต็มที่ เราคาดว่าตลาดจะกลับมาดีขึ้นอย่างมาก เห็นได้จากเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนยอดขายเริ่มดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้มาสด้าเตรียมเปิดตัวรถยนต์หลายรุ่นที่จะเสริมทัพเข้ามาทำตลาด ได้แก่ รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ รถสปอร์ตโรดสเตอร์ มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 และรถยนต์อเนกประสงค์ที่ทุกคนรอคอย มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีรสนิยมแตกต่างไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้การผลักดัน เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ให้เป็นที่ประจักษ์และประสบผลสำเร็จในทุกตลาด คือ เป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจของมาสด้าในอนาคต การคิดค้นนวัตกรรมใหม่คือหัวใจสำคัญของมาสด้า เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในทำงานได้อย่างเหมาะสมให้ผลลัพธ์สูงสุดและงานวิศวกรรมที่ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในรถมาสด้าใหม่ทุกรุ่น และเป็นยานยนต์สีเขียวที่มีราคาไม่แพง เทคโนโลยีนี้จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้ามาสด้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มาสด้านำมาผลิตกับรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งคัน ที่สำคัญลูกค้าสามารถรับรู้และสัมผัสถึงประสิทธิภาพของตัวรถจนเกิดการบอกต่อปากต่อปากทำให้ความร้อนแรงของมาสด้าแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
“มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อยกระดับแบรนด์สู่ความเป็นพรีเมียม ภายใต้แนวคิด “สึนาการิ (Tsunagari)” อันเป็นปรัชญาของมาสด้าในการมุ่งมั่นพัฒนาให้กลายเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือก ในครึ่งหลังของปีนี้ มาสด้าก็ยังคงมุ่งเน้นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นให้เป็นพรีเมียมแบรนด์ และสร้างความแตกต่างของแบรนด์มาสด้าให้เด่นชัดยิ่งขึ้น อันจะเห็นได้จากการปรับรูปลักษณ์ของโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและยกระดับภาพลักษณ์ของโชว์รูมให้ดูพรีเมียมมากขึ้น” นายธีร์กล่าวเสริม