รถบรรทุกใหญ่ “ไอวีโก้” รุกตลาดไทยเต็มสูบ ประกาศตั้งโรงงานประกอบในไทยปลายปี 2558 ยันมาตรฐานเทียบเท่าบริษัทแม่ที่ประเทศอิตาลี วางเป้าส่งออกทั่วอาเซียนรองรับตลาด AEC ชูกลยุทธ์ราคากึ่งกลางรถยุโรปและญี่ปุ่น
K.Koray Kursunoglu ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอวีโก้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากที่ได้เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทยได้ 3 ปี เพื่อสำรวจตลาดรถบรรทุกใหญ่ และมองหาแนวทางการตลาดเพื่อนำ “ไอวีโก้” (IVECO) แบรนด์รถใหญ่อิตาลี่เข้ามาขาย ซึ่งได้พบแนวทางให้รถไอวีโก้มีราคาจำหน่ายอยู่กึ่งกลางระหว่างรถยุโรปและรถญี่ปุ่น เพื่อให้มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายขึ้น
“เมื่อกลางปี 2557 ที่ผ่านมาได้ข้อสรุปมาว่า เมื่อได้ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คือ บริษัท เอสเอสเค กรุ๊ป เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เพื่อมีพื้นฐานเคยทำรถใหญ่มาก่อน และสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 2,000 คัน ในระยะเวลาเพียง 3 ปี และมีความจริงใจต่อลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการหลังการขาย และการดูแลเรื่องอะไหล่ตลอด 24 ชม. เพียงแค่นี้ก็มั่นใจได้ว่ารถใหญ่ไอวีโก้ต้องสามารถขยายตลาดได้มากขึ้นแน่นอน”
นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหญ่ที่จะตั้งโรงงานประกอบในประเทศไทยด้วย ซึ่งจะเริ่มประกอบได้ปลายปี 2558 นี้ โดยทางบริษัทจะให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยี รวมทั้งยังมีวิศวกรมาควบคุมดูแล เพื่อให้มาตรฐานรถใหญ่ “ไอวีโก้” เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ มาตรฐานต้องออกมาเทียบเท่ากับบริษัทแม่ที่ประเทศอิตาลี
สุขสมเกรียติ เสือกลิ่นศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอสเค กรุ๊ป เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถใหญ่ “ไอวีโก้” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า จากการทำตลาดในช่วง 3 เดือนหลังในปี 2557 นี้ สามารถทำยอดขายรถหัวลาก 380 แรงม้า และรถมิกเซอร์ 290 แรงม้า ได้มากถึง 200 คัน และในปี 2558 จะมีรถใหญ่ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและ NGV เข้ามาเสริมทัพ ซึ่งได้วางยอดขายทั้งหมดไว้จำนวน 800 คัน
“ราคารถใหญ่ “ไอวีโก้” ช่วงนี้ ได้ตั้งราคาไว้สูงสุดเพียงแค่ 3 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าลดราคาลงอย่างมาก และจะคงราคานี้ไว้เป็นเวลาถึง 3 ปี เพื่อกระตุ้นตลาดขนส่งให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง”
อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีแผนใหญ่ที่จะตั้งโรงงานประกอบในไทยด้วยงบประมาณจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท เบื้องต้นได้ซื้อพื้นที่ไว้แล้วประมาณ 30 ไร่ ที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยา ซึ่งได้วางแผนไว้ว่าจะสามารถประกอบได้ในช่วงปลายปี 2558 นี้ โดยจะมีทั้งรถหัวลาก รถบรรทุก รถมิกเซอร์ และรถโดยสารด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะขยายตลาดออกสู่ชาติอาเซียนด้วย เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC
ทั้งนี้บริษัทได้เจรจาด้านสินเชื้อไว้รองรับลูกค้าแล้ว โดยได้จับมือกับทางบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เพราะลีสซิ่งกสิกรไทย ถือเป็นลิสซิ่งอันดับหนึ่งที่ลูกค้าให้การยอมรับ อย่างไรก็ตาม ลูกค้าทุกรายที่บริษัทส่งรายชื่อให้กับทางลีสซิ่งกสิกรไทยจะได้รับสินเชื้อเต็ม 100%
K.Koray Kursunoglu ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอวีโก้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากที่ได้เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทยได้ 3 ปี เพื่อสำรวจตลาดรถบรรทุกใหญ่ และมองหาแนวทางการตลาดเพื่อนำ “ไอวีโก้” (IVECO) แบรนด์รถใหญ่อิตาลี่เข้ามาขาย ซึ่งได้พบแนวทางให้รถไอวีโก้มีราคาจำหน่ายอยู่กึ่งกลางระหว่างรถยุโรปและรถญี่ปุ่น เพื่อให้มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายขึ้น
“เมื่อกลางปี 2557 ที่ผ่านมาได้ข้อสรุปมาว่า เมื่อได้ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คือ บริษัท เอสเอสเค กรุ๊ป เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เพื่อมีพื้นฐานเคยทำรถใหญ่มาก่อน และสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 2,000 คัน ในระยะเวลาเพียง 3 ปี และมีความจริงใจต่อลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการหลังการขาย และการดูแลเรื่องอะไหล่ตลอด 24 ชม. เพียงแค่นี้ก็มั่นใจได้ว่ารถใหญ่ไอวีโก้ต้องสามารถขยายตลาดได้มากขึ้นแน่นอน”
นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหญ่ที่จะตั้งโรงงานประกอบในประเทศไทยด้วย ซึ่งจะเริ่มประกอบได้ปลายปี 2558 นี้ โดยทางบริษัทจะให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยี รวมทั้งยังมีวิศวกรมาควบคุมดูแล เพื่อให้มาตรฐานรถใหญ่ “ไอวีโก้” เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ มาตรฐานต้องออกมาเทียบเท่ากับบริษัทแม่ที่ประเทศอิตาลี
สุขสมเกรียติ เสือกลิ่นศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอสเค กรุ๊ป เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถใหญ่ “ไอวีโก้” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า จากการทำตลาดในช่วง 3 เดือนหลังในปี 2557 นี้ สามารถทำยอดขายรถหัวลาก 380 แรงม้า และรถมิกเซอร์ 290 แรงม้า ได้มากถึง 200 คัน และในปี 2558 จะมีรถใหญ่ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและ NGV เข้ามาเสริมทัพ ซึ่งได้วางยอดขายทั้งหมดไว้จำนวน 800 คัน
“ราคารถใหญ่ “ไอวีโก้” ช่วงนี้ ได้ตั้งราคาไว้สูงสุดเพียงแค่ 3 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าลดราคาลงอย่างมาก และจะคงราคานี้ไว้เป็นเวลาถึง 3 ปี เพื่อกระตุ้นตลาดขนส่งให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง”
อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีแผนใหญ่ที่จะตั้งโรงงานประกอบในไทยด้วยงบประมาณจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท เบื้องต้นได้ซื้อพื้นที่ไว้แล้วประมาณ 30 ไร่ ที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยา ซึ่งได้วางแผนไว้ว่าจะสามารถประกอบได้ในช่วงปลายปี 2558 นี้ โดยจะมีทั้งรถหัวลาก รถบรรทุก รถมิกเซอร์ และรถโดยสารด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะขยายตลาดออกสู่ชาติอาเซียนด้วย เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC
ทั้งนี้บริษัทได้เจรจาด้านสินเชื้อไว้รองรับลูกค้าแล้ว โดยได้จับมือกับทางบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เพราะลีสซิ่งกสิกรไทย ถือเป็นลิสซิ่งอันดับหนึ่งที่ลูกค้าให้การยอมรับ อย่างไรก็ตาม ลูกค้าทุกรายที่บริษัทส่งรายชื่อให้กับทางลีสซิ่งกสิกรไทยจะได้รับสินเชื้อเต็ม 100%
