xs
xsm
sm
md
lg

5 ที่สุดรถยนต์แห่งปี 2014(ที่ได้ลองขับ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็นธรรมเนียมก่อนสิ้นแสงสุดท้าย “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะมานั่งรวบรวมรถยนต์ที่ได้ลองขับตลอดทั้งปีที่ผ่านมา และพิจารณาความโดดเด่นบนความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ จนคัดเหลือเพียง 5 รุ่น ซึ่งเป็นที่สุดในแบบฉบับของตนเอง…ส่วนจะเป็นรุ่นไหนบ้าง มาลองดูกัน

***ดูถูกที่สุด… ซูซูกิ เซเลริโอ

ก่อนวันเปิดตัวมีการตั้งความหวังและคาดเดากันไปต่างๆนาๆว่า อีโคคาร์ตัวที่สองของ “ซูซูกิ” จะมีราคา 3 แสนบ้าง 4 แสนบ้าง ตามตำแหน่งทางการตลาดที่ต่ำกว่ารุ่นพี่อย่าง “สวิฟท์”

แต่สุดท้ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 ทุกความสงสัยก็ถูกเฉลยเมื่อ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย จัดงานเปิดตัว“เซเลริโอ” (Celerio) พร้อมแบ่งขาย 3 รุ่นย่อย GA เกียร์ธรรมดา 3.59 แสนบาท GL เกียร์อัตโนมัติ CVT 4.39 แสนบาท และGLX เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 4.88 แสนบาท
ด้วยการเป็นรถระดับเอ-เซกเมนต์ วางเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร 68 แรงม้า พร้อมออปชันที่จัดมาให้ตามฐานานุรูป ซึ่งซูซูกิหวังให้“เซเลริโอ” เป็นทางเลือกของคนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ นักศึกษาที่มีความจำเป็นต้องใช้รถ หรือกลุ่มที่ขี่มอเตอร์ไซค์เดิมแล้วต้องการซื้อรถยนต์คันแรก


สำหรับการตั้งราคาอาจจะไม่ถูกเหมือนที่หลายคนคาดหวัง แต่สิ่งที่ดูถูกไม่ได้ของรถยนต์คันนี้คือ สมรรถนะที่โดดเด่นเกินตัว ทั้งเรี่ยวแรงจากเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง รวมถึงช่วงล่างที่ให้ความั่นคงและมั่นใจ ขับในเมืองคล่องแคล่ว วิ่งทางไกลใช้ความเร็วสูง(ตามกฎหมาย) ยังทรงยอดเยี่ยม

….สมรรถนะดูถูกไม่ได้ แต่“เซเลริโอ”ก็ยังไม่ถูกซื้อเป็นตัวเลือกแรกตามที่ ซูซูกิคาดหวังอยู่ดี!!!


***เทคโนโลยีที่สุด…ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด

ปล่อยให้ “โตโยต้า คัมรี” โกยยอดขายในรุ่นไฮบริดอยู่เจ้าเดียว และเหมือนผู้บริโภคแทบจะไม่มีทางเลือก(เหมือนโตโยต้าวางไลน์อัพและราคา เพื่อบีบให้ซื้อรุ่นไฮบริด) จนกระทั่ง 1 กรกฏาคมที่ผ่านมา “แอคคอร์ด ไฮบริด” พร้อมทำตลาด แถมผู้บริหารฮอนด้ายังมั่นใจว่ารถยนต์รุ่นนี้จะได้รับความนิยม และผลักดันให้แอคคอร์ด มียอดขายเหนือกว่าคัมรี่แน่นอน


รูปทรงภายนอกแทบไม่มีอะไรโดดเด่นกว่าแอคคอร์ดรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยี “ฟูลไฮบริด” ที่นำมาใช้มันสุดยอดเสียเหลือเกิน(แม้จะยังไม่ถึงขั้น “ปลั๊กอิน ไฮบริด” ก็ตาม) โดยฮอนด้าเรียกว่า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD)

ไฮบริด i-MMDของฮอนด้านั้น เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรแทบไม่มีบทบาทในการขับเคลื่อนรถโดยตรง แต่จะทำหน้าที่ส่งกำลังไปปั่นไฟเก็บไว้ในแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน (โตโยต้า คัมรี่ยังใช้นิเกิลเมทัลไฮดราย) ส่วนหน้าที่ขับเคลื่อนรถจะเป็นของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 169 แรงม้า


โดยในโหมดไฮบริด มอเตอร์ตัวขับเคลื่อนจะได้ไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่โดยตรง และจากมอเตอร์เจเนอเรเตอร์คอยช่วยเสริมแรงในจังหวะเร่งแซง ขณะเดียวกันหากเกิดการชะลอหรือการเบรก มอเตอร์ขับเคลื่อนยังสามารถทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ด้วย เพื่อนำพลังงานจลน์ที่เสียไปกลับมาเก็บเป็นพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่


ด้านสมรรถนะการขับขี่อาจจะไม่ถึงกับเป็นที่สุดในทุกด้าน เพราะยังไม่โดนใจผู้เขียนเรื่องการควบคุมผ่านพวงมาลัยที่โหวงเหวงไปนิด และเรี่ยวแรงที่ให้ในย่านความเร็วกลางหนืดไปหน่อย ทว่าเมื่อเทียบสมรรถนะรวมๆ กับราคาขายกับเทคโนโลยีไฮบริดที่ได้รับ พร้อมอัตราบริโภคน้ำมันที่เป็นมิตร(ฮอนด้าเคลมไว้ 23 กม./ลิตร) เทียบออปชันระหว่างท็อป ชั่วโมงนี้ “แอคคอร์ด ไฮบริด” คุ้มกว่า “คัมรี ไฮบริด” ครับ



***พัฒนาที่สุด…มินิ F56

มินิ เจเนอเรชัน3 ที่ประเดิมกับตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 ประตู รหัสตัวถัง F56 นับเป็นก้าวใหม่แห่งการพัฒนาของ“มินิ” ทั้งในแง่ขุมพลังและออปชัน ก่อนที่ตัวถังอื่นๆจะทยอยเปิดตัวตามมา


เริ่มจากเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนยกแผง อย่างรุ่นคูเปอร์เดิมเคยใช้เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร แต่รุ่นใหม่ลดขนาดมาเหลือ 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ส่วน “คูเปอร์ ดี” เดิมเคยใช้ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ส่วนรุ่นใหม่หันมาคบ ดีเซล 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ จะมีเพียงตัวแรงคูเปอร์ เอส ที่ขยับจากพิกัด 1.6 ลิตรไปหา 2.0 ลิตร

ทั้งหมดย่อมหมายถึงตัวเลขประสิทธิผลด้านกำลังที่ดีขึ้น แต่อัตราบริโภคน้ำมันและการปล่อยไอเสียกลับลดลง ซึ่งเป็นจุดเด่นจากเทคโนโลยี TwinPower Turbo ของBMW อันประกอบด้วย ระบบวาล์วแปรผัน ระบบฉีดจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง และระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จ


ส่วนช่วงล่างดูจะประนีประนอมกับพื้นถนนได้นุ่มกว่าเดิม แต่ยังคงไว้ซึ่งความหนึบแน่น สอดคล้องกับการควบคุมที่กระชับ ขณะที่ออปชันเด่นๆที่ใส่มาในรุ่นใหม่ อาทิ ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถจอดหยุดนิ่ง (Automatic Start/Stop) ซึ่งติดตั้งเป็นมาตรฐานทุกรุ่น ส่วนรุ่นคูเปอร์ เอส ยังมีโหมดเลือการขับขี่ให้เลือกเร้าใจแบบ Sport หรือ ประหยัดแบบ Eco ได้อีกด้วย

…พิจารณาจากการพัฒนาในเชิงวิศวกรรมและฟังก์ชันต่างๆ พร้อมราคาที่ไม่เพิ่มจากเดิม “คูเปอร์” 2.19 ล้านบาท “คูเปอร์ ดี” 2.44 ล้านบาท “คูเปอร์ เอส” 2.84 ล้านบาท ยิ่งเป็นเหตุผลสนับสนุนการตัดสินใจให้ซื้อได้ง่ายกว่าเดิมละครับ

***น่าใช้ที่สุด…มาสด้า 3

ตำแหน่งรถยนต์น่าใช้ที่สุดแห่งปีนี้ คงไม่มีใครเด่นเกิน “มาสด้า3 ใหม่” ซึ่งถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ดำเนินนโยบายเปิดตัวขายให้รวดเร็วตามตลาดโลก หรือไม่ช้าไปกว่ากันเกิน 6 เดือน
มาสด้า 3 ใหม่ มาเร็วไม่พอ ยังพร้อมด้วยรูปลักษณ์งามหยด มีให้เลือกทั้งตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู และซีดาน และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน(เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง ตัวถัง)



การทำตลาดมีให้เลือกเครื่องยนต์บล็อกเดียว 2.0 ลิตร ซึ่งมาสด้าพยายามสื่อสารว่า ด้วย ประสิทธิภาพจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ลูกค้าจะได้รถที่แรงขึ้นแต่ก็ยังประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเดิม

สมรรถนะดีจริง เครื่องยนต์และเกียร์ผสานการทำงานได้อย่างนุ่มนวล ปลดปล่อยพลังลงสู่ล้อได้ทันใจในทุกจังหวะเร่ง สอดคล้องกับการควบคุมอันเฉียบคม และช่วงล่างที่แน่นหนึบ (จริงๆ ฟอร์ดโฟกัส ช่วงล่างก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน) รวมๆแล้วต้องยกให้มาสด้า 3 ใหม่ เป็นรถระดับ Best in Class

มาสด้า3 ใหม่ มี 7 รุ่นย่อยซอยออปชัน ราคา 8.33 แสนบาท - 1.094 ล้านบาท ขับแล้วเท่เกินทน…สาวเหลียวเกินงามจริงๆ

***เกินคาดที่สุด…ฮอนด้า เอชอาร์-วี

เพิ่งจะทดสอบไปสดๆร้อนๆสำหรับ “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” ที่การทำตลาดในหลายๆประเทศชัดเจนว่าชนเต็มๆกับพวก “บี-เอสยูวี” อย่าง “นิสสัน จู๊ค” (1.6 ลิตร)และ “ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต” (1.5 ลิตร) แต่ประเทศไทย ฮอนด้ามาเหนือเมฆเมื่อเลือกวางเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ประกบเกียร์ CVT พร้อมตั้งราคาขายสูงกว่า



ด้วยราคาระดับ 9 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท คุณจะได้งานวัสดุ อุปกรณ์ การประกอบที่เนี้ยบ ภายในห้องโดยสารดูดี ตำแหน่งนั่งด้านหลังมีพื้นที่ขยับขยายได้มากกว่า “จู๊ค” และ “เอคโคสปอร์ต” บวกกับเครื่องยนต์ที่จัดจ้าน ผสานการควบคุบและช่วงล่างออกแนวสปอร์ตขับสนุก

...หลังผิดหวังมากจาก “ซีวิค” และ “ซิตี้” แต่สำหรับ “เอชอาร์-วี” ต้องบอกว่าฮอนด้าทำมาดีเกินคาด

กำลังโหลดความคิดเห็น