สำหรับเก๋งขนาดกลาง(ดี-เซกเมนต์) ที่ค่ายญี่ปุ่นจัดการแบ่งกลุ่มให้มีความชัดเจนในการทำตลาดเมืองไทย ตลอด10กว่าปีที่ผ่านมา ถือว่ามีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์และยอดขาย หรือศัพท์ในวงการเรียกกันว่ารถยนต์รุ่นธง (Flagship Model) ของค่ายนั่นละครับ
…กล่าวคือเป็นรถที่หวังยอดขาย แต่ต้องใส่เทคโนโลยีดีที่สุด (เมื่อเทียบกับกลุ่ม บี,ซี-เซกเมนต์) เพื่อภาพลักษณ์เชิดหน้าชูตาเหนือคู่แข่งและเอาไปคุยฟุ้งกับลูกค้าได้
ยิ่งในปัจจุบันดูการพัฒนาของโตโยต้า คัมรี และฮอนด้า แอคคอร์ด ที่ปล่อยของกันสนุก โดยฝ่ายแรกโมเดลเชนจ์ในปี 2012 มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 2.5 ลิตร และไฮบริด (มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร) ส่วนฝ่ายหลังโมเดลเชนจ์ปี 2013 มีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 2.4 ลิตร และเสริมรุ่นไฮบริด (มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร) ในปีถัดมา
ในรุ่นไฮบริดต้องยอมรับว่า ฮอนด้า แอคคอร์ดเปิดตัวมาทีหลัง พร้อมระบบขับเคลื่อนที่ดูทันสมัย ลดเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆเพื่อให้รถคงสมรรถนะและอัตราบริโภคน้ำมันสูงสุด ซึ่งเป็นธรรมดาของวงจรการเปิดตัวรถยนต์ที่อาจมีจังหวะคาบเกี่ยวทางเทคโนโลยี หรือเห็นคู่แข่ง(โตโยต้า)ทำแล้ว ฮอนด้าคงต้องขยับไปสู่สิ่งที่เหนือกว่า
ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรของคัมรีที่ยกเครื่องยนต์และเกียร์เดิมมาใช้ ถึงวันนี้คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้การตลาด การขาย การประชาสัมพันธ์ ทำงานได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เก็บตามการปล่อยไอเสีย ดังนั้นคัมรี ไมเนอร์เชนจ์ที่เปิดตัว 11 มีนาคมที่ผ่านมา โตโยต้าเลยจัดเครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่รหัส 6AR-FSE แบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมวาล์วแปรผันแบบกว้าง VVT-iW และD4-S ระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
...ตัดสินใจยกหัวใจขับเคลื่อนใหม่ แม้จะเป็นแค่การไมเนอร์เชนจ์ก็ตาม (โตโยต้าบอกให้เรียก บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ไปเลย)
สำหรับระบบ VVT-iW เป็นอีกขั้นของระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดีและไอเสียครับ แต่ในฝั่งของไอดีสามารถปรับจังหวะการเปิดวาล์วได้กว้างมากขึ้นและปิดได้ช้าลง เพื่อให้ส่วนผสมของอากาศและน้ำมันคลุกเคล้าเผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบ D4-S มีหัวฉีด 2 ตัวต่อหนึ่งพอร์ต ตัวแรกอยู่ที่ท่อร่วมไอดี อีกตัวอยู่ในห้องเผาไหม้ มี ECU ควบคุมการฉีดจ่ายน้ำมันให้แม่นยำ เพียงพอ ทั้งการขับขี่ในรอบต่ำและรอบสูง ซึ่งผลที่ได้ของสองเทคโนโลยีหลักนี้คือ การเผาไหม้สมบูรณ์แบบ ช่วยเพิ่มแรงบิด ประหยัดน้ำมัน และปล่อยไอเสียน้อยลง
สุดท้ายประสิทธิผลของคัมรีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรใหม่ ให้กำลังสุงสุด 167 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที (เดิม147 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ) แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที (เดิม 190 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (เดิมอัตโนมัติ 4 สปีด) ขณะที่อัตราบริโภคน้ำมันจากการทดสอบภายในของโตโยต้าทำได้เฉลี่ย 13 กม./ลิตร ประหยัดกว่าเดิมที่ทำได้ 9-12 กม./ลิตร และผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร4
….ผู้เขียนได้ลองคัมรี ใหม่ รุ่น 2.0G Extremo ที่ตกแต่งด้วยสเกิร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลัง ปลายท่อไอเสียคู่ ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่ เสริมเหล็กค้ำโช้ก และสัญลักษณ์ Extremo แปะที่ฝากระโปรงท้าย และสเกิร์ตด้านข้าง ส่วนโคมไฟท้ายรมดำ(จางๆ) และมีไฟขับขี่กลางวัน (Daytime Running Light) เสริมกับไฟใหญ่แบบซีนอนพร้อมโปรเจกเตอร์เลนส์
ภายในแตกต่างกับคัมรีรุ่นอื่นอย่างชัดเจน ด้วยพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน (รุ่นอื่นเป็นแบบ 4 ก้าน) เบาะนั่งสีดำเดินด้ายตะเข็บแดง (รุ่นอื่นเป็นสีเบจ) แต้มด้วยลายไม้สีเข้มบนแผงคอนโซลหน้า บริเวนตำแหน่งเกียร์ และแผงประตู ขณะที่ถาดชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) อยู่บริเวณกล่องคอนโซลกลาง ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในคัมรีทุกรุ่น
ด้านระบบความปลอดภัยจัดเพิ่มทั้ง ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor) ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวด้านหลังรถ (Rear Cross Traffic Alert) รวมถึง Emergency Stop Signal เมื่อเบรกกระทันหันไฟเลี้ยวทุกดวงจะกระพริบโดยอัตโนมัติในทันที ขณะที่ถุงลมนิรภัยเพิ่มเป็น 4 จุด คือคู่หน้า 2 ด้านข้าง 2 (เดิมมีเพียงคู่หน้า)
เมื่อเข้าไปนั่งภายในรถดูกว้างขวางโออ่า ตกแต่งเข้มแต่ไม่ถึงกับเฟี้ยวสไตล์วัยรุ่นจนเกินไป หน้าจอแสดงผลหลังพวงมาลัยสีสันใหม่สะดุดตา แผงควบคุมแอร์ออกแบบใหม่ ขณะที่พวงมาลัย 3 ก้านให้อารมณ์เร้าใจกว่าคัมรีรุ่นอื่นๆ ทั้งยังมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง-หน้าจอแสดงผล และแพดเดิ้ลชิฟท์เปลี่ยนเกียร์ด้านหลัง
การเก็บเสียงการจราจรจากภายนอก และเสียงลมปะทะ คัมรีทำได้ดีไม่แพ้คู่แข่ง ทว่าลองกดคันเร่งหนักๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังเข้ามาแบบนุ่มๆ ส่วนการตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์นั้นน่าสนใจมากครับ
ด้วยตัวเลขประสิทธิผล(แรงม้า,แรงบิด)ที่เพิ่มขึ้น ก็ขับดีขึ้นจริงในภาพรวม แต่อย่าคิดว่าเครื่องยนต์ D4-S รีดแรงม้าระดับ 167 ตัวจะส่งให้รถพลุ่งพล่านมากมาย อย่างช่วงออกตัวหรือการขับในย่านความเร็วกลางๆ รถไม่ถึงกับดุดัน หรือหวือหวาจนน่าตกใจ
อย่างไรก็ตามการพัฒนาที่รู้สึกได้ชัดคือ จังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลพร้อมทำงานฉลาดฉับไว แสดงผ่านการกดคิกด์ดาวน์เพื่อแร่งแซง ขณะที่การขับนอกเมืองใช้ความเร็วสูงเกิน 100 กม./ชม. เรี่ยวแรงไม่ตก เติมพลังได้ต่อเนื่อง
...บุคลิกรถมาแบบนี้ ชัดเจนครับว่าโตโยต้าต้องคำนึงถึงอัตราบริโภคน้ำมันเอาไว้ด้วย ซึ่งใจผู้เขียนอยากเชียร์ให้โตโยต้าใช้เกียร์ CVT ที่อยู่ในอัลติสไปเลย อยากรู้ว่าสมรรถนะกับการจิบน้ำมันจะมาบรรจบกันที่จุดไหน?
คัมรี 2.0G Extremo มาขับสนุกย่านความเร็วปลาย แต่ถ้าให้ดีผู้เขียนอยากให้พวงมาลัยหน่วงมือถ่วงน้ำหนักมากกว่านี้อีกนิด เพราะรุ่นExtremo นั้นทำช่วงล่างและการทรงตัวมายอดเยี่ยมอยู่แล้ว เชื่อว่าการเซ็ทพวงมาลัย(ไฟฟ้า)ให้หนึบแน่น ตัวรถจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับอัตราบริโภคน้ำมันหลังวิ่งไปกว่า 100 กิโลเมตร เอาแบบสภาพการขับเฉลี่ยๆ ทั้งรถติด เร่งแซง บี้คันเร่งแรงๆ หน้าจอแสดงผลประมาณ 12 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...คัมรี รุ่น 2.0G Extremo ไมเนอร์เชนจ์ วางเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ ดูน่าคบหากว่าเดิมมาก สมรรถนะการขับขี่ดีขึ้น และจากเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนยังช่วยให้รถกินน้ำมันน้อยลงแน่ๆถ้าเทียบลักษณะการขับเดียวกันกับรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ พร้อมระดมออปชันความปลอดภัย-อำนวยความสะดวก ในราคาที่ต้องจ่ายเพิ่ม 70,000 บาท เป็น 1.429 ล้านบาท ส่วนใครไม่ชอบหน้าตาดุๆประหลาดๆ ยังมีทางเลือกเริ่มต้นคือ 2.0G ราคา 1.319 ล้านบาท
…กล่าวคือเป็นรถที่หวังยอดขาย แต่ต้องใส่เทคโนโลยีดีที่สุด (เมื่อเทียบกับกลุ่ม บี,ซี-เซกเมนต์) เพื่อภาพลักษณ์เชิดหน้าชูตาเหนือคู่แข่งและเอาไปคุยฟุ้งกับลูกค้าได้
ยิ่งในปัจจุบันดูการพัฒนาของโตโยต้า คัมรี และฮอนด้า แอคคอร์ด ที่ปล่อยของกันสนุก โดยฝ่ายแรกโมเดลเชนจ์ในปี 2012 มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 2.5 ลิตร และไฮบริด (มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร) ส่วนฝ่ายหลังโมเดลเชนจ์ปี 2013 มีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 2.4 ลิตร และเสริมรุ่นไฮบริด (มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร) ในปีถัดมา
ในรุ่นไฮบริดต้องยอมรับว่า ฮอนด้า แอคคอร์ดเปิดตัวมาทีหลัง พร้อมระบบขับเคลื่อนที่ดูทันสมัย ลดเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆเพื่อให้รถคงสมรรถนะและอัตราบริโภคน้ำมันสูงสุด ซึ่งเป็นธรรมดาของวงจรการเปิดตัวรถยนต์ที่อาจมีจังหวะคาบเกี่ยวทางเทคโนโลยี หรือเห็นคู่แข่ง(โตโยต้า)ทำแล้ว ฮอนด้าคงต้องขยับไปสู่สิ่งที่เหนือกว่า
ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรของคัมรีที่ยกเครื่องยนต์และเกียร์เดิมมาใช้ ถึงวันนี้คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้การตลาด การขาย การประชาสัมพันธ์ ทำงานได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เก็บตามการปล่อยไอเสีย ดังนั้นคัมรี ไมเนอร์เชนจ์ที่เปิดตัว 11 มีนาคมที่ผ่านมา โตโยต้าเลยจัดเครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่รหัส 6AR-FSE แบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมวาล์วแปรผันแบบกว้าง VVT-iW และD4-S ระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
...ตัดสินใจยกหัวใจขับเคลื่อนใหม่ แม้จะเป็นแค่การไมเนอร์เชนจ์ก็ตาม (โตโยต้าบอกให้เรียก บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ไปเลย)
สำหรับระบบ VVT-iW เป็นอีกขั้นของระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดีและไอเสียครับ แต่ในฝั่งของไอดีสามารถปรับจังหวะการเปิดวาล์วได้กว้างมากขึ้นและปิดได้ช้าลง เพื่อให้ส่วนผสมของอากาศและน้ำมันคลุกเคล้าเผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบ D4-S มีหัวฉีด 2 ตัวต่อหนึ่งพอร์ต ตัวแรกอยู่ที่ท่อร่วมไอดี อีกตัวอยู่ในห้องเผาไหม้ มี ECU ควบคุมการฉีดจ่ายน้ำมันให้แม่นยำ เพียงพอ ทั้งการขับขี่ในรอบต่ำและรอบสูง ซึ่งผลที่ได้ของสองเทคโนโลยีหลักนี้คือ การเผาไหม้สมบูรณ์แบบ ช่วยเพิ่มแรงบิด ประหยัดน้ำมัน และปล่อยไอเสียน้อยลง
สุดท้ายประสิทธิผลของคัมรีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรใหม่ ให้กำลังสุงสุด 167 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที (เดิม147 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ) แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที (เดิม 190 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (เดิมอัตโนมัติ 4 สปีด) ขณะที่อัตราบริโภคน้ำมันจากการทดสอบภายในของโตโยต้าทำได้เฉลี่ย 13 กม./ลิตร ประหยัดกว่าเดิมที่ทำได้ 9-12 กม./ลิตร และผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร4
….ผู้เขียนได้ลองคัมรี ใหม่ รุ่น 2.0G Extremo ที่ตกแต่งด้วยสเกิร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลัง ปลายท่อไอเสียคู่ ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่ เสริมเหล็กค้ำโช้ก และสัญลักษณ์ Extremo แปะที่ฝากระโปรงท้าย และสเกิร์ตด้านข้าง ส่วนโคมไฟท้ายรมดำ(จางๆ) และมีไฟขับขี่กลางวัน (Daytime Running Light) เสริมกับไฟใหญ่แบบซีนอนพร้อมโปรเจกเตอร์เลนส์
ภายในแตกต่างกับคัมรีรุ่นอื่นอย่างชัดเจน ด้วยพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน (รุ่นอื่นเป็นแบบ 4 ก้าน) เบาะนั่งสีดำเดินด้ายตะเข็บแดง (รุ่นอื่นเป็นสีเบจ) แต้มด้วยลายไม้สีเข้มบนแผงคอนโซลหน้า บริเวนตำแหน่งเกียร์ และแผงประตู ขณะที่ถาดชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) อยู่บริเวณกล่องคอนโซลกลาง ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในคัมรีทุกรุ่น
ด้านระบบความปลอดภัยจัดเพิ่มทั้ง ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor) ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวด้านหลังรถ (Rear Cross Traffic Alert) รวมถึง Emergency Stop Signal เมื่อเบรกกระทันหันไฟเลี้ยวทุกดวงจะกระพริบโดยอัตโนมัติในทันที ขณะที่ถุงลมนิรภัยเพิ่มเป็น 4 จุด คือคู่หน้า 2 ด้านข้าง 2 (เดิมมีเพียงคู่หน้า)
เมื่อเข้าไปนั่งภายในรถดูกว้างขวางโออ่า ตกแต่งเข้มแต่ไม่ถึงกับเฟี้ยวสไตล์วัยรุ่นจนเกินไป หน้าจอแสดงผลหลังพวงมาลัยสีสันใหม่สะดุดตา แผงควบคุมแอร์ออกแบบใหม่ ขณะที่พวงมาลัย 3 ก้านให้อารมณ์เร้าใจกว่าคัมรีรุ่นอื่นๆ ทั้งยังมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง-หน้าจอแสดงผล และแพดเดิ้ลชิฟท์เปลี่ยนเกียร์ด้านหลัง
การเก็บเสียงการจราจรจากภายนอก และเสียงลมปะทะ คัมรีทำได้ดีไม่แพ้คู่แข่ง ทว่าลองกดคันเร่งหนักๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังเข้ามาแบบนุ่มๆ ส่วนการตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์นั้นน่าสนใจมากครับ
ด้วยตัวเลขประสิทธิผล(แรงม้า,แรงบิด)ที่เพิ่มขึ้น ก็ขับดีขึ้นจริงในภาพรวม แต่อย่าคิดว่าเครื่องยนต์ D4-S รีดแรงม้าระดับ 167 ตัวจะส่งให้รถพลุ่งพล่านมากมาย อย่างช่วงออกตัวหรือการขับในย่านความเร็วกลางๆ รถไม่ถึงกับดุดัน หรือหวือหวาจนน่าตกใจ
อย่างไรก็ตามการพัฒนาที่รู้สึกได้ชัดคือ จังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลพร้อมทำงานฉลาดฉับไว แสดงผ่านการกดคิกด์ดาวน์เพื่อแร่งแซง ขณะที่การขับนอกเมืองใช้ความเร็วสูงเกิน 100 กม./ชม. เรี่ยวแรงไม่ตก เติมพลังได้ต่อเนื่อง
...บุคลิกรถมาแบบนี้ ชัดเจนครับว่าโตโยต้าต้องคำนึงถึงอัตราบริโภคน้ำมันเอาไว้ด้วย ซึ่งใจผู้เขียนอยากเชียร์ให้โตโยต้าใช้เกียร์ CVT ที่อยู่ในอัลติสไปเลย อยากรู้ว่าสมรรถนะกับการจิบน้ำมันจะมาบรรจบกันที่จุดไหน?
คัมรี 2.0G Extremo มาขับสนุกย่านความเร็วปลาย แต่ถ้าให้ดีผู้เขียนอยากให้พวงมาลัยหน่วงมือถ่วงน้ำหนักมากกว่านี้อีกนิด เพราะรุ่นExtremo นั้นทำช่วงล่างและการทรงตัวมายอดเยี่ยมอยู่แล้ว เชื่อว่าการเซ็ทพวงมาลัย(ไฟฟ้า)ให้หนึบแน่น ตัวรถจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับอัตราบริโภคน้ำมันหลังวิ่งไปกว่า 100 กิโลเมตร เอาแบบสภาพการขับเฉลี่ยๆ ทั้งรถติด เร่งแซง บี้คันเร่งแรงๆ หน้าจอแสดงผลประมาณ 12 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...คัมรี รุ่น 2.0G Extremo ไมเนอร์เชนจ์ วางเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ ดูน่าคบหากว่าเดิมมาก สมรรถนะการขับขี่ดีขึ้น และจากเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนยังช่วยให้รถกินน้ำมันน้อยลงแน่ๆถ้าเทียบลักษณะการขับเดียวกันกับรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ พร้อมระดมออปชันความปลอดภัย-อำนวยความสะดวก ในราคาที่ต้องจ่ายเพิ่ม 70,000 บาท เป็น 1.429 ล้านบาท ส่วนใครไม่ชอบหน้าตาดุๆประหลาดๆ ยังมีทางเลือกเริ่มต้นคือ 2.0G ราคา 1.319 ล้านบาท