ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “นิสสัน” กลับมาเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้การตอบรับสูงมาก โดยเฉพาะหลังจากมีการแนะนำอีโคคาร์สู่ตลาด ทำให้ความพึงพอใจและเชื่อมั่นต่อแบรนด์กลับมาอย่างมาก หลังจากนั้นนิสสันมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เปิดตัวสู่ตลาดไทยต่อเนื่อง และจากนี้ไปยังคงมีคิวเปิดตัวรถใหม่อีกหลายรุ่น ซึ่งในปีนี้จะมีอย่างน้อยอีก 1 รุ่นใหม่สู่ตลาด รวมถึงการวางกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามแผนธุรกิจ Power Up 2016…
ตามแผนธุรกิจระดับโลกของนิสสัน ไทยมีความสำคัญในฐานะตลาดที่มีขนาดใหญ่พอสมควร และยังเป็นฐานการผลิตของนิสสันอีกแห่ง เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออก นอกจากนี้ยังมีการศูนย์พัฒนาและวิจัย หรืออาร์แอนดี (R&D) นอกประเทศญี่ปุ่นของภูมิภาคนี้ ซึ่งเพิ่งเปิดดำเนินการและมีผลงานล่าสุด ร่วมพัฒนาปิกอัพ นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยแห่งแรกของโลก รวมถึงรุ่นอื่นๆ ที่จะผลิตและทำตลาดในไทยต่อไปในอนาคต”
เป็นคำพูดของ “ฮิโรยูกิ โยชิโมโตะ” ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ที่กล่าวกับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” พร้อมกับอธิบายถึงบทบาทของศูยน์พัฒนาและวิจัยของนิสสันในไทยว่า จะทำงานร่วมกับทางญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อฝ่ายไทยส่งข้อมูลต่างๆ ไปให้ และพัฒนาเป็นรถสำเร็จออกมาแล้ว อย่างปิกอัพเอ็นพี300 นาวารา ที่ต้องทำการทดลองในสนามทดสอบของศูนย์พัฒนาฯ นิสสันในไทย ที่ได้สร้างจำลองสภาพถนนต่างๆ เพราะไทยค่อนข้างมีความแตกต่างจากที่อื่น เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานจริง และมีการออกแบบอื่นๆ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าไทย
นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา นอกจากการปรับโฉมใหม่หมด ยังได้ออกแบบโดยคำนึงถึงลูกค้าในไทย ซึ่งมีการใช้งานปิกอัพทั้งการเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และบรรทุกเหมือนทั่วๆไป ซึ่งอาจจะแตกต่างจากที่อื่นๆ ดังนั้นปิกอัพเอ็นพี300 นาวารา จึงออกแบบภายในเชิงอรรถประโยชน์ และสวยงามหรูหรา สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของรถอเนกประสงค์เอสยูวี ขณะที่ขุมพลังแรงสูงสุด 190 แรงม้า จากเครื่องยนต์ดีเซล DOHC 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ และยังมีรุ่นกำลัง 163 แรงม้าให้เลือกอีกรุ่น โดยระบบส่งกำลังใหม่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ และรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ที่ทำงานนุ่มนวล และช่วยประหยัดน้ำมันกว่าเดิม แต่ให้อัตราเร่งที่ดีและแรงขึ้นชัดเจน โดยกำหนดเปิดราคาขายเป็นทางการวันที่ 3 ก.ค.นี้
“ตามแผนธุรกิจนิสสัน Power Up 2016 ในไทย จะต้องมีการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ทั้งหมด 10 รุ่นภายในปี 2559 ซึ่งในปิกอัพเอ็นพี300 นาวารา ถือเป็นรถรุ่นใหม่ลำดับที่ 7 และในปีนี้จะมีอีก 1 รุ่น เป็นรถประเภทเอสยูวี ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดไทยมาเสริมไลน์ผลิตภัณฑ์ของนิสสัน และหลังจากนั้นจะมีเปิดตัวอีก 2 โมเดลใหม่ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้” โยชิโมโตะกล่าว
ทั้งนี้มีกระแสข่าวจากนิสสัน มอเตอร์ ในประเทศไทยว่า รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีใหม่ที่นิสสันมีแผนจะนำเข้ามาทำตลาด เป็นเอสยูวี “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” โฉมใหม่ ซึ่งเพิ่งเผยโฉมในต่างประเทศไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นับเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ของรถรุ่นนี้ และไทยได้มีการนำเข้าเวอร์ชันที่ผ่านมา จากประเทศอินโดนีเซียมาทำตลาดจนถึงปัจจุบัน แต่มีรายงานจากสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ จะการขึ้นไลน์ผลิตเอสยูวีรุ่นเอ็กซ์-เทรลโฉมใหม่ในไทย
นิสสัน เอ็กซ์-เทรล โฉมใหม่ ได้รับการออกแบบให้ดูทันสมัยและโฉบเฉี่ยวกว่าเจนเนอเรชันที่ผ่านๆ มา ด้วยการได้รับอิทธิพลมาจากเอสยูวีรุ่น Juke , Qashqai และรุ่น Murano หรือมีความเป็นเอสยูวีแบบครอสโอเวอร์กว่ารุ่นที่ผ่านๆ มาอย่างชัดเจน พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยอย่าง 2 ระบบครั้งแรกของโลก Active Ride Control เพื่อการทรงตัวที่ดีที่สุดตามสภาพพื้นถนน, Active Engine Brake ปรับกำลังของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังมาช่วยในการเบรกขณะเข้าโค้ง หรือจุดหยุดนิ่ง และยังมีระบบ Active Trace Control ที่ใช้เซนเซอร์ตรวจจับการทำงานต่างๆ ความเร็ว องศาการหมุนพวงมาลัย ความหนัก-เบาของคันเร่ง เพื่อช่วยลดอาการดื้อโค้ง หรือ Understeer และช่วยเหลือผู้ขับขี่ในสภาพถนนเปียกชื้น รวมถึงมีฟีเจอร์ Uphill Start Support และ Advance Hill Descent Control มาเติมเต็มให้ด้วย ซึ่งตามรายงานข่าวคาดว่าเอ็กซ์-เทรลใหม่ในไทย จะวางเครื่องยนต์ขนาด 2.0 และ 2.5 ลิตร บล็อกเดียวกับที่วางในนิสสัน เทียน่า ใหม่ โดยเอ็กซ์-เทรลใหม่จะชนตรงๆ กับคู่แข่งสำคัญ อย่างฮอนด้า ซีอาร์-วี, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และเชฟโรเลต แคปติวา เป็นต้น
จากการเปิดตัวรถใหม่ต่อเนื่องตามแผน ซึ่งนิสสันเชื่อว่าจะทำให้ไลน์ผลิตภัณฑ์ในตลาดมีความแข็งแกร่ง และเป็นการตอบสนองการใช้งานตามความต้องการของลูกค้าในเซกเม้นท์ต่างๆ ดังจะเห็นได้จากการเป็นผู้นำในตลาดอีโคคาร์ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนการผลิตไปแล้วกว่า 2.2 แสนคัน หรือล่าสุดการเปิดตัวปิกอัพ นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา จะช่วยทำให้นิสสันกลับมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่าตัวเลข 2 หลัก หรือมากกว่าแชร์สูงสุด 8-9% ที่นิสสันเคยทำได้เมื่อปี 2552
“นิสสันต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ให้ครอบคลุมเซกเม้นท์ต่างๆ ในตลาดได้ 90% หรือตอบสนองเกือบทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า แม้ตลาดจะชะลอตัวและมีความผันผวนทางการเมืองในไทย แต่มั่นใจจะมีรถใหม่เปิดตัวตามแผนภายในปี 2016 โดยตลาดที่นิสสันยังขาดอยู่อย่างกลุ่มรถยนต์นั่งซับคอมแพ็กต์ หรือรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี แต่คงต้องทำการศึกษาให้เหมาะสมที่สุด เพราะนอกจากตลาดในประเทศ จำเป็นต้องดูเรื่องของการส่งออกด้วย จึงยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่า จะมีรถใหม่รุ่นไหนสู่ตลาดบ้าง แต่สิ่งที่ยืนยันได้ผลิตภัณฑ์เป็นจุดแข็งของนิสสัน” โยชิโมโตะกล่าว
นั่นคือทิศทางเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของนิสสัน ซึ่งหากดูจากความเคลื่อนไหวที่ผ่านๆ มา จะต้องมีทีเด็ดออกมาปิดจุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง เพื่อตอบสนองลูกค้าให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์มากที่สุด รวมถึงมาลุ้นกันในครึ่งปีหลังนี้ “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” โฉมใหม่ หากเข้ามาทำตลาดในไทย จะจัดเต็มเหมือนในต่างประเทศหรือเปล่า?...
4 กุญแจสู่ความสำเร็จในไทย
การเข้ามากุมบังเหียน นิสสัน มอเตอร์ ในประเทศไทย ของประธานคนใหม่ “ฮิโรยูกิ โยชิโมโตะ” ในสภาวะตลาดชะลอตัวและมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเช่นนี้ นับว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่นั่นไม่ถือว่าเป็นอุปสรรค เพราะเขามีกุญแจสำคัญที่จะผลักดันแบรนด์ และผลิตภัณฑ์นิสสัน ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าคนไทย…
โดยกุญแจลำดับแรกเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์นิสสัน ที่มีหลากหลายและดึงดูดดวามน่าสนใจต่อลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้จากอีโคคาร์และล่าสุดปิกอัพ นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา ขณะเดียวกันเมื่อมีผลิตภัณฑ์ตอบสนองได้ จะต้องระบบและเครือข่ายการขายครอบคลุม ปัจจุบันมีอยู่ 199 แห่ง เพื่อให้บรรลุตามแผนธุรกิจ Power 2016 จะต้องเปิดเพิ่มเป็น 270 แห่งทั่วประเทศ
สิ่งสำคัญต่อมาที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ คือการสร้างความพึงพอใจสูงสุดในทุกๆ ด้าน ตลอดจนการปรับปรุงและพัฒนาการขายให้ตอบสนองลูกค้า รวมถึงการลงทุนไม่หยุดของนิสสันในประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นพันธะสัญญาต่อประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนศูนย์พัฒนาและวิจัย เพื่อการพัฒนาสินค้าที่ดีให้กับลูกค้าในไทย ตลอดจนล่าสุดลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท
“แม้นิสสันจะไม่ใหญ่มากในไทย แต่เป็นรายแรกของค่ายรถญี่ปุ่นที่เข้ามาผลิต และทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 1963 มีการผลิตรถไปแล้วกว่า 2.2 ล้านคัน นิสสันจึงต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทยต่อไป นั่นหมายถึงการสร้างคุณภาพในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ดังนั้นการดำเนินงานย่อมต้องมุ่งตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการ พัฒนาศักยภาพการทำงาน และประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งระบบให้เป็นหนึ่งเดียว”
ตามแผนธุรกิจระดับโลกของนิสสัน ไทยมีความสำคัญในฐานะตลาดที่มีขนาดใหญ่พอสมควร และยังเป็นฐานการผลิตของนิสสันอีกแห่ง เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออก นอกจากนี้ยังมีการศูนย์พัฒนาและวิจัย หรืออาร์แอนดี (R&D) นอกประเทศญี่ปุ่นของภูมิภาคนี้ ซึ่งเพิ่งเปิดดำเนินการและมีผลงานล่าสุด ร่วมพัฒนาปิกอัพ นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยแห่งแรกของโลก รวมถึงรุ่นอื่นๆ ที่จะผลิตและทำตลาดในไทยต่อไปในอนาคต”
เป็นคำพูดของ “ฮิโรยูกิ โยชิโมโตะ” ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ที่กล่าวกับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” พร้อมกับอธิบายถึงบทบาทของศูยน์พัฒนาและวิจัยของนิสสันในไทยว่า จะทำงานร่วมกับทางญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อฝ่ายไทยส่งข้อมูลต่างๆ ไปให้ และพัฒนาเป็นรถสำเร็จออกมาแล้ว อย่างปิกอัพเอ็นพี300 นาวารา ที่ต้องทำการทดลองในสนามทดสอบของศูนย์พัฒนาฯ นิสสันในไทย ที่ได้สร้างจำลองสภาพถนนต่างๆ เพราะไทยค่อนข้างมีความแตกต่างจากที่อื่น เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานจริง และมีการออกแบบอื่นๆ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าไทย
นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา นอกจากการปรับโฉมใหม่หมด ยังได้ออกแบบโดยคำนึงถึงลูกค้าในไทย ซึ่งมีการใช้งานปิกอัพทั้งการเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และบรรทุกเหมือนทั่วๆไป ซึ่งอาจจะแตกต่างจากที่อื่นๆ ดังนั้นปิกอัพเอ็นพี300 นาวารา จึงออกแบบภายในเชิงอรรถประโยชน์ และสวยงามหรูหรา สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของรถอเนกประสงค์เอสยูวี ขณะที่ขุมพลังแรงสูงสุด 190 แรงม้า จากเครื่องยนต์ดีเซล DOHC 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ และยังมีรุ่นกำลัง 163 แรงม้าให้เลือกอีกรุ่น โดยระบบส่งกำลังใหม่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ และรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ที่ทำงานนุ่มนวล และช่วยประหยัดน้ำมันกว่าเดิม แต่ให้อัตราเร่งที่ดีและแรงขึ้นชัดเจน โดยกำหนดเปิดราคาขายเป็นทางการวันที่ 3 ก.ค.นี้
“ตามแผนธุรกิจนิสสัน Power Up 2016 ในไทย จะต้องมีการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ทั้งหมด 10 รุ่นภายในปี 2559 ซึ่งในปิกอัพเอ็นพี300 นาวารา ถือเป็นรถรุ่นใหม่ลำดับที่ 7 และในปีนี้จะมีอีก 1 รุ่น เป็นรถประเภทเอสยูวี ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดไทยมาเสริมไลน์ผลิตภัณฑ์ของนิสสัน และหลังจากนั้นจะมีเปิดตัวอีก 2 โมเดลใหม่ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้” โยชิโมโตะกล่าว
ทั้งนี้มีกระแสข่าวจากนิสสัน มอเตอร์ ในประเทศไทยว่า รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีใหม่ที่นิสสันมีแผนจะนำเข้ามาทำตลาด เป็นเอสยูวี “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” โฉมใหม่ ซึ่งเพิ่งเผยโฉมในต่างประเทศไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นับเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ของรถรุ่นนี้ และไทยได้มีการนำเข้าเวอร์ชันที่ผ่านมา จากประเทศอินโดนีเซียมาทำตลาดจนถึงปัจจุบัน แต่มีรายงานจากสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ จะการขึ้นไลน์ผลิตเอสยูวีรุ่นเอ็กซ์-เทรลโฉมใหม่ในไทย
นิสสัน เอ็กซ์-เทรล โฉมใหม่ ได้รับการออกแบบให้ดูทันสมัยและโฉบเฉี่ยวกว่าเจนเนอเรชันที่ผ่านๆ มา ด้วยการได้รับอิทธิพลมาจากเอสยูวีรุ่น Juke , Qashqai และรุ่น Murano หรือมีความเป็นเอสยูวีแบบครอสโอเวอร์กว่ารุ่นที่ผ่านๆ มาอย่างชัดเจน พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยอย่าง 2 ระบบครั้งแรกของโลก Active Ride Control เพื่อการทรงตัวที่ดีที่สุดตามสภาพพื้นถนน, Active Engine Brake ปรับกำลังของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังมาช่วยในการเบรกขณะเข้าโค้ง หรือจุดหยุดนิ่ง และยังมีระบบ Active Trace Control ที่ใช้เซนเซอร์ตรวจจับการทำงานต่างๆ ความเร็ว องศาการหมุนพวงมาลัย ความหนัก-เบาของคันเร่ง เพื่อช่วยลดอาการดื้อโค้ง หรือ Understeer และช่วยเหลือผู้ขับขี่ในสภาพถนนเปียกชื้น รวมถึงมีฟีเจอร์ Uphill Start Support และ Advance Hill Descent Control มาเติมเต็มให้ด้วย ซึ่งตามรายงานข่าวคาดว่าเอ็กซ์-เทรลใหม่ในไทย จะวางเครื่องยนต์ขนาด 2.0 และ 2.5 ลิตร บล็อกเดียวกับที่วางในนิสสัน เทียน่า ใหม่ โดยเอ็กซ์-เทรลใหม่จะชนตรงๆ กับคู่แข่งสำคัญ อย่างฮอนด้า ซีอาร์-วี, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และเชฟโรเลต แคปติวา เป็นต้น
จากการเปิดตัวรถใหม่ต่อเนื่องตามแผน ซึ่งนิสสันเชื่อว่าจะทำให้ไลน์ผลิตภัณฑ์ในตลาดมีความแข็งแกร่ง และเป็นการตอบสนองการใช้งานตามความต้องการของลูกค้าในเซกเม้นท์ต่างๆ ดังจะเห็นได้จากการเป็นผู้นำในตลาดอีโคคาร์ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนการผลิตไปแล้วกว่า 2.2 แสนคัน หรือล่าสุดการเปิดตัวปิกอัพ นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา จะช่วยทำให้นิสสันกลับมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่าตัวเลข 2 หลัก หรือมากกว่าแชร์สูงสุด 8-9% ที่นิสสันเคยทำได้เมื่อปี 2552
“นิสสันต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ให้ครอบคลุมเซกเม้นท์ต่างๆ ในตลาดได้ 90% หรือตอบสนองเกือบทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า แม้ตลาดจะชะลอตัวและมีความผันผวนทางการเมืองในไทย แต่มั่นใจจะมีรถใหม่เปิดตัวตามแผนภายในปี 2016 โดยตลาดที่นิสสันยังขาดอยู่อย่างกลุ่มรถยนต์นั่งซับคอมแพ็กต์ หรือรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี แต่คงต้องทำการศึกษาให้เหมาะสมที่สุด เพราะนอกจากตลาดในประเทศ จำเป็นต้องดูเรื่องของการส่งออกด้วย จึงยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่า จะมีรถใหม่รุ่นไหนสู่ตลาดบ้าง แต่สิ่งที่ยืนยันได้ผลิตภัณฑ์เป็นจุดแข็งของนิสสัน” โยชิโมโตะกล่าว
นั่นคือทิศทางเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของนิสสัน ซึ่งหากดูจากความเคลื่อนไหวที่ผ่านๆ มา จะต้องมีทีเด็ดออกมาปิดจุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง เพื่อตอบสนองลูกค้าให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์มากที่สุด รวมถึงมาลุ้นกันในครึ่งปีหลังนี้ “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” โฉมใหม่ หากเข้ามาทำตลาดในไทย จะจัดเต็มเหมือนในต่างประเทศหรือเปล่า?...
4 กุญแจสู่ความสำเร็จในไทย
การเข้ามากุมบังเหียน นิสสัน มอเตอร์ ในประเทศไทย ของประธานคนใหม่ “ฮิโรยูกิ โยชิโมโตะ” ในสภาวะตลาดชะลอตัวและมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเช่นนี้ นับว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่นั่นไม่ถือว่าเป็นอุปสรรค เพราะเขามีกุญแจสำคัญที่จะผลักดันแบรนด์ และผลิตภัณฑ์นิสสัน ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าคนไทย…
โดยกุญแจลำดับแรกเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์นิสสัน ที่มีหลากหลายและดึงดูดดวามน่าสนใจต่อลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้จากอีโคคาร์และล่าสุดปิกอัพ นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา ขณะเดียวกันเมื่อมีผลิตภัณฑ์ตอบสนองได้ จะต้องระบบและเครือข่ายการขายครอบคลุม ปัจจุบันมีอยู่ 199 แห่ง เพื่อให้บรรลุตามแผนธุรกิจ Power 2016 จะต้องเปิดเพิ่มเป็น 270 แห่งทั่วประเทศ
สิ่งสำคัญต่อมาที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ คือการสร้างความพึงพอใจสูงสุดในทุกๆ ด้าน ตลอดจนการปรับปรุงและพัฒนาการขายให้ตอบสนองลูกค้า รวมถึงการลงทุนไม่หยุดของนิสสันในประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นพันธะสัญญาต่อประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนศูนย์พัฒนาและวิจัย เพื่อการพัฒนาสินค้าที่ดีให้กับลูกค้าในไทย ตลอดจนล่าสุดลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท
“แม้นิสสันจะไม่ใหญ่มากในไทย แต่เป็นรายแรกของค่ายรถญี่ปุ่นที่เข้ามาผลิต และทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 1963 มีการผลิตรถไปแล้วกว่า 2.2 ล้านคัน นิสสันจึงต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทยต่อไป นั่นหมายถึงการสร้างคุณภาพในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ดังนั้นการดำเนินงานย่อมต้องมุ่งตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการ พัฒนาศักยภาพการทำงาน และประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งระบบให้เป็นหนึ่งเดียว”