xs
xsm
sm
md
lg

“ยามาฮ่า ทริซิตี้” ทดสอบความเร้าใจนักบิดภูเก็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากเปิดตัววางจำหน่ายที่แรกในไทย ครั้งแรกในโลก ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 สำหรับรถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า ทริซิตี้” ซึ่งได้รับความสนใจจากนักบิดเป็นอย่างดี และเพื่อให้การเข้าถึงหรือได้สัมผัสนวัตกรรมใหม่สะดวกยิ่งขึ้น ค่ายส้อมเสียงจึงเดินหน้าจัดกิจกรรมเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดสอบสมรรถนะกันทั่วทุกภาคของประเทศ โดยเลือกปิดท้ายความเร้าใจให้กับนักบิดที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับกิจกรรม “นวัตกรรมสุดล้ำ ยามาฮ่า ทริซิตี้ ที่แรกในไทย ครั้งแรกในโลก” เป็นแผนงานการตลาดที่ทางยามาฮ่าได้วางแพลนจัดขึ้นเริ่มแรกที่กรุงเทพฯ ก่อนกระจายตามหัวเมืองใหญ่ทุกภาคของประเทศ ได้แก่ ชลบุรี, อุดรธานี, เชียงใหม่ และส่งท้ายกันที่ภูเก็ต โดยหวังให้นักบิดดินแดนไข่มุกแห่งอันดามัน ได้รับรู้ถึงความแตกต่าง ว่าการมีสองล้อคู่หน้าประสิทธิภาพการใช้งานจะดีกว่าเดิมอย่างไร

ในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในพื้นที่ เช่นเดียวกับสามครั้งที่ผ่านมา ซึ่งกิจกรรมปิดท้ายของการ Test Ride “ยามาฮ่า ทริซิตี้” ค่ายส้อมเสียงและบริษัท รวมพงศ์มอเตอร์ จำกัด ร่วมเนรมิตลานกิจกรรมสะพานหินให้กลายเป็นสนามทดสอบการขับขี่ขนาดย่อม โดยยึดโมเดลแบบเดียวกับที่เคยจัดขึ้นริมทะเลสาปเมืองทองธานี


แม้ระยะทางจะสั้นแต่จำลองรูปแบบการขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งการเบรกบนพื้นถนนที่เปียกน้ำ, การขับขี่ขึ้น-ลงบนพื้นทางต่างระดับ, การขับขี่ผ่านเนินลูกระนาดแบบสลับฟันปลา, การขับขี่สลาลอม และการขับขี่เข้าโค้ง เป็นต้น

จากการสังเกตุพูดคุยกับนักบิดภูเก็ตที่ได้ร่วมกิจกรรม หลายคนบอกว่าทริซิตี้เป็นรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่ได้ “ง่ายกว่าที่คิด” แถมยังสร้างความสนุกและความมั่นใจในการขับขี่ได้มากกว่ารถจักรยานยนต์ทั่วไปได้เป็นอย่างมาก

โดยนอกจากเห็นการตอบรับโมเดลใหม่ที่ชาวภูเก็ตให้ความสนใจแล้ว เรายังได้ทราบถึงพฤติกรรมของนักบิดที่นี่ รวมถึงด้านทิศทางเศรษฐกิจจากผู้ดำเนินธุรกิจสองล้อในพื้นที่มาอย่างยาวนาน ด้วยการสัมภาษณ์สั้นๆ กับเสี่ยเล็ก-อนุภาพ เวชวนิชสนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท รวมพงศ์มอเตอร์ จำกัด

“รวมพงศ์มอเตอร์เป็นดีลเลอร์ยามาฮ่าดูแลการขายอยู่ในจังหวัดภูเก็ตและพังงา มีสาขารวม 13 แห่ง โดยช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมา ภาวะตลาดหดตัว 50% แต่คิดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น เพราะสถานการณ์ต่างๆ น่าจะได้ข้อยุติ ตลอดจนปีนี้ยามาฮ่ามีโมเดลใหม่มาลุยตลาด โดยเฉพาะทริซิตี้ที่ได้รับการตอบรับดี ตั้งแต่เปิดตัวมียอดจองหลักร้อยคันแล้ว แม้ช่วงแรกกำลังการผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการในพื้นที่ แต่คาดว่าปลายปีนี้น่าจะลงตัวขึ้น”

เสี่ยเล็กเผยว่า ด้านปัจจัยลบที่น่ากังวลมากที่สุดในจังหวัดภูเก็ต ตอนนี้คือผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง เนื่องจากชาวต่างชาติเมื่อเห็นข่าวความวุ่นวายในเมืองไทย พวกเขาจะเลือกไปเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียหรือสิงคโปร์แทน และเมื่อนักท่องเที่ยวน้อยลง เม็ดเงินที่กระจายในพื้นที่น้อยลง จะส่งผลให้กำลังซื้อน้อยลงตามไปด้วย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดชะลอตัว แต่คาดว่าเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ภาวะตลาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว

“ขณะที่ผลกระทบกับตลาดบิ๊กไบค์แทบไม่เกิดขึ้น เพราะที่นี่ได้รับความนิยม มีกำลังซื้อเยอะ ด้านการแข่งขันก็สูงมีขายทุกแบรนด์ สำหรับยามาฮ่าเองตัวเลขยอดขายบิ๊กไบค์ ตั้งแต่ต้นปียังเห็นการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เพราะเราใช้กลยุทธ์เน้นการจัดกิจกรรม สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เปิดพื้นที่ให้ลูกค้าที่ขี่บิ๊กไบค์มาพบปะพูดคุย อย่างในงานนี้ก็มีให้ลองบิ๊กไบค์กันด้วย เรียกว่าเข้าไปคลุกวงในใกล้ชิดกับลูกค้า ไม่ได้รอให้เขาเข้ามาหาเราอย่างเดียว” ผู้บริหารรวมพงศ์มอเตอร์ กล่าวสรุป

ขณะเดียวกัน เพื่อตอกย้ำภาพของสองล้อกลุ่มพรีเมียม เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมทดสอบ ในวันต่อมายามาฮ่าจึงพาสื่อมวลชนร่วมพิสูจน์การใช้ทริซิตี้ เป็นยานพาหนะขี่เที่ยวชมสถาปัตยกรรมที่งดงามในตัวเมืองจังหวัดภูเก็ต พร้อมชี้ให้เห็นว่านอกจากใช้ในชีวิตประจำวันได้แล้ว ยังสามารถบ่งบอกไลฟ์สไตล์ผู้เป็นเจ้าของได้อีกด้วย

สำหรับการขับขี่ผ่านการจราจรที่หนาแน่นในตัวเมือง นวัตกรรมใหม่ที่ใช้ล้อคู่หน้าบังคับเลี้ยวด้วยระบบ LMW (Leaning Multi Wheel) ยังมุดหลบหลีกได้คล่องตัว รวมถึงการบิดไต่ความชันบนเขายังไปได้เรื่อยๆ แม้ไม่เร็วแรงทันใจ แต่ด้านความปลอดภัยหายห่วง ส่วนการเข้าโค้งยึดเกาะถนนทำได้ดี โดยรวมสมรรถนะประทับใจเหมือนครั้งที่เคยเอามาทดสอบและนำเสนอกันไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ว่ากันที่ความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ “ทริซิตี้” ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าค่ายส้อมเสียงยังคงความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมความแปลกใหม่ พร้อมสอบผ่านดึงความสนใจนักบิดได้ด้วยการเปิดราคาที่ไม่สูงจนเกินไปนัก (แนะนำครั้งแรก 79,500บาท และหลังจาก 2,500 คันไปแล้วจะปรับขึ้นเป็น 81,500 บาท) ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ต้องลุ้นการทำตลาดกันต่อนับจากนี้

เชื่อว่าหากตอบโจทย์สร้างกระแสการรับรู้ให้ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง โอกาสขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านยอดขายบ้าง คงไม่ไกลเกินเอื้อม!


ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น