ค่ายปีกนก “ฮอนด้า” จัดทริปแกรนด์ทัวริ่งส่งท้ายปีม้าทอง ชวนดีลเลอร์และสื่อมวลชนร่วมสัมผัสความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ในตระกูล 300ซีรีย์ ได้แก่ ฟอร์ซ่า 300 (Forza300), ซีบีอาร์300อาร์ (CBR300R) และซีบี300เอฟ (CB300F) โดยใช้เส้นทางจากสุราษฎร์ธานี-กระบี่-ภูเก็ต ระยะทางรวม 489 กิโลเมตร เป็นสังเวียนพิสูจน์สมรรถนะของ 3 พี่น้องสายเลือดเดียวกัน
สำหรับในทริปนี้ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” เริ่มต้นกับโมเดลสปอร์ต “ซีบีอาร์300อาร์” หรืออย่างที่รู้กันว่าเป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นมาทำตลาดแทนที่พิกัดขนาด 250 ซีซี. โดยนอกจากขุมพลังเครื่องยนต์ที่ขยายความจุมากขึ้น รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรับแต่งเพิ่มเติม แต่ในส่วนของพื้นฐานเฟรม และอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ยังคงใช้ร่วมกันเหมือนเดิม
ขณะที่ด้านรูปร่างหน้าตาชัดเจนว่าเป็นเสริมความสปอร์ตตามแบบฉบับพี่ใหญ่ในรุ่น ซีบีอาร์1000อาร์อาร์ (CBR1000RR) และคงไม่ต้องกล่าวซ้ำว่ามีจุดไหนบ้างที่แตกต่างออกไป แต่มาเน้นย้ำกันที่ท่านั่งดีกว่า จากครั้งก่อนผู้เขียนมีโอกาสได้สัมผัสโมเดลนี้ที่ศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ย่านรามคำแหง ขี่วนไปมาประมาณ 5-6 รอบ การซึมซับความรู้สึกอาจยังไม่ชัดเจน
โดยในครั้งนี้ได้สัมผัสแบบเต็มๆ ขี่รวดเดียวหลักร้อยกิโลเมตร ด้วยท่านั่งสไตล์สปอร์ตทัวริ่ง แม้จะขี่ทางไกลแต่ก็ไม่รู้สึกเมื่อยล้า การควบคุมทำได้คล่องตัว ส่วนระบบช่วงล่างและการยึดเกาะถนน สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วโดยที่ตัวรถไม่มีอาการให้กังวล
สำหรับความเร็วเฉลี่ยในศึกสายเลือดทัวริ่งสไตล์อยู่ที่ประมาณ 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนบางช่วงลองทดสอบอัตราเร่ง ด้วยรอบเครื่องยนต์ 9,000 รอบต่อนาที ในเกียร์ 6 สามารถไต่ระดับความเร็วได้ถึง 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งใช้เวลาไม่มากนัก ถือว่าค่อนข้างประทับใจทีเดียวกับขุมพลังเครื่องยนต์บล็อกนี้
ขณะเดียวกันเมื่อเปลี่ยนมาสัมผัสฝาแฝดในรุ่น “ซีบี300เอฟ” หน้าตารูปโฉมมีความปราดเปรียวและดุดันแบบสปอร์ตเปลือย โดยความโดดเด่นอยู่ที่ท่านั่งการบังคับมีความสบายมากขึ้น เมื่อเทียบกับโฉมสปอร์ต เป็นเพราะการขยับองศาของแฮนด์ควบคุมช่วยให้ช่วงแขนและหลังของผู้ขี่มีอิสระมากกว่าเดิม
ในส่วนของขุมพลังบล็อกเดียวกัน 286 ซีซี. สูบเดียว DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 22.8 กิโลวัตต์ (30 แรงม้า) ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.2 นิวตัน-เมตรที่ 7,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด การตอบสนองไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง เช่นเดียวกับระบบช่วงล่างและเบรก ประสิทธิภาพการใช้งานยังทำได้ดีและมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเหมือนเดิม
ตบท้ายด้วยการขยับมาลองบิ๊กสกู๊ตเตอร์ “ฟอร์ซ่า300” อารมณ์จะแตกต่างจากพี่น้องในซีรีย์เดียวกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นท่านั่งการควบคุม อัตราเร่งความแรงเร้าใจ ทุกอย่างออกแบบมาเพื่อตอบสนองความสบาย ซึ่งเป็นจุดขายสองล้อประเภทนี้
โดยช่วงแขนการจับแฮนด์บังคับไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป ขณะที่การวางขาบนพักเท้าสามารถเลือกได้ว่าจะวางขนานกับพื้น หรือยันไปข้างหน้าเล็กน้อยสำหรับการขี่ทางไกลก็จะไม่รู้สึกเมื่อย
ส่วนสมรรถนะการขับเคลื่อนขุมพลัง4 จังหวะ OHC ปริมาตรกระบอกสูบ 279 ซีซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ส่งกำลังด้วยสายพาน V-Matic บิดอย่างเดียวขี่ง่ายและมีความคล่องตัว การใช้ออกทริปร่วมกับรถมีเกียร์ แม้ความเร็วช่วงต้นจะไม่ทันใจ แต่ช่วงกลางถึงปลายรับรองวิ่งตามได้แบบสบายๆ
อย่างไรก็ตาม การออกแบบทุกรายละเอียดของโมเดลนี้เน้นความสบายเป็นหลัก รวมถึงระบบช่วงล่างที่เซตมาให้ซับแรงสะเทือนได้ดี แต่หากใช้วิ่งเข้าโค้งด้วยความเร็วระดับ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเริ่มออกอาการสั่นคลอนหรือมียวบให้เสียวเล่นอยู่เหมือนกัน
สำหรับบทสรุปของทริปฮอนด้า 300ซีรีย์ ในการสมัผัสสมรรถนะสไตล์ทัวริ่ง ให้คะแนนตามความเหมาะสมกับการขี่ท่องเที่ยวด้วยระยะทางไกล ด้านความสบายต้องยกให้ฟอร์ซ่ามาเป็นที่หนึ่ง ถ้าชอบความเร้าใจเน้นซิ่งเล่นโค้งต้องเลือกซีบีอาร์300อาร์ แต่หากมองหาตัวเลือกใช้งานได้หลากหลาย ในเมืองคล่องตัววิ่งทางไกลไม่เมื่อย คำตอบอยู่ที่โฉมสปอร์ตเปลือยหรือซีบี300 เอฟ
แต่ถ้าให้ฟันธงในซีรีย์นี้ขอเลือก “ฟอร์ซ่า300” พิสูจน์แล้วคันเดียวเอาอยู่ คอนเฟิร์ม!
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring