ประเทศไทยอยู่ในสภาวะอึมครึมมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี จากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จนส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจให้ชะลอตัวตามไปด้วย จนในที่สุดเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และบรรดาผู้นำเหล่าทัพภายใต้ชื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ แต่แน่นอนการเปลี่ยนแปลงอำนาจครั้งนี้ ย่อมส่งผลต่อภาพรวมประเทศและเศรษฐกิจ รวมถึงตลาดรถยนต์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการบริหารประเทศภายใต้เงาท็อปบูต จะส่งผลต่อตลาดรถอย่างไร?...
โค้งแรกร่วงหนัก-รัฐประหารทำภาพชัด
ตลาดรถยนต์ก่อนเกิดการรัฐประหาร มีสภาพซบเซาสุดๆ จากปัญหาทางการเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะผลกระทบต่อเนื่องจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ทำให้ตลาดรถยนต์ไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) มียอดขายรวมเพียงกว่า 2.97 แสนคัน หรือลดลง 43% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถคันแรก มียอดขายตกมากสุด 51% แม้จะมีการจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายดุเดือดก็ตาม…
สำหรับการเข้าควบคุมและบริหารประเทศของคสช. จะส่งผลกระทบในแง่ดี หรือทางร้ายต่อเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ไทย เรื่องนี้ “เพียงใจ แก้วสุวรรณ” ประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอาเซียน (AAF) และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า…
“การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารโดยคสช. หรือรัฐบาลใหม่ที่จะมาจากวิธีไหนก็ตาม ต้องสร้างความชัดเจนของประเทศ นั่นคือสิ่งที่ภาคธุรกิจและเอกชนเรียกร้องมาตลอด และอยากให้สนับสนุนนโยบายเดิมที่ประสบความสำเร็จให้มีความต่อเนื่อง และพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ก้าวหน้าต่อไป”
เช่นเดียวกับ “วัลลภ ตรีฤกษ์งาม” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าการทำรัฐประหารและไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวก และทำให้การแก้ปัญหาของประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น
“ที่สำคัญคสช.เร่งแก้ปัญหาจ่ายเงินค้างค่าจำนำข้าวให้กับชาวนา และมาตรการเร่งด่วนต่างๆ ในการฟื้นเศรษฐกิจ จะช่วยให้มีกระแสเงินไหลเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี แต่ที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ลดลงมาก จึงคาดว่ายอดขายรถในไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 9 แสนคัน”
สอดคล้องกับความเห็นของ “พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” รองประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด ได้ระบุว่า… “การดำเนินธุรกิจในสถานการณ์เมือง และการแข่งขันในตลาดรุนแรงขณะนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแต่อย่างใด ฮอนด้าคาดว่าตลาดรถปีนี้น่าจะต่ำกว่า 1 ล้านคัน ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับการผลิต และวางแผนการจำหน่ายให้สอดคล้องกัน”
นับเป็นการประเมินตัวเลขที่ต่ำลงกว่าเมื่อต้นปี ซึ่งเดิมต่างคาดไว้ว่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายทั้งหมด 1.33 ล้านคัน โดยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.2 ล้านคัน แต่สถานการณ์ปัจจุบันดูจะไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว…
ค่ายรถเร่งเครื่องอัดแคมเปญฟื้นยอดขาย
เมื่อตลาดรถยนต์ปีม้าไม่คะนองศึก แน่นอนว่าย่อมต้องทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรง ยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน และเศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อนอีกครั้ง แทบทุกค่ายจะต้องงัดทีเด็ดออกมาผลักดันยอดขายตัวเองให้มากที่สุด
“หลังจากสถานการณ์การเมืองได้ข้อยุติ เชื่อว่าผู้ประกอบการจะต้องเร่งผลักดันยอดขายและการผลิตมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวมบริษัทน้อยที่สุด” วิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์กล่าว
ส่วนกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้เสมอในทุกสถานการณ์แข่งขันรุนแรง ย่อมเป็นการจัดรายการส่งเสริมการขาย หรือแคมเปญกระตุ้นตลาด ซึ่งเดิมผู้ประกอบการหลายรายคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติในปีนี้ แต่เมื่อตลาดตกลงอย่างหนัก ทุกค่ายจึงเดินหน้าอัดแคมเปญต่อเนื่อง
แม้แต่ค่ายที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบนักในช่วงโค้งแรก อย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ยังออกแคมเปญสินเชื่อแรง “เพย์เม้นท์ ฮอลิเดย์” สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์รุ่น B 180 Sport ด้วยอัตราการผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 19,900 บาทต่อเดือน และรุ่น C 180 Coupé AMG Dynamicและ E 200 Executive ในอัตราการผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 27,900 บาทต่อเดือน และรับข้อเสนอสุดพิเศษกับการผ่อนชำระเพียง 11 เดือนต่อปี เพื่อให้ลูกค้าได้มีวันหยุดในการผ่อนชำระสูงสุดถึงห้าเดือน คือในเดือนที่ 12, 24, 36, 48 และ 60 ของการชำระเงิน
ไม่ต้องพูดบรรดารถตลาดทั้งหลาย ทุกค่ายต้องเดินหน้าลุยต่อไป ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย 0% ดาวน์ต่ำ-ผ่อนนาน หรือผ่อนต่อเดือนต่ำ ตลอดจนมอบของแถมอีกเพียบ ดังเช่น “มิตซูบิชิ” ที่มอบข้อเสนอพิเศษ ให้กับลูกค้าเลือกระหว่างดอกเบี้ย 0% , ฟรีชุดแต่งมูลค่า 5 หมื่นบาท และรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
เช่นเดียวกับค่าย “ฟอร์ด” มอบข้อเสนอพิเศษดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 72 เดือน ให้กับลูกค้าที่ซื้อรถฟอร์ด เฟียสต้า โฉมปี 2013 หรือรุ่นใหม่ปี 2014 รับอัตราดอกเบี้ย 1.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เช่นเดียวกับเก๋งคอมแพ็กต์ ฟอร์ด เฟียสต้า ขณะที่ปิกอัพ ฟอร์ด เรนเจอร์ ดอกเบี้ยต่ำสุดเริ่ม 0.99% เป็นต้น
ขณะที่ฮอนด้าสามารถเลือกผ่อนเบาๆ เพียง 2,333 บาทต่อเดือน กับรุ่นบริโอ้ อเมซ หรือรุ่นอื่นๆ ที่มีทั้งดาวน์และอัตราดอกเบี้ยต่ำ และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือบางรุ่นมอบ GPS แบบพกพาเป็นของแถม และล่าสุดจัดกิจกรรมพิเศษ#MULTIFUNLIFE with All-new Honda Jazz ชิงรางวัลรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ รุ่น SV มูลค่า 739,000บาท จำนวน 1 คัน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย โดยเชิญชวนผู้สนใจทั่วไปผลิตคลิปวิดีโอ ภายใต้แนวคิด New Definition of Me ซึ่งนี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น และค่ายอื่นๆ น่าจะปล่อยแคมเปญใหม่ออกมา หลังจากเพิ่งปิดโปรโมชั่นล่าสุดไปเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
รถใหม่รุ่นหลักเปิดตัวปลุกตลาดคึกคัก
นอกจากแคมเปญแล้ว การเปิดตัวรถใหม่จะช่วยผลักดันยอดขายได้อย่างดี ที่ผ่านมาแม้จะเกิดปัญหาทางการเมือง แต่ส่วนใหญ่ยังคงส่งรถใหม่ตามแผน ล่าสุดที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นรุ่นธงของตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์ “ฮอนด้า แจ๊ซ” โฉมใหม่ และตามด้วย “ซูซูกิ เซเลริโอ” อีโคคาร์รุ่นที่ 2 ของซูซูกิในไทย
สิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นการเร่งปั๊มยอดขาย และการแข่งขันรุนแรง เห็นได้จากซูซูกิ เซเลริโอ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ที่แม้จะเป็นรถโมเดลใหม่ และเคาะราคาเริ่มต้นเพียง 3.59 แสนบาท แต่ซูซูกิยังเปิดแคมเปญออกมาลุยทันที กับโปรแกรมสินเชื่อ ‘MY WAY’ ผ่อนเริ่มต้นเพียง 2,222 บาท และยังมี “กิจกรรมทดลองขับลุ้นรับโชค” เป็นเจ้าของเซเลริโอรุ่น GLX พร้อมบัตรเติมน้ำมัน 100,000 บาท
สำหรับในเดือนมิถุนายนนี้ ยังมีรถรุ่นใหม่จ่อคิดเปิดตัวอีกเช่นกัน เริ่มจากกลางสัปาดห์นี้จะเป็นน้องใหม่ “เอ็มจี6” (MG6) เก๋งคอมแพ็กต์ซีดาน 4 ประตู และรุ่น 5 ประตู ฟาสต์แบ็ก ขนาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบ 161 แรงม้า รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่ปัจจุบันไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนจีน ซึ่งจะมาชนกับ “มาสด้า3” และ “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” ที่เพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่ไป รวมถึงเก๋งคอมแพ็กต์รุ่นอื่นๆ ในตลาด จะทำการเปิดตัวจากไลน์ผลิตอย่างเป็นทางการ และจากนั้นจะถูกส่งบุกตลาดอย่างเป็นทางการ 19 มิ.ย.นี้
ส่วนอีกคิวเป็นวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ตลาดปิกอัพกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเป็นการเปิดตัวโฉมใหม่ของ “นิสสัน นาวารา” ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์บล็อกเดิม 2.5 ลิตร แต่ได้มีการปรับให้สมรรถนะดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันนิสสันเริ่มปล่อยภาพทีเซอร์ออกมาให้เห็นรูปร่างแล้ว
อย่างไรก็ตาม นิสสันคงต้องเจอศึกหนักในตลาดปิกอัพ เมื่อค่ายมิตซูบิชิเตรียมปล่อยโฉมใหม่ของปิกอัพ “ไทรทัน” ลงสู่ตลาดในเร็วๆ นี้เช่นกัน แม้จะยังไม่มีการปล่อยภาพทางการออกมา แต่เค้าโครงรูปลักษณ์เป็นการพัฒนามาจากปิกอัพต้นแบบ Mitsubishi GR-HEV ที่นำมาเผยโฉมให้ชมและสัมผัสกันเมื่อปีที่ผ่านมานั่นเอง
นี่เป็นเพียงบางส่วนของรถใหม่ที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และยังมีอีกหลายรุ่น รวมถึงแคมเปญต่างๆ ที่จะทยอยแนะนำสู่ตลาดตามมา โดยเฉพาะสถานการณ์ประเทศที่เริ่มชัดเจนขึ้นเช่นนี้ ตลาดรถยนต์ภายใต้ยุคท็อปบูต! จึงน่าจะเร่งเครื่องเดินหน้าปั้นยอดขายกันแบบสุดๆ…