เปิดตัวทำตลาดมากว่า 2 ปีสำหรับ “ซูซูกิ สวิฟท์” รถเด่นรุ่นดังในกลุ่มอีโคคาร์ที่สามารถเปิดหน้าสู้กับบรรดาค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ได้อย่างน่าชื่นชม เห็นช่วงดีๆเคยทำยอดขายระดับ3,000-4,000 คันต่อเดือนนะครับ แต่ปัจจุบันเมื่อตลาดอยู่ในภาวะยากลำบาก พร้อมสงครามแคมเปญที่โหมกระหน่ำ วันนี้ขายได้กว่า 1,000 คันต่อเดือนก็ถือว่าเก่งมากแล้ว (โตโยต้า ยาริส ขายได้ประมาณ 4,000 คันต่อเดือน)
ซูซูกิไม่ค่อยออกลูกเล่นแพรวพราวหรือมีทีเด็ดทีขาดอะไรมากเมื่อเทียบกับค่ายรถยนต์อื่นๆ เพียงแต่ให้โปรดักต์ขายตัวมันเอง และเน้นสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในระยะยาวมากกว่า (และดูแลราคาขายต่อไม่ให้ตก)
ในตัวโปรดักต์สอบผ่านครับทั้งสมรรถนะและคุณภาพของตัวรถ ดังนั้นเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงชั้นคลาสที่เหนือกว่าอีโคคาร์รุ่นอื่นๆ ล่าสุดจึงเปิดตัว “สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์” (Swift RX) รุ่นพิเศษ และให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับก่อนจะนำไปเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2014 ปลายเดือนนี้
สำหรับ“สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์” ต้องเรียกเป็นรุ่นพิเศษเพิ่มลูกชิ้นที่ไม่ได้จำกัดจำนวนผลิตและระยะเวลา โดยเสริมการขายมาจากรุ่นย่อยเดิม (ซึ่งรุ่นย่อยเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร)
ถามว่าRX ย่อมาจากอะไร ผู้บริหารใหญ่ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) อย่าง “วัลลภ ตรีฤกษ์งาม” บอกไม่มีความหมาย เพียงแค่พยายามสื่อให้เห็นถึงความพิเศษแตกต่าง และชูถึงความเป็นพรีเมี่ยมอีโคคาร์ พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าด้วยการตกแต่งและออปชันที่ยังไม่มีอีโคคาร์รุ่นไหนเคยให้มาก่อน
...แล้วอะไรบ้างที่เป็นครั้งแรกที่ถูกนำมาใส่ในอีโคคาร์?
ภายนอกที่เห็นชัดและทำให้รู้ว่านี่คือ“สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์” (ต่างจากสวิฟท์ปกติ) ไล่ตั้งแต่ไฟท้ายลายใหม่ ไฟเบรกดวงที่สามบนสปอยเลอร์หลังคาเป็นกรอบใส พร้อมสัญลักษณ์ Swift RX ด้านท้าย ส่วนภายในใช้วัสดุเบาะนั่งแบบผ้าสีดำเล่นลายด้ายตะเข็บคู่สีเงิน รวมถึงที่หุ้มคันเกียร์ก็ตกแต่งด้วยด้ายคู่สีเงินเช่นกัน
ส่วนออปชันที่ว่าเป็นครั้งแรกของวงการอีโคคาร์จะมี ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) และชุดไฟหน้าแบบ HID - High Intensity Discharge (ไฟใหญ่เป็นหลอดซีนอนและมีโปรเจกเตอร์เลนส์ควบคุมลำแสง)
เรื่องของชุดไฟ HID ซูซูกิบอกว่าดีกว่าพวกฮาโลเจน เพราะให้แสงมากกว่า 3 เท่า แต่ประหยัดไฟกว่า 30% ส่วนแสงไฟที่ว่าแรงๆ ก็ไม่ต้องกลัวแยงตาเพื่อน เหมือนไอ้พวกรถที่ไม่รู้เรื่องแล้วทำชาวบ้านเขาเดือดร้อนครับ นั่นเพราะ“สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์” จะมีชุดควบคุมลำแสงทั้งตัวรับ ตัวกระจายและโปรเจกเตอร์เลนส์ ขณะเดียวกันยังมีเซนเซอร์ใต้ท้องรถ คอยจับว่าหากรถมีน้ำหนักบรรทุกมากขึ้นจนท้ายถ่วงหน้ารถเชิด ตัวควบคุมลำแสงจะปรับองศาลงมาอัตโนมัติ ไม่ให้ไฟไปยิงใส่ตาเพื่อนร่วมถนนแน่นอน
ส่วนราคาขายยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะอยู่ราว 5.99 แสนบาท ปรับเพิ่มจากรุ่นท็อปGLX 35,000 บาท (GLX ขาย 5.64 แสนบาท) ดูจากความเด่นและอุปกรณ์ต่างๆที่ให้มานับว่าคุ้มครับ ที่สำคัญการมีแพดเดิ้ลชิฟท์หลังพวงมาลัย เพื่อเลือกเล่นเปลี่ยนเกียร์เอง ยังเติมเต็มอารมณ์การขับแบบสปอร์ตมากขึ้น
กล่าวคือการขับปกติเกียร์ CVT จะเปลี่ยนขึ้น-ลงอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ หรือคิกดาวน์หลังกดคันเร่งหนักๆและอาจต้องรอการตอบสนองสักอึดใจ แต่เมื่อมีแพดเดิ้ลชิฟท์เราสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์รอไว้ก่อนได้เลย โดยเฉพาะจังหวะต้องการเรี่ยวแรงแบบกะทันหัน เพียงใช้มือซ้ายดันแป้น ตำแหน่งเกียร์ลดลงมา รอบพุ่ง 4,000-5,000 รอบ รถก็ทะยานทันใจกว่าเดิมหนึ่งจังหวะ
โดยเครื่องยนต์เบนซิน K12B ขนาด 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดี-ไอเสีย (Variable Valve Timing -VVT ) ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งไม่ได้ปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ พร้อมเซ็ทจังหวะเปลี่ยนเกียร์ไว้ 7 สปีด
ขณะที่หัวเกียร์ไม่มีปุ่มสปอร์ตให้กด แต่จะให้โหมด M มาแทนตัว L (ตำแหน่งล่างสุด) เรียกว่าดึงเกียร์ลงมาตำแหน่งนี้แล้วเล่นแพดเดิ้ลชิฟท์ จะตอบสนองการขับขี่ได้เร้าใจสุดๆ (แต่ถ้าแช่โหมด M แล้วลากรอบสูงๆ ไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์สักที ระบบจะสั่งให้เกียร์เปลี่ยนเองอัตโนมัติที่ไม่เกิน 6,000 รอบเพื่อถนอมเครื่องยนต์)
...ใครว่า“สวิฟท์” เร่งอืด สปีดช้า ถ้าได้ลองใช้แพดเดิ้ลชิฟท์น่าจะช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้น ส่วนใครไม่ติดใจและชอบความสบายยามขับทางไกลถนนโล่ง ก็เลือกใช้ครูสคอนโทรลได้เลย ผ่านปุ่มกดบนพวงมาลัย ใช้งานไม่ยุ่งยากครับ โดยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะทำได้ตั้งแต่ความเร็ว 45 กม./ชม.ขึ้นไป
ส่วนประสิทธิภาพของช่วงล่างและการควบคุมยังอยู่ในระดับท็อปของอีโคคาร์ ให้ทั้งความหนึบแน่น พร้อมการควบคุมที่แม่นยำ สอดคล้องกับระบบเบรกที่ผู้เขียนว่า สัมผัสของการกดแป้นเบรกกับการชะลอหยุดทำได้เนียน และมั่นใจทุกย่านความเร็ว
อัตราบริโภคน้ำมันจากการขับความเร็วเฉลี่ย 120 กม./ชม. มีการเล่นเปลี่ยนเกียร์บ่อยครั้ง รอบพุ่งกระฉูดสูงตลอด ตังเลขยังมีระดับ 15 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...“สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์” มีตัวถังให้เลือก 3 สี คือ ขาว ดำ แดง (สียอดฮิต) ส่วนออปชันที่เพิ่มเข้ามาถือว่าคุ้มค่า เพียงต้องถามตัวเองว่าจำเป็นต้องใช้ หรืออยากใช่หรือเปล่า?…จ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อแลกความต่างพร้อมฟังก์ชันดีๆควบคุมพลังเองได้ ใครบ้างไม่ชอบ
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring