เดิมรถยนต์ “ซูบารุ” อาจจะเป็นแบรนด์ที่ไกลเกินสัมผัสของผู้คนทั่วๆ ไป แต่ภายหลังการเปิดตัวครอสโอเวอร์ “ซูบารุ เอ็กซ์วี” สู่ตลาด พร้อมเปิดราคาใกล้เคียงกับรถญี่ปุ่นคู่แข่งในตลาด ทำให้เริ่มเห็นรถรุ่นนี้วิ่งบนท้องถนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนั่นย่อมส่งผลให้ผู้คนจดจำและรับรู้แบรนด์ซูบารุในไทยมากขึ้น และยิ่งเมื่อดูจากทิศทางการทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา และรถรุ่นใหม่ๆ ที่นำมาทำตลาด เชื่อว่าอนาคตซูบารุน่าจะเป็นอีกแบรนด์ในใจของผู้คนส่วนใหญ่ก็ได้...
แน่นอนว่าปัจจุบัน “ซูบารุ เอ็กซ์วี” (Subaru XV) เป็นโมเดลหลักของซูบารุในประเทศไทย เพราะมียอดขายมากกว่า 80% แต่การเปิดตัวมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี ประกอบกับมีคู่แข่งในตลาดมากขึ้น การที่จะอยู่นิ่งเฉยย่อมไม่เป็นผลดีต่อรุ่นเอ็กซ์วีแน่ เหตุนี้จึงมีการขยับปลุกความคึกคักให้กับครอสโอเวอร์รุ่นธงนี้อีกครั้ง
โดยล่าสุดบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูบารุในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ได้ทำการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ “ซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์” (Subaru XV STI Performance) ในไทย เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของรุ่นเอ็กซ์วีที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน และมีให้เลือกเพียงรุ่นเดียว 2.0i Premium ราคา 1.35 ล้านบาท แต่ใช่ว่าจะเป็นการแนะนำรุ่นย่อยใหม่ ของซูบารุ เอ็กซ์วี มาเสริมทัพเพิ่มตัวเลือกใหม่เท่านั้น
ในการเปิดตัว ซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ ยังถือโอกาสปรับไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย เพราะจากเดิมที่มีเพียงรุ่นย่อยเดียวทำตลาด ต่อไปนี้ครอสโอเวอร์ ซูบารุ เอ็กซ์วี จะมีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย โดยเริ่มจากรุ่นเริ่มต้น 2.0i เปิดราคาออกมาที่ 1.25 ล้านบาท และมีรุ่น Sport ราคา 1.29 ล้านบาท โดยนอกจากอุปกรณ์เหมือนกับรุ่นเริ่มต้น ยังติดตั้งไฟ Daytime Running สปอยเลอร์หลังคา เพลทด้านข้างประตูรถ และด้านหลังที่เก็บสัมภาระ รวมถึงชุดแต่งกระจังหน้าเพิ่มความแตกต่าง ขณะที่รุ่น 2.0i Premium ราคา 1.35 ล้านบาท ถูกถอดออกจากตลาด และนำรุ่น XV STI Performance เข้ามาแทนราคา 1.39 ล้านบาท
แม้ราคาของซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ จะปรับเพิ่มขึ้น 4 หมื่นบาท แต่ได้มีการเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นจอมอนิเตอร์ใหม่ที่บริเวณหัวหมอนเบาะนั่ง กล้องมองหลัง วัสดุตกแต่งโครเมียมภายในรถ วัสดุตกแต่งแผงควบคุมและด้านข้างสีเงิน ภายนอกติดตั้งไฟ Daytime Running ชุดแต่งสปอยเลอร์ STI รอบคัน ทั้งด้านหน้า ข้าง หลัง และหลังคาด้านหลัง ตลอดจนป้าย STI Performance บ่งบอกความเป็นเอกลัษณ์ รวมถึงเหล็กค้ำโช้ค และปรับปรุงช่วงล่างใหม่ เพื่อการควบคุมรถและการตอบสนองต่อการขับขี่ได้เร้าใจยิ่งขึ้น
ทั้งนี้แม้รุ่น XV STI Performance จะไม่ได้ปรับแต่งขุมกำลังเหมือนกับรถรุ่นอื่นๆ ที่มีรหัสต่อท้าย STI แต่ชุดแต่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักแต่งเอสทีไอ (Subaru Technica International - STI) อันเลื่องชื่อของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผ่านการทดสอบการใช้อุโมงค์ห้องทดลองแรงลม ของโรงงานผลิตของเอฟเอชไอ (Fuji Heavy Industries - FHI) เพื่อทำการเปรียบเทียบผลกระทบตามหลักพลศาสตร์ การเกาะถนน และความสามารถในการการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ระหว่างรุ่นเอ็กซ์วีปกติ กับรุ่น XV STI Performance และผลการทดสอบได้สรุปว่า ชุดแต่งภายนอกที่มีการติดตั้งเพิ่มเข้าไปนั้น ทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ของซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ดียิ่งขึ้น
และเช่นเดียวกับรถยนต์ของซูบารุในรุ่นอื่นๆ ซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยที่มีความครอบคลุม และเป็นไปตามระดับการทดสอบสูงสุด ตามหลักปรัชญา“All-Around Safety” ของซูบารุ การผสมผสานของเทคโนโลยีความปลอดภัย พร้อมกับเทคโนโลยีการขับขี่สี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive ) ที่ทำให้ผู้ขับขี่ขับเคลื่อนไปด้วยความมั่นคง และมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่
โดยซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ สูบนอน 2.0 ลิตร และการขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive ) โดยมีสีรถให้เลือกจาก 7 สี คือ Tangerine Orange Pearl, Pure White, Silver Metallic, Marine Blue Metallic, Dark Grey Metallic, Obsidian Black Metallic และอีกหนึ่งสีใหม่ที่เพิ่มเติมในรุ่นนี้ ได้แก่ สี Desert Khaki
จากการที่ซูบารุได้วางกลยุทธ์การตลาด พยายามที่ขยายกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้น ด้วยการเพิ่มตัวเลือกและราคาที่ปรับลดลงมา ซึ่งแนวทางการวางราคาให้สามารถแข่งขันได้นี้ เห็นได้จากการรถ “ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์เอ็กซ์ เอสทีไอ” (Subaru WRX STI) ที่เพิ่งแนะนำสู่ตลาดไทย ในงานบิ๊ก มอเตอร์เซลส์ 2014 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการเคาะราคาที่ 3.45 ล้านบาท ซึ่งเดิมรุ่นนี้จะจำหน่ายอยู่ที่เกือบๆ 4 ล้านบาท หรือปรับลดลงประมาณ 4-5 แสนบาท
เชื่อว่ากลยุทธ์การวางราคาของรถยนต์ซูบารุต่อไป จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะรถรุ่นที่จะแนะนำสู่ตลาดในเร็วๆ นี้ “ซูบารุ เอาท์แบ็ก” (Subaru Outback) และ “ซูบารุ เลกาซี” (Subaru Legacy) โฉมใหม่ ซึ่งจะทำการเผยโฉมในไทยเป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชีย ภายใต้การดูแลตลาดของกลุ่มตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของทีซี ซูบารุ ประเทศไทย กำหนดเปิดตัววันที่ 27 พฤศจิกายนนี้
เลกาซีโฉมใหม่เป็นรถยนต์ซีดาน ที่เผยโฉมในงานชิคาโก ออโตโชว์ 2014 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยเริ่มวางจำหน่ายในในตลาดโลกอย่างเป็นทางการช่วงกลางปีที่ผ่านมา ขณะที่รุ่นเอาท์แบ็กเผยโฉมในงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2014 ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นครอสโอเวอร์ หรือเวอร์ชันยกสูงของรุ่นเลกาซี จึงไม่แปลกที่จะมีหน้าตาคล้ายๆ กัน โดยเฉพาะกระจังหน้า 6 เหลี่ยมเอกลักษณ์ของซูบารุในรถรุ่นใหม่ๆ ซึ่งทั้งสองรุ่นมากับรูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารปรับให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมกับระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามแม้รุ่นเอาท์แบ็กจะมาจากรุ่นเลกาซี แต่การยกสูงให้มีระยะห่างจากพื้น 220 มม. ยังนับว่าสูงกว่าเอสยูวีบางรุ่นเสียอีก
ขณะที่ขุมกำลังทั้งสองรุ่นวางบล็อกเดียวกัน เป็นเครื่องยนต์ BOXER อันลือชื่อ ให้เลือกทั้งแบบ 4 สูบแนวนอน 2.5 ลิตร 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.1 กก.-ม. และบล็อก 6 สูบนอน 3.6 ลิตร 256 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.1 กก.-ม. ซึ่งทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT และขับเคลื่อนแบบ AWD แต่ดูจากแนวทางการทำตลาดในไทย ยืนพื้นยังคงน่าจะเป็น 2.5 ลิตร 175 แรงม้า ซึ่งเบื้องต้นในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 ปลายปีนี้ คาดว่าจะเปิดตัวขายทันทีในรุ่นเอาท์แบ็ก และในรุ่นเลกาซีน่าจะวางจำหน่ายเป็นทางการในต้นปีหน้า
ด้วยแนวทางการวางราคาและเปิดตัวรถใหม่ต่อเนื่อง คงไม่แปลกที่จะเห็นซูบารุวิ่งเป็นท้องถนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมีกระแสข่าวจะนำ “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” (Subaru Forester) ใหม่ มาขึ้นไลน์ประกอบในโรงงานมาเลเซียปีหน้า เช่นเดียวกับรุ่นเอ็กซ์วีในปัจจุบัน หากเป็นจริงเชื่อว่าจะเป็นอีกรุ่นที่มาดันยอดขายให้กับซูบารุในไทย...
แน่นอนว่าปัจจุบัน “ซูบารุ เอ็กซ์วี” (Subaru XV) เป็นโมเดลหลักของซูบารุในประเทศไทย เพราะมียอดขายมากกว่า 80% แต่การเปิดตัวมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี ประกอบกับมีคู่แข่งในตลาดมากขึ้น การที่จะอยู่นิ่งเฉยย่อมไม่เป็นผลดีต่อรุ่นเอ็กซ์วีแน่ เหตุนี้จึงมีการขยับปลุกความคึกคักให้กับครอสโอเวอร์รุ่นธงนี้อีกครั้ง
โดยล่าสุดบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูบารุในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ได้ทำการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ “ซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์” (Subaru XV STI Performance) ในไทย เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของรุ่นเอ็กซ์วีที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน และมีให้เลือกเพียงรุ่นเดียว 2.0i Premium ราคา 1.35 ล้านบาท แต่ใช่ว่าจะเป็นการแนะนำรุ่นย่อยใหม่ ของซูบารุ เอ็กซ์วี มาเสริมทัพเพิ่มตัวเลือกใหม่เท่านั้น
ในการเปิดตัว ซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ ยังถือโอกาสปรับไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย เพราะจากเดิมที่มีเพียงรุ่นย่อยเดียวทำตลาด ต่อไปนี้ครอสโอเวอร์ ซูบารุ เอ็กซ์วี จะมีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย โดยเริ่มจากรุ่นเริ่มต้น 2.0i เปิดราคาออกมาที่ 1.25 ล้านบาท และมีรุ่น Sport ราคา 1.29 ล้านบาท โดยนอกจากอุปกรณ์เหมือนกับรุ่นเริ่มต้น ยังติดตั้งไฟ Daytime Running สปอยเลอร์หลังคา เพลทด้านข้างประตูรถ และด้านหลังที่เก็บสัมภาระ รวมถึงชุดแต่งกระจังหน้าเพิ่มความแตกต่าง ขณะที่รุ่น 2.0i Premium ราคา 1.35 ล้านบาท ถูกถอดออกจากตลาด และนำรุ่น XV STI Performance เข้ามาแทนราคา 1.39 ล้านบาท
แม้ราคาของซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ จะปรับเพิ่มขึ้น 4 หมื่นบาท แต่ได้มีการเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นจอมอนิเตอร์ใหม่ที่บริเวณหัวหมอนเบาะนั่ง กล้องมองหลัง วัสดุตกแต่งโครเมียมภายในรถ วัสดุตกแต่งแผงควบคุมและด้านข้างสีเงิน ภายนอกติดตั้งไฟ Daytime Running ชุดแต่งสปอยเลอร์ STI รอบคัน ทั้งด้านหน้า ข้าง หลัง และหลังคาด้านหลัง ตลอดจนป้าย STI Performance บ่งบอกความเป็นเอกลัษณ์ รวมถึงเหล็กค้ำโช้ค และปรับปรุงช่วงล่างใหม่ เพื่อการควบคุมรถและการตอบสนองต่อการขับขี่ได้เร้าใจยิ่งขึ้น
ทั้งนี้แม้รุ่น XV STI Performance จะไม่ได้ปรับแต่งขุมกำลังเหมือนกับรถรุ่นอื่นๆ ที่มีรหัสต่อท้าย STI แต่ชุดแต่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักแต่งเอสทีไอ (Subaru Technica International - STI) อันเลื่องชื่อของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผ่านการทดสอบการใช้อุโมงค์ห้องทดลองแรงลม ของโรงงานผลิตของเอฟเอชไอ (Fuji Heavy Industries - FHI) เพื่อทำการเปรียบเทียบผลกระทบตามหลักพลศาสตร์ การเกาะถนน และความสามารถในการการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ระหว่างรุ่นเอ็กซ์วีปกติ กับรุ่น XV STI Performance และผลการทดสอบได้สรุปว่า ชุดแต่งภายนอกที่มีการติดตั้งเพิ่มเข้าไปนั้น ทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ของซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ดียิ่งขึ้น
และเช่นเดียวกับรถยนต์ของซูบารุในรุ่นอื่นๆ ซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยที่มีความครอบคลุม และเป็นไปตามระดับการทดสอบสูงสุด ตามหลักปรัชญา“All-Around Safety” ของซูบารุ การผสมผสานของเทคโนโลยีความปลอดภัย พร้อมกับเทคโนโลยีการขับขี่สี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive ) ที่ทำให้ผู้ขับขี่ขับเคลื่อนไปด้วยความมั่นคง และมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่
โดยซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ เพอร์ฟอร์มานซ์ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ สูบนอน 2.0 ลิตร และการขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive ) โดยมีสีรถให้เลือกจาก 7 สี คือ Tangerine Orange Pearl, Pure White, Silver Metallic, Marine Blue Metallic, Dark Grey Metallic, Obsidian Black Metallic และอีกหนึ่งสีใหม่ที่เพิ่มเติมในรุ่นนี้ ได้แก่ สี Desert Khaki
จากการที่ซูบารุได้วางกลยุทธ์การตลาด พยายามที่ขยายกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้น ด้วยการเพิ่มตัวเลือกและราคาที่ปรับลดลงมา ซึ่งแนวทางการวางราคาให้สามารถแข่งขันได้นี้ เห็นได้จากการรถ “ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์เอ็กซ์ เอสทีไอ” (Subaru WRX STI) ที่เพิ่งแนะนำสู่ตลาดไทย ในงานบิ๊ก มอเตอร์เซลส์ 2014 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการเคาะราคาที่ 3.45 ล้านบาท ซึ่งเดิมรุ่นนี้จะจำหน่ายอยู่ที่เกือบๆ 4 ล้านบาท หรือปรับลดลงประมาณ 4-5 แสนบาท
เชื่อว่ากลยุทธ์การวางราคาของรถยนต์ซูบารุต่อไป จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะรถรุ่นที่จะแนะนำสู่ตลาดในเร็วๆ นี้ “ซูบารุ เอาท์แบ็ก” (Subaru Outback) และ “ซูบารุ เลกาซี” (Subaru Legacy) โฉมใหม่ ซึ่งจะทำการเผยโฉมในไทยเป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชีย ภายใต้การดูแลตลาดของกลุ่มตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของทีซี ซูบารุ ประเทศไทย กำหนดเปิดตัววันที่ 27 พฤศจิกายนนี้
เลกาซีโฉมใหม่เป็นรถยนต์ซีดาน ที่เผยโฉมในงานชิคาโก ออโตโชว์ 2014 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยเริ่มวางจำหน่ายในในตลาดโลกอย่างเป็นทางการช่วงกลางปีที่ผ่านมา ขณะที่รุ่นเอาท์แบ็กเผยโฉมในงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2014 ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นครอสโอเวอร์ หรือเวอร์ชันยกสูงของรุ่นเลกาซี จึงไม่แปลกที่จะมีหน้าตาคล้ายๆ กัน โดยเฉพาะกระจังหน้า 6 เหลี่ยมเอกลักษณ์ของซูบารุในรถรุ่นใหม่ๆ ซึ่งทั้งสองรุ่นมากับรูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารปรับให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมกับระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามแม้รุ่นเอาท์แบ็กจะมาจากรุ่นเลกาซี แต่การยกสูงให้มีระยะห่างจากพื้น 220 มม. ยังนับว่าสูงกว่าเอสยูวีบางรุ่นเสียอีก
ขณะที่ขุมกำลังทั้งสองรุ่นวางบล็อกเดียวกัน เป็นเครื่องยนต์ BOXER อันลือชื่อ ให้เลือกทั้งแบบ 4 สูบแนวนอน 2.5 ลิตร 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.1 กก.-ม. และบล็อก 6 สูบนอน 3.6 ลิตร 256 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.1 กก.-ม. ซึ่งทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT และขับเคลื่อนแบบ AWD แต่ดูจากแนวทางการทำตลาดในไทย ยืนพื้นยังคงน่าจะเป็น 2.5 ลิตร 175 แรงม้า ซึ่งเบื้องต้นในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 ปลายปีนี้ คาดว่าจะเปิดตัวขายทันทีในรุ่นเอาท์แบ็ก และในรุ่นเลกาซีน่าจะวางจำหน่ายเป็นทางการในต้นปีหน้า
ด้วยแนวทางการวางราคาและเปิดตัวรถใหม่ต่อเนื่อง คงไม่แปลกที่จะเห็นซูบารุวิ่งเป็นท้องถนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมีกระแสข่าวจะนำ “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” (Subaru Forester) ใหม่ มาขึ้นไลน์ประกอบในโรงงานมาเลเซียปีหน้า เช่นเดียวกับรุ่นเอ็กซ์วีในปัจจุบัน หากเป็นจริงเชื่อว่าจะเป็นอีกรุ่นที่มาดันยอดขายให้กับซูบารุในไทย...