xs
xsm
sm
md
lg

จากขายนิสสันสู่แอสตัน มาร์ติน ความท้าทายใหม่“แอนดี้ พาล์มเมอร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถือเป็นข่าวดังในวงการยานยนต์ สำหรับการย้ายข้ามห้วยของ “แอนดี้ พาล์มเมอร์” (Andy Palmer) อดีตผู้บริหารระดับสูงของนิสสัน สู่การเป็นหัวเรือใหญ่ของ “แอสตัน มาร์ติน” เพราะช่วงกลางปีที่แล้ว เรายังเห็นเขาเดินทางมาร่วมงานเปิดตัวปิกอัพ “เอ็นพี300 นาวารา” ที่เมืองไทยอย่างอลังการในแบบเวิล์ด พรีเมียร์ ลอนซ์ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวการลาออกเพื่อโยกไปรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของค่ายรถสปอร์ตหรูระดับตำนานจากอังกฤษ ก็ได้รับการยืนยัน

สำหรับ“แอนดี้ พาล์มเมอร์” วัย 51 ปี เพิ่งเริ่มต้นงานใหม่กับบริษัท แอสตัน มาร์ติน ลากอนดา จำกัด อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 น่าสนใจว่าภายใต้การบริหารงานของผู้บริหารประสบการณ์สูงชาวอังกฤษคนนี้ จะนำธุรกิจไปในทิศทางใด หรือนี่คือสัญญาณที่บอกว่า ยุคใหม่ของแอสตัน มาร์ติน กำลังจะเริ่มขึ้น?… “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ร่วมสัมภาษณ์พิเศษ

- การมาเยือนเมืองไทยครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ?

ใช่ครับ การมารับตำแหน่งใหม่ที่แอสตัน มาร์ติน กับตลาด High Luxury Sports (HLS) ถือเป็นความท้าทายมาก และอย่างที่คุณรู้ว่าผมเคยทำงานที่นิสสัน แล้วก็คุ้นเคยกับตลาดเอเชียเป็นอย่างดี ซึ่งผมหวังจะใช้ประสบการณ์กว่า 35 ปีในอุตสาหกรรมยานยนต์ มาสร้างความสำเร็จให้กับแอสตัน มาร์ติน ในระยะยาว


- ใช้เวลาตัดสินใจนานไหมที่ย้ายจากนิสสัน มาแอสตัน มาร์ติน?

ตัดสินใจไม่นาน ส่วนหนึ่งเพราะผมเป็นคนอังกฤษซึ่งการได้มาทำงานกับค่ายรถยนต์บ้านเกิดที่มีชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ขณะเดียวกันแอสตัน มาร์ติน ยังเป็นค่ายรถหรูแบรนด์เดียวที่ไม่โดนซื้อจากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องยากในอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคปัจจุบัน


“ไม่ต้องเลือกให้ลำบากเลย ระหว่างการขายปิกอัพกับการขายรถสปอร์ตหรูระดับโลก ผมใช้ทั้งสมองและหัวใจในการตัดสินใจครั้งนี้ และหวังจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจแอสตัน มาร์ติน เจริญก้าวหน้าต่อไป”


- แอสตัน มาร์ติน ในยุคของคุณเป็นอย่างไร?

เราเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เก่าแก่ หรืออายุครบ 102 ปีในปีนี้ ด้วยชื่อเสียงเรื่องการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ มีความน่าหลงใหล พร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ตลอดจนภาพลักษณ์ในหนังพยัคร้าย 007 เจมส์ บอนด์ ยังช่วยสร้างการรับรู้ไปทั่วโลก โดยที่ผ่านมาโรงงานที่เมืองเกย์ดอน ประเทศอังกฤษ ผลิตรถรวมไปประมาณ 70,000 คัน ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นการส่งออก และน่าจะอยู่ในตลาดเอเชียแปซิฟิกประมาณ 2,000 คัน

อย่างไรก็ตามจากตัวเลขดังกล่าว คุณจะเห็นว่าเราเป็นแบรนด์ที่ขายเฉพาะกลุ่มมากๆ (Niche) เป้าหมายของผมคือจะพยายามยกระดับให้แอสตัน มาร์ติน เป็นแบรนด์หรูระดับโลกที่ประสบความเร็จ และได้การยอมรับมากกว่านี้


- หมายความว่ายอดขายแอสตัน มาร์ตินจะต้องเพิ่มขึ้น?


การขายมากๆ ไม่ใช่นโยบายในการทำธุรกิจของแอสตัน มาร์ติน เราไม่อยากขายเป็นหลักหมื่นคันต่อปี(ทั่วโลก) เพราะนั่นจะทำให้แอสตัน มาร์ติน ดูธรรมดา หรือกลายเป็นรถทั่วๆไป


“ผลิตเยอะ ขายเยอะ จะทำให้แบรนด์เราสูญเสียความพิเศษ ดังนั้นแนวทางของเราคือจะผลิตรถให้น้อยกว่าความต้องการเสมอ อย่างแอสตัน มาร์ติน ลากอนด้า ใหม่ ก็ทำขายเฉพาะตะวันออกกลางและบางประเทศเท่านั้น”


- โปรดักต์ใหม่ๆที่น่าตื่นตาตื่นใจ?

แอสตัน มาร์ตินอาจจะไม่มีรถที่ทำความเร็วสูงสุดในโลก หรือทำอัตราเร่ง 0-100 ดีที่สุดในโลก หรือเป็นรถที่หรูสุดในโลก แต่เราพยายามจะบอกลูกค้าว่า เราเป็นแบรนด์ที่มีระดับมากกว่านั้น ด้วยการรวบรวมหลายๆสิ่งหลายๆอย่างมาไว้ด้วยกัน ทั้งอารมณ์ ความหลงใหล ความหรูหรา และความมีรสนิยม เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายของเรา ไม่ใช่มีแค่เงินอย่างเดียวแล้วจะเป็นเจ้าของได้


ขณะเดียวกันผมได้เสนอแผนโปรดักต์ไลน์อัพใหม่ ไปให้บอร์ดบริหารของบริษัทพิจารณา ซึ่งจากนี้ไปเราต้องขายรถให้ตรงกับความชอบของแต่และกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมถึงคนรุ่นใหม่ และผู้หญิง

ส่วนประเด็นการพัฒนารถให้กินน้ำมันน้อยลงหรือการปล่อยไอเสียต่ำ อันเป็นทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก แอสตัน มาร์ตินก็ตระหนักในจุดนี้มากขึ้น ผมยืนยันเรื่องความประหยัดน้ำมันกับสมรรถนะความแรงสามารถไปด้วยกันได้ พร้อมยังคงบุคลิกของแอสตัน มาร์ตินเอาไว้

- ความคืบหน้าในความร่วมมือกับ เอเอ็มจี?


เรามีความร่วมมือกับ เดมเลอร์ เอจี (บริษัทผู้ผลิต เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเอเอ็มจี) ตอนนี้เราทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด และเตรียมเปิดเผยถึงความก้าวหน้าในโปรเจกต์ใหม่นี้ ที่งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2015 (เดือนมีนาคม)

- ยอดขายในปีที่แล้วเป็นอย่างไรและเป้าหมายปีนี้?


ปีที่ 2014 ที่ผ่านมา เราทำยอดขายทั่วโลกได้เกือบๆ 4,000 คัน ในจำนวนนี้ขายอยู่ในเอเชียไม่ถึง 1,000 คัน และปีนี้คงทำได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

พูดคุยกับผู้บริหาร MGC Asia (ที่สองจากขวา) สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการ

แอสตัน มาร์ติน กับตลาดไทย?

ตามเป้าหมายที่ต้องการขยายตลาดแอสตัน มาร์ตินไปทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาคอาเซียน และมีโอกาสที่ธุรกิจรถหรูจะเติบโตได้ อย่างกลุ่มรถหรูราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปในปีที่แล้ว ยังขายได้กว่า 300 คัน ในภาวะที่ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและสถานการณ์การเมือง ต้องถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก


บทบาทของแอสตัน มาร์ติน แบงคอก?


แอสตัน มาร์ติน แบงคอก บริหารงานโดย บริษัท เฮอริเทจ มอเตอร์ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (MGC Asia) เพิ่งจะเริ่มธุรกิจได้เพียงปีกว่าๆ แต่แผนการลงทุน และยอดขายที่ทำได้ในปีที่แล้ว ผมพอใจมาก

“แอสตัน มาร์ติน มีพันธมิตรที่ดีในประเทศไทย เอ็มจีซี เอเชีย เป็นคู่ค้าที่เราอยากได้ โดยผมมีโอกาสไปเยี่ยมชมการดำเนินงานทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรที่ถนนพระราม3 และสาขาสยามพารากอน ดูเป็นการลงทุนที่จริงจังมากๆ(ลงทุนไปกว่า 300 ล้านบาท) ผมมั่นใจว่าเอ็มจีซี เอเชีย พร้อมจะส่งเสริมธุรกิจของแอสตัน มาร์ติน ให้เติบโตต่อไปในอนาคตได้อย่างแน่นอน


ทั้งนี้เรามีแผนให้เอ็มจีซี เอเชีย ช่วยดูแลตลาดเวียดนาม พม่า กัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยเบื้องต้น ส่วนรายละเอียดเชิงลึกต้องขอเวลาศึกษาอีกสักระยะ เพราะตัวผมเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน


กำลังโหลดความคิดเห็น