“คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค” หวนคืนตลาดผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป ปั้นแบรนด์ “ฮักกี้ อัลตร้า” ลงสมรภูมิอีกรอบ คราวนี้ชูนวัตกรรมและนำเข้าจากเกาหลีมาขาย พร้อมทุ่มงบตลาด 10 ล้านบาทลุยเต็มที่ เป้าหมายอีก 3 ปีต้องมีแชร์ 15%
นางราตรี สกุลตันติเมธา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กในประเทศไทยมีมูลค่ประมาณ 10,000 ล้านบาทโดยแบ่งเป็นกลุ่มพรีเมียม 8,000 ล้านบาท และกลุ่มราคาประหยัดมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะในไทยมีอัตราการเกิดของเด็กประมาณ 1 ล้านกว่าคนต่อปี จึงทำให้ตลาดผ้าอ้อมของเด็กยังมีการเติบโตที่ดีเฉลี่ย 2 หลักมาตลอด
ดังนั้น ทางบริษัทฯ จึงเปิดตัวแบรนด์ “ฮักกี้ อัลตร้า” กลับเข้ามาทำตลาดในไทยอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้ หลังจากที่เคยหยุดทำตลาดไปนานหลายปี ซึ่งการกลับมาครั้งนี้เป็นการนำนวัตกรรมใหม่ของผ้าอ้อมที่พัฒนาที่เกาหลีมาใช้กับตลาดประเทศไทยเพื่อให้มีความเหมาะสมกว่าในอดีตที่ผ่านมาซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากที่เกาหลีแบรนด์ “ฮักกี้ อัลตร้า” เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 80% อีกทั้งยังเป็นผู้นำตลาดและติดระดับผู้นำในหลายประเทศด้วย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน มาเลเซีย ออสเตรเลีย อเมริกา เป็นต้น
ตำแหน่งของสินค้าบริษัทฯ จับกลุ่มพรีเมียม และราคาที่จำหน่ายสูงกว่าคู่แข่ง 5-10% เนื่องจากมีนวัตกรรมและเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากเกาหลี แต่มั่นใจกับคุณสมบัติของตัวสินค้าที่บางเบา ซึมซัมได้ดี และกระชับกับตัวเด็ก จะสามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้ ซึ่งในท้องตลาดเวลานี้มักจะแข่งขันกันที่ราคา โดยตลาดรวมขณะนี้มีแบรนด์ มามี่ โพโคะ เป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์ 60% ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่น เช่น เบบี้เลิฟ ดรายเพอร์ส เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายว่าแบรนด์ฮักกี้ อัลตร้าจะมีส่วนแบ่งตลาดในช่วง 3 ปีแรกนี้ประมาณ 15% ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 3 ในตลาดได้
สำหรับแผนการตลาด ใช้งบตลาดปีนี้ 150 ล้านบาท รุกตลาดทั้งบีโลว์เดอะไลน์ และอะโบฟเดอะไลน์ วางจำหน่ายสินค้าในช่องทางโมเดิร์นเทรดแทบจะ 100% แล้ว เน้นการทำกิจกรรมเป็นหลักและการใช้สื่อดิจิตอลออนไลน์ในการเข้าถึงลูกค้า มีการจัดทำเฟซบุกแฟนเพจ การทำไวรัล และการทำหนังโฆษณา โดยมี “เคท-ไบรโอนี่” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งขณะนี้มียอดแชร์ประมาณ 6,000 แชร์ มียอดวิวประมาณ 2 แสนเพจวิว และมีผู้ติดตามเฟซบุ๊กอีกประมาณ 10,000 กว่าราย คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 1 แสนราย
“ตลาดผ้าอ้อมเด็กในไทยมีการเติบโตที่ดีมาก แต่ที่เติบโตดีและเป็นตลาดใหญ่คือตลาดผ้าอ้อมกางเกง ส่วนแบ่ง 70% และตลาดผ้าอ้อมเทปกาว 30% ซึ่งเราก็ทำตลาดทั้ง 2 แบบ ส่วนตลาดกลุ่มแมสคาดว่าปีหน้าอาจจะเข้ามาทำตลาดได้ ส่วนตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ที่เกาหลีก็มีการทำตลาดเหมือนกัน แต่ในเมืองไทยเรายังไม่ได้ทำ ขอมุ่งเน้นกลุ่มเด็กพรีเมียมก่อน” นางราตรีกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคิมเบอร์ลี่ยฯ ทำตลาดสินค้า 2 กลุ่มในไทยคือ กระดาษชำระแบรนด์สก๊อต กับ คลิเน็กซ์ เป็นตัวหลัก มีส่วนแบ่งอันดับหนึ่งมากกว่า 46% ในกลุ่มรีเทลที่มีตลาดรวมกว่า 5,000 ล้านบาท เป็นผู้นำตลาดมากกว่า 50% ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท อีกกลุ่ม ผ้าเปียกและผ้าอ้อมสำเร็จรูป ซึ่งยังมีสัดส่วนรายได้น้อยมาก