หากพูดถึงรถยี่ห้อ ทาทา ในตลาดเมืองไทย อาจจะยังไม่ติดหู หรือเป็นแบรนด์อันดับต้นที่อยู่ในใจผู้บริโภคชาวไทย แต่สำหรับเวทีตลาดโลก ทาทา มอเตอร์ ถือเป็นหนึ่งผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของโลก โดยเป็นผู้ผลิตรถโดยสารที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก และเป็นผู้ผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ชั้นนำในประเทศ นอกจากนี้ ทาทา มอเตอร์ส ยังเป็นผู้ผลิตรถบรรทุกที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก ดังนั้น ทาทา มอเตอร์ ประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนชมความยิ่งใหญ่ของบริษัท ผ่านการแข่งขัน ทรัคเรซซิ่ง ในบ้านเกิด และถือเป็นการแข่งขันครั้งแรกอีกต่างหาก
งานนี้มิเพียงได้เข้าชมงาน เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหาร ทาทา มอเตอร์ ถึงทิศทางการทำตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ทั้งไทยและตลาดอาเซียน
นาย ราวีดร้า พิซาโรดี ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายรถเชิงพาณิชย์หน่วยธุรกิจรถเชิงพาณิชย์ บริษัท ทาทา มอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงแผน กลยุทธ์ ในการรุกตลาดอาเซียน ว่า ตลาดนี้มีความสำคัญมาก บริษัทมีแผนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมืองไทยสำคัญที่สุด โดยเราเริ่มทำตลาดด้วยรถปิกอัพ ทั้งนี้เนื่องจากไทยมียอดขายรถปิกอัพใหญ่เป็นอันดับสองของโลก หลังจากนี้ก็จะมุ่งเป้าไปที่รถเพื่อการพาณิชย์ รถใหญ่ จะตามมา
“ในความเป็นจริง ตลาดอาเซียน เรามองแค่ปี-สองปีไม่ได้ มันต้องมองกันยาว 5-10 ปี อย่างน้อย เพราะตลาดมันขึ้น ๆ - ลง ๆแน่นอนประเทศที่กำลังพัฒนาย่อมมีความต้องการใช้รถบรรทุก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน อย่างไร ตลาดนี้มีความสำคัญกับเรามาก เรามีแผนอยู่ในใจแล้ว”
นอกจากเมืองไทย อินโดนีเซีย เป็นอีกประเทศที่เราเพิ่งจะรุกเข้าไปทำตลาด โดยเริ่มจากรถบรรทุกขนาดเล็ก และปิกอัพ ส่วนรถเพื่อการพาณิชย์ จะตามมาทีหลัง เนื่องจากบริษัท มีแผนที่จะเปิดที่เมืองไทยก่อน ในไตรมาสถัดไป และคาดว่าปีแรกตั้งเป้ายอดขายไว้ 500 คันต่อเดือน
สำหรับการเปิดตัวรถเพื่อการพาณิชย์ ในไทย บริษัทจะให้ความสำคัญและเน้น เรื่องการบริการเป็นหลัก พร้อมมุ่งการขายแบบไดเร็กต์ คือขายตรงกับลูกค้า คือวิ่งตรงไปหาลูกค้า ไม่มีการโฆษณา โปรโมชัน เหมือนกับรถปิกอัพ โดยผ่านดีลเลอร์ที่จะแต่งตั้งขึ้นมาภายในเดือนพฤษภาคม 5 แห่ง และมีแผนให้ครบ 10 แห่งภายในสิ้นปีนี้ บริษัท มั่นใจว่าจะสามารถดูแล เอาใจใส่ลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากกว่าคู่แข่งรายใหญ่
พิซาโรดี กล่าวเพิ่มเติมว่า รถเชิงพาณิชย์ ที่จะมาขายในไทย จะนำเข้ามาเป็นรถหัวลาก ในแบรนด์ ทาทา มีแรงม้า 230 และ 280 แรงม้า(นำเข้าจากอินเดียเสียภาษี 40 %) และแบรนด์ แดวู (นำเข้าจากเกาหลีเสียภาษี 20 % และจะลดลงมาเหลือ 16 % เร็ว ๆ นี้ ) มีแรงม้า 380 แรงม้า
“อย่างประเทศออสเตรเลีย เขาเป็นประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว ยังยอมรับสินค้าของเราได้ ฉะนั้นลูกค้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของรถทาทา เพราะ เราได้นำเทคโนโลยีจากทั่วโลกมาผสมผสาน ทั้งการออกแบบหัวเก๋งจากอิตาลี , เทคโนโลยีเครื่องยนต์จากสหรัฐอเมริกาและยุโรป , ชุดเกียร์จากเยอรมนี , ใช้ความรู้ด้านการผลิตโครงสร้างแชสซีส์จากเม็กซิโก , แผ่นเหล็กที่นำมาประกอบตัวถังจากญี่ปุ่นและเกาหลี รวมทั้งเทคโนโลยีการผลิตและหุ่นยนต์ประกอบไลน์การผลิตจากสวีเดน ทั้งหมดจึงทำให้ รถบรรทุก ของทาทา เป็นรถระดับโลก เช่นกัน ที่สำคัญเรามีประมาณ 100 กว่ารุ่น หลายขนาด ให้เลือก “
ขณะที่กำลังการผลิตรถเชิงพาณิชย์ของทาทา นั้นปีหนึ่งสามารถผลิตได้ 25,000-30,000 คัน แต่สามารถขยายได้ตามความต้องการของตลาด หรือมีกำลังผลิตสูงสุดถึง 200,000 คันต่อปี ในอินเดีย สำหรับโรงงานประกอบรถเชิงพาณิชย์ ทาทา ได้ไปเปิดโรงงานที่ ประเทศเกาหลี แอฟริกา บังกลาเทศ แต่มีเพียง 2 ประเทศที่ผลิตเพื่อการส่งออกคือ ที่อินเดีย และเกาหลี
“จุดแข็งของเราอยู่ที่ เรามีความชำนาญในการทำรถบรรทุก มากว่า 60 ปี อย่างที่สองคือประหยัดน้ำมัน ความจริงในอินเดีย น้ำมันแพงมาก ทาทา จึงทำรถให้ประหยัดน้ำมัน เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และเมืองไทยก็เช่นเดียวกัน ค่าน้ำมันแพง ดังนั้นคนไทยคงต้องการรถบรรทุกประหยัดน้ำมันเช่นกัน”
บริษัท มั่นใจในจุดเด่นของรถเพื่อการพาณิชย์ของทาทา ทั้งในเรื่องการประหยัดน้ำมัน ความแข็งแกร่งของรถ และดีลเลอร์ ที่มุ่งเน้นการบริการอย่างใกล้ชิด จะทำให้ รถบรรทุกแบรนด์ ทาทา แจ้งเกิดในไทยได้ไม่ยาก พิซาโรดี กล่าวตบท้าย