xs
xsm
sm
md
lg

‘มาสด้า’ เชื่อขายในปท.-ผลิต-ส่งออกพุ่งสวนกระแสตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“มาสด้า” เชื่อมั่นจะปิดยอดขายปีนี้ 3.9 หมื่นคัน เติบโตสวนกระแสภาพรวมตลาดรถ ขณะที่ตัวเลขการผลิตและส่งออกขยายตัวเช่นกัน เผยเตรียมเข็นรถใหม่ 3 รุ่นลุย พร้อมผลักดันเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นระดับพรีเมียมประเมินตลาดเอสยูวี-พีพีวีจะแข่งแรง ชิงลูกค้าที่จะแห่ซื้อรถช่วงครึ่งปีหลัง ก่อนปีหน้าปรับราคาขึ้นเป็นแสนบาท

ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของมาสด้าทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรกยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย โดยปีนี้ตั้งการขายไว้ที่ประมาณ 1.5 ล้านคัน จากเมื่อปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 1.4 ล้านคัน ซึ่งเป็นผลมาจากการแนะนำรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ขณะที่ในไทยภาพรวมตลาดรถทั้งหมดติดลบ 16% หรืออยู่ที่ประมาณ 3.68 แสนคัน เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และยังมีผลพวงจากนโยบายรถคันแรก

“ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มาสด้ามียอดขายสะสม 1.69 หมื่นคัน ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 1.74 หมื่นคัน อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา มาสด้ามียอดขายปรับตัวเพิ่มต่อเนื่อง เพราะมีการแนะนำรถยนต์มาสด้า 2 สกายแอคทีฟ เครื่องยนต์เบนซินมาเสริมตลาด ทำให้ยอดขายของรถรุ่นนี้เติบโต 110% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจเมื่อจบสิ้นปีนี้ มาสด้าจะมียอดขายเพิ่มเป็น 3.9 หมื่นคัน จากปีที่ผ่านมาทำได้ 3.7 หมื่นคัน แม้ภาพรวมตลาดรถในไทยประเมินว่าจะลดลงเหลือ 8.5 แสนคัน จากปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไทยอยู่ที่กว่า 8.8 แสนคัน”

ทั้งนี้มาสด้ามองตลาดในครึ่งปีหลัง จะมีทิศทางค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น จนปิดยอดขายต่ำกว่าปีที่ผ่านมาไม่มากนัก เพราะมีรถรุ่นใหม่ๆ ในเซกเม้นท์หลักเปิดตัวสู่ตลาดหลายรุ่น เมื่อผสานกับการส่งออกที่น่าจะดีขึ้น จากอัตราค่าเงินปรับตัวอ่อนตัวลง การอัดฉีดเม็ดเงินของภาครัฐเข้าสู่ระบบมากขึ้น และผู้บริโภคเร่งซื้อรถบางประเภท ก่อนจะมีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ในปีหน้า โดยเฉพาะกลุ่มรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี/พีพีวี ที่น่าจะปรับราคาขึ้นประมาณ 1 แสนบาท ส่งผลให้ตลาดนี้จะมีการแข่งขันรุนแรงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

“ส่วนสาเหตุที่มาสด้าเชื่อมั่นจะมียอดขายเติบโตสวนตลาด นอกจากการแนะนำมาสด้า2 สกายแอคทีฟ ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินสู่ตลาดล่าสุด ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มาสด้าจะเปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่น ได้แก่ ปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ รถสปอร์ตรุ่นเอ็มเอ็กซ์-5 และรถเอสยูวีขนาดเล็กมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ตลอดจนการเน้นกิจกรมการตลาดหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง หรือสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง พร้อมกับยกระดับการบริการหลังการขาย รวมถึงการเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ประจำภูมิภาคในไทย โดยตั้งเป้าหมายให้มาสด้าเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นระดับพรีเมียมในใจของผู้บริโภค”

ทาเกสึเอะเปิดเผยว่า ขณะที่ภาคการผลิตในฐานะไทยเป็นศูนย์กลางของมาสด้าประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยการผลิตในโรงงานออโต อัลลายแอนซ์ หรือเอเอที(AAT) รวมทั้ง 2 โรงงาน มีกำลังการผลิต 2.8 แสนคัน ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเต็มทั้งหมด แบ่งเป็นปิกอัพ(ฟอร์ด-มาสด้า) ปีล่ะ 1.6 แสนคันต่อปี และรถยนต์นั่ง(เฉพาะมาสด้า) 1.2 แสนคันต่อปี ซึ่งในช่วงครึ่งแรกปีนี้มาสด้ามีการผลิตรถทุกรุ่นประมาณ 5 หมื่นคัน เทียบกับปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เป็นผลมาจากการเพิ่มผลิตรถยนต์นั่งมาสด้า2 และ 3 สกายแอคทีฟ ส่วนปิกอัพบีที-50 โปร อาจจะชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา เพราะอยู่ในช่วงเคลียร์สต็อกเพื่อเตรียมตัวเปิดตัวรุ่นใหม่เร็วๆ นี้ แต่จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นในในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

สำหรับการส่งออกของมาสด้าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เห็นได้การส่งออกมาสด้า2 สกายแอคทีฟ นอกจากในภูมิภาคอาเซียนแล้ว ยังส่งออกไปยังตลาดยุโรป และออสเตรเลีย ส่วนปิกอัพมีการส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่ออัตราค่าเงินบาทอ่อนตัวลงจะยิ่งช่วยผลักดันส่งออกมากขึ้น ซึ่งปกติจากประสบการณ์ค่าเงินอ่อนลง 5% จะช่วยให้การส่งออกเติบโตประมาณ 10-20% ซึ่งในส่วนของมาสด้าจะมีสัดส่วนการส่งออก 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด


กำลังโหลดความคิดเห็น