เอพี ไม่หวั่นครึ่งปีหลัง 58 เศรษฐกิจชะลอตัว ยันอัตราว่างงานต่ำ รายได้ผู้บริโภคยังมีแค่ขาดความเชื่อมั่น พร้อมเดินหน้าเปิด 15 โครงการ มูลค่า 24,400 ล้านบาท เผยยอดขายครึ่งปีกว่า 17,269 ล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปี 28,300 ล้านบาท
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) AP เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งไปหลังว่า ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 0.6% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมีกำลังซื้อ แต่ขาดความเชื่อมั่นทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทจะต้องออกแคมเปญการตลาดออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดขาย
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่ารวม 24,020 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 5 โครงการ มูลค่า 3,290 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 1 โครงการ คือ The City นวมินทร์ 53 โครงการทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ แบ่งเป็นแบรนด์บ้านกลางเมือง 2 โครงการ และแบรนด์พลีโน่ จำนวน 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 15,240 ล้านบาท ล่าสุด บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับทางกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตล เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกันเป็นโครงการที่ 7 คือ LIFE ปิ่นเกล้า 40 เมตรจากสถานีบางยี่ขัน ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดขายในเดือนตุลาคมนี้ โดยปีนี้ตั้งงบประมาณซื้อที่ดิน 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 40%
“แผนการดำเนินงานระยะยาว บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในแง่ของการเลือกสรรทำเลที่ตั้งโครงการที่แวดล้อมด้วยรูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย การออกแบบสินค้าที่คำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานที่คุ้มค่าสูงสุด การควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างในทุกกระบวนการ ตลอดจนงานบริการหลังการขายให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป” นายวิทการ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มียอดขายแล้ว 17,269 ล้านบาท คิดเป็น 61% จากเป้าหมายยอดขายในปีนี้ตั้งไว้ที่ 28,300 ล้านบาท เติบโต 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคอนโดมิเนียมมียอดขาย 11,387 ล้านบาท ในส่วนของแนวราบมียอดขาย 5,881 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปีนี้ จำนวน 25,300 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกรับรู้ไปแล้ว 5,100 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ 34,417 ล้านบาท โดยจะทะยอยรับรู้ในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลืออีกจำนวน 11,200 ล้านบาท ที่เหลือทยอยรับรู้ใน 3 ปี
นายวิทการ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเอพีได้แยกหน่วยงานซ่อมบำรุงหลังการขาย (FIX IT) และคอลเซ็นเตอร์ รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านออกมาเป็นหน่วยงานบริการลูกบ้าน จากเดิมที่ฟิคอิทป็นหน่วยงานที่อยู่หน้างานระหว่างก่อสร้าง โดยมีทีมงานเต็มเวลา มีพนักงานคอลเซ็นเตอร์ 20 คน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าจากกรณีที่มีบ้านทรุด
แม้ว่าบริษัทจะเน้นการสร้างบ้านอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่การเลือกทำเล เมื่อได้ที่ดินก็ตรวจสอบคุณภาพอย่างเต็มที่ จนกระทั่งส่งมอบ แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า แม้คุณภาพจะดีเพียงใดย่อมต้องมีบ้างที่มีปัญหา โดยปัจจุบัน ลูกบ้านมีเรื่องร้องเรียนด้านบริการหลังการขาย หรือคุณภาพบ้านประมาณ 17-18% แต่ส่วนใหญ่เป็นบ้านที่ใกล้หมดอายุประกัน 1 ปี ซึ่งมีมากถึง 40% จึงมักโทร.มาเรียกช่างไปเก็บรายละเอียดต่างๆ มากกว่าการร้องเรียนปัญหาร้ายแรง
ปัจจุบัน บริษัทมีคอลเซ็นเตอร์ 4 แห่ง กระจายอยู่ทั่ว กทม. ส่วนกรณีที่มีปัญหาบ้านทรุดนั้นอยู่ระหว่างซ่อมแซม โดยยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบต่อการขายช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาแต่อย่างใด และช่วงที่ผ่านมา เมื่อวัดประสิทธิภาพฟิค อิทมีมีถึง 86% สูงกว่ามาตรฐานที่ที่กำหนดไว้ 75% อีกทั้งที่ผ่านมา บริษัทได้ตั้งงบประมาณสำรองสำหรับบริการหลังการขายไว้ 1% ของยอดขาย โดยได้สำรองมาแล้ว 4 ปี มีวงเงินรวมหลายร้อยล้านบาท เฉพาะปีนี้ตั้งสำรองไว้ 250 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขาย 25,000 ล้านบาท
“แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีข่าวดินทรุดในโครงการบ้านกลางกรุง รัชวิภา แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อยอดขายของบริษัทแต่อย่างใด โดยยอดการเยี่ยมชมโครงการยังคงปกติยอดขายต่อสัปดาห์ปกติ ขณะที่ยอดขายบ้านแนวราบครึ่งปีแรกโต 10% หรือมียอดขาย 5,881 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีลูกค้าสอบถามเข้ามาบ้างซึ่งก็ได้อธิบายไป ลูกค้าเข้าใจ” นายวิทการ กล่าว
